ช่วงเวลา 18 .00 น.- 19.00 น. ผมนั่งดูข่าวทางทีวีช่องหนึ่งเมื่อวันนี้...สะท้อนใจ และเศร้าใจเกี่ยวกับข่าวสารของเมืองไทย...มีแต่ข่าวทางลบมากกว่าทางบวก...เช่น กรณีระเบิด 21 จุด ที่ยะลาและมีการฆ่ารายวัน...ในพื้นที่ 3 จว. ภาคใต้ตอนล่างอย่างต่อเนื่อง...
ผมสงสารผู้บริสุทธิ์ที่ต้องมารับผลแห่งความไม่สงบนั้น...ครับ เรื่องนี้เปรียบเหมือนร่างกายเราเป็นแผลร้าย...ถ้าเราเฉย...เดี๋ยวมันก็หายเอง...ผมว่าไม่นานช้า...เจ้าแผลร้ายมันจะเป็นทั่วตัว...แล้วรอวันจากโลกนี้ได้เลย...ครับ
ถ้าประเทศไทยเปรียบเหมือนร่างกายเรา...ท่านโปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วน...ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...พวกเรารักประเทศไทย...และรักที่แท้นั้นอยู่ที่ไหน...หรืออยู่ที่น้ำผึ้ง...หรือน้ำตา...หรือยาพิษ...หรือหยาดน้ำอำมฤตที่หวานชุ่ม...หรือความโหด...ความร้าย...หรือไฟรุม...หรือใจกลุ้มฝันถึง...คือรักแท้...
ผมกำลังมองหาความรักแท้ที่พวกเราพึงมีให้แก่กันและกัน...มีบ้างไหม...อยู่ที่ใดบ้าง...เราจะมอบให้แก่กันได้อย่างไร...ผมเคยเป็นเพื่อนร่วมงานรับใช้ประชาชนใน 3 จว. ภาคใต้ตอนล่าง...เพื่อทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน...และคืนประโยชน์ให้แก่แผ่นดิน..
.ผมรู้ว่าท่านทั้งหลายกำลังแสวงหารักแท้เช่นกัน...ทุกศาสนาต่างสอนให้ทุกคนเป็นคนดี...มีศีลธรรม...พุทธศาสนา...สอนเรื่อง...เมตตา...กรุณา...มุทิตา...อุเบกขา...และให้อยู่ในหลักธรรมแห่งความสงเคราะห์มี โอบอ้อมอารี วจีไพเราะ สงเคราะห์ประชาชนและการวางตนให้พอดี...สิ่งเหล่านี้...
ถ้าเป็นหลักธรรมที่นอนอยู่ในจิตใจคนใด...เขาคนนั้นคงมีรักแท้อยู่บ้างนะครับ...
มีการเล่าเรื่องความรักในนิตยสาร HealthToday ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2549 หน้า 26 ความว่า เทพเจ้ามอบความรักให้มนุษย์แต่เขาไม่เห็นคุณค่า...เลยสั่งเทพธิดาให้นำความรักไปฝังดิน...มนุษย์ก็ไปค้นหาขุดเอาขึ้นมาได้...ให้เอาไปไว้บนยอดเขา...ก็เอามาได้...เอาไปไว้ใต้น้ำทะเลลึก...ก็เอามาได้...เทพเจ้าจึงสั่งให้เอาความรักมาไว้ที่จิตใจของมนุษย์ทุกคน...ได้ผล...คือมนุษย์ค้นหาไม่เจอครับ...ฮา ๆ เอิก ๆ
ผมว่าผู้ที่มีศีลธรรมเท่านั้นจึงค้นหาเจอครับ...ปัญหาว่า...ทำอย่างไร...ผู้คนจึงจะมีศีลธรรม...ถ้าไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนคำเตือนของท่านพุทธทาสภิกขุที่กล่าวว่า...ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา...โลกาจะพินาศ...
และในมุมมองของผมเกี่ยวกับรักที่แท้นั้นคือ...รักที่มาจากศัพท์ว่า...เมตตา...ที่เราจะพึงมอบให้แก่กันและกัน...ส่วนรักที่มาจากศัพท์ว่า...ตัณหา...นั้นไม่เกี่ยวข้องครับผม...
โปรดติดตามตอนต่อไป
ด้วยความปรารถนาดี
จาก...umi
สวัสดียามดึกคะอาจารย์
กะปุ๋มเคยสงสัยคะว่า...ทำไมถึงเรียงเป็น เมตตา กรุณา มุทิตา และสุดท้ายคือ อุเบกขา...และพยายามศึกษาหาคำตอบแก่ตนคะ...
ไม่ว่าใดใดก็ตามสิ่งสูงสุดจบลงด้วยอุเบกขา...ไม่ว่ารักหรือสุข...
แต่อย่างไรก็ตามกะปุ๋มก็ยังเชื่อในเรื่อง "รักและเมตตา" เสมอคะ...
...
หากมนุษย์มีความรักไร้กิเลสในหัวใจได้...นี่คงเป็นเรื่องสุขสุดในสังคมโลกนะคะ...
ตอนนี้ความมีศีลธรรมเริ่มเสื่อม...การศึกษาไม่ได้ช่วยให้คนมีศีลธรรมมากขึ้น...หากแต่ยิ่งกลับแยกแยะไม่ได้ระหว่างความดีกับความชั่ว...เพราะมนุษย์เรานั้นเริ่มทำตามอารมณ์มากขึ้นเท่านั้นคะ...
ด้วยจิตศรัทธาคะ
กะปุ๋ม
อรุณสวัสดิ์ครับ คุณกะปุ๋ม
เนื่องจาก เมตตา คือธรรมเป็นเครื่องค้ำชีวิตจิตใจที่ยิ่งใหญ่...ดังคำพระว่า...โลโกปัตถัมภิกา เมตตา...
จึงเรียงไว้ก่อนครับ...แต่ทุกข้อ...เป็นอกาลิโกทั้งนั้นครับ...ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ไหน...จะใช้ข้อใดก่อนได้
เรื่องพรหมวิหารนี้เหมือน 4 ล้อของรถจะขาดล้อใดไม่ได้เลยเวลาใช้งานครับและ...เป็นธรรมเพื่อเสริมความเป็นมนุษย์และเป็นธรรมเพื่อปกครองคือคุ้มครองชีวิตที่ดีร่วมกันครับ
เป็นสิ่งที่ดีครับที่คุณเชื่อในเรื่องรักและเมตตา...เห็นด้วยเรื่องสุ๘สุดในสังคมโลก
การศึกษามาผิดทางหรือเปล่าครับ ฮา ๆเอิก ๆ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
เห็นข่าวแล้วรู้สึกแย่ๆ เหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสงบสุขเหมือนเดิมสักที
อยากให้คนที่บอกว่ารักประเทศไทยมีความเมตตาต่อเพื่อนร่วมประเทศด้วยกันบ้างจังค่ะ
สวัสดีครับ คุณกุ้งกิ้ง
ถ้าทุกคนยังถือว่า...ธุระไม่ใช่...คงไม่มีวันจบแน่ครับ
และอาจไม่มีใครที่จะอยู่สุขสบายเหมือนเมื่อก่อน
ผมสงสารผู้บริสุทธิ์ทุกคนทุกศาสนาครับ...จึงปรารถนาให้ผู้คนมีเมตตาต่อกัน...
ผมพบเพื่อน ๆเมื่อพูดถึงเรื่องนี้...พวกเขา...นิ่ง..สายตาเหม่อลอย...มองไปอย่างไร้จุดหมาย...พูดไม่ได้...
เหมือนน้ำท่วมปาก...ต่อเมื่อออกไปสงขลาแล้วพอคุย
ยิ้ม...ได้บ้าง...ครับ
ขอบคุณครับ
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi
สวัสดีครับ คุณบวร
อ่านแล้ว...เปรียบเหมือนเป็นสิ่งแทนใจที่เรามอบให้พี่น้องของเราทุก ๆท่าน...ครับ
ขอบคุณครับผม
ด้วยไมตรีจิตมิตรภาพ
จาก...umi