ท่านผู้อ่านอย่างเพิ่งงงกับชื่อเรื่องนี้ หรือคิดว่าทำไมหนูที่ร้องจี๊ดๆ และเป็นเหยื่อของแมว จึงดีใจที่ได้เกิดมาเป็นหนู เพราะผู้ัที่พูดประโยคนี้กับฉันไม่ใช่หนู แต่เธอเป็นลูกผู้น้องของฉัน ซึ่งมีอายุเกินวัยเด็กหญิงหรือเด็กสาวที่มักจะใช้สรรพนามแทนตัวว่าหนูไปนานแล้ว
ชีวิตน้องสาวคนนี้ค่อนข้างจะน่าสงสาร เธอเป็นลูกสาวคนที่สามในจำนวนพี่น้องสิบเอ็ดคนของคุณน้นของฉัน ครอบครัวคุณน้าเมื่อเปรียบเทียบกันกับครอบครัวซึ่งมีลูกเพียงคนเดียวอย่างครอบครัวคุณแม่ของฉัน จึงออกจะแตกต่างกัน แต่คุณแม่ก็ไม่ทิ้งครอบครัวของน้องสาว และยังปลูกฝังฉันในเรื่องดังกล่าวด้วย โดยสอนฉันแบบคนสมัยก่อนว่า "อย่าทิ้งสายเลือดเดียวกัน" แล้วก็ให้เหตุผลว่าเพราะอะไรจึงควรเป็นเช่นั้น
ด้วยความเชื่อฟังคำสอนของคุณแม่และด้วยความเมตตาฉันจึง "ดูแล" น้องๆ ไปตามความสามารถและความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้องสาวคนนี้ฉัน "ดูแล" มากเป็นพิเศษ เพราะเธอเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ กตัญญู ขยันขันแข็ง อดทน และตระหนักในหน้าที่ดูแลรับผิดชอบน้องอีกหลายคน หลังจากพ่อแม่เสียชีวิตไปแล้ว ชีวิตรักและชีวิตครอบครัวของเธอก็น่าสงสาร เธอต้องยืนหยัดอยู่เพียงลำพัง แต่เธอก็เข้มแข็งสู้ชีวิต ไม่ว่าจะเกิดปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ เธอบอกฉันเมื่อเธอประมวลเรื่องราวในการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาด้วยความทุกข์ยากลำบากของเธอว่า บางครั้งเธอรู้สึกท้อแท้กับชีวิตมาก แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่ายังมีพี่ที่เมตตา ห่วงใยเธอตลอดเวลา เธอเป็นคนไม่ค่อยพูด หรือพูดไม่ค่อยเป็น เธอบอกฉันว่า "หนูน่าจะดีใจที่ได้เกิดมาเป็นหนู เป็นน้องของพี่"
ฉันฟังแล้วรู้สึกดีใจ ไม่ใช่ดีใจเพราะน้องชมเรา แต่ดีใจที่น้องเป็นคนที่เข้าใจคิด โดยรู้จักใช้ฉันทะ คือความยินดี มีความพอใจในสิ่งที่มีอยู่ เป็นอยู่ตามความเหมาะสม ไม่ท้อแท้สิ้นหวังหรือตะเกียกตะกายจนเกินกำลัง โดยกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรในการดำเนินชีวิต
ฉันคิดว่านอกจากฉันทะในการดำเนินชีวิตแล้ว คนเราน่าจะมีฉันทะในการเล่าเรียน การทำงาน และการดำเนินชีวิต ที่ได้ตั้งใจทำมาอย่างดีที่สุดแล้ว เพราะฉันทะเป็นคุณธรรมที่หล่อเลี้ยงใจให้เรามีความพอใจ และเมื่อใดที่เราพอใจในการกระทำสิ่งใด เราย่อมเกิดความคิดที่จะพัฒนา หรือปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่เราทำอยู่นั้นให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งความคิดดังกล่าว อาจจะทำให้เราสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม เช่น ความรู้ใหม่ หรือผลงานชิ้นใหม่
พูดถึงเรื่องฉันทะแล้วอดเป็นห่วงเด็กวัยลูกหลานที่กำลังสอบเอนทรานซ์ไม่ได้ ที่ห่วงคือ ห่วงว่าเขาจะไม่รู้จักว่า ฉันทะที่แท้จริงของตัวเขาเองคืออะไร เห็นเพื่อนเฮไหนก็เฮด้วย ค่านิยมหรือกระแสนิยมเรียนอะไรก็นิยมด้วย โดยไม่พิจารณาสมรรถนะคู่ไปกับฉันทะ
คิดแล้วอยากเชิญอาจารย์แนะแนวที่มีฝีมือและถ่ายทอดเก่งๆ มาคุยกับเด็กและผู้ปกครอง ให้รู้จักความพอใจที่แท้จริงหรืฉันทะของเด็กสักครั้งก่อนที่เด็กจะหลงทางเอนทรานซ์ไปอย่างน่าเสียดาย
ขอฝาก พระบรมราโชวาท ไว้เป็นหลักทำงาน
...การทำงานให้ได้ยั่งยืนและมั่นคงก้าวหน้า ไม่เลิกราท้อถอยเสียกลางคันนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง สำหรับผู้มีหน้าที่สร้างสรรค์ความเจริญ ข้อนี้ขึ้นอยู่กับการรักษาเจตนา รักษาความตั้งใจ พอใจ และผูกใจในงานยิ่งกว่าอื่น เพราะความพอใจในงานนั้น ย่อมทำให้เกิดความเพียรและอดทน ที่จะกระทำงานให้ต่อเนื่องกันไปได้โดยตลอด...
ลองตอบคำถามให้กับตัวเองดูว่า (แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน)
1. ในชีวิตของท่าน ท่านมีฉันทะต่อสิ่งใดบ้าง เพราะเหตุใด
2. เมื่อมีฉันทะต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร (โปรดยกตัวอย่าง)
3. ถ้าท่านมีฉันทะต่อวิชาใดวิชาหนึ่งที่เรียน ผลจะเป็นเช่นไร และในทำนองเดียวกัน ถ้าท่านขาดฉันทะ ผลจะเป็นเช่นไร (โปรดยกตัวอย่าง)
สโรชา
ไม่มีความเห็น