เรามักจะได้ยินพระกล่าวคำว่า "อายุ วรรโณ สุขัง พะลัง" ซึ่งเป็นสิ่งที่ประกอบในชีวิตให้เจริญยิ่ง ๆขึ้นไป แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นด้วยอาศัยการอ้อนวอน หรือความปรารถนาอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่ แต่มีเหตุปัจจัยให้เกิด....
ท่านทั้งหลายที่ปรารถนาสิ่งเหล่านี้จะต้องปฏิบัติสิ่งที่เป็นเหตุปัจจัย ที่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นเอง คือ กินอาหาร,ออกกำลังกาย,ถ่ายอุจาระปกติ,และมีสติไม่โมโหโทโส เป็นอย่างน้อย..
ความมีอายุยืนก็เป็นเรื่องจริงขึ้น,ผิวพรรณผ่องใสเพราะไม่โกรธใคร,มีความสุข เพราะไม่เครียดจากสารเคมีในอาหาร,ได้ออกกำลังกาย ได้สารเอ็นโดรฟิน,มีพลังงานตามวัยตามควร...
ที่นี้มาว่ากันที่ พรคืออะไร...คำว่าพรนั้น ที่จริงในภาษาพระ แปลว่า ผลประโยชน์ หรือสิทธิพิเศษที่ให้ตามคำขอ....
การขอสิทธิพิเศษ เรียกว่า ขอพร แล้วเขาให้ตามคำขอก็เรียกว่า ให้พร
อีกความหมายหนึ่ง คือ พร แปลว่า ประเสริฐ อะไรก็ตามที่เป็นของประเสริฐ เช่น พระรัตนตรัย ก็คือ วร คือเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ปัญญาก็เป็น วร คือเป็นสิงประเสริฐ ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นพรทั้งนั้น
มาคนไทยเราใช้คำว่า พร ในความหมายว่า สิ่งที่เราปรารถนา สิ่งที่ดีงามที่อยากจะได้ ....มีความหมายผิดเพี้ยนไป
แต่ก็ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งประเสริฐ สิ่งที่เลิศล้ำกว่า หรือสิงที่อยาก ที่ปรารถนาก็ตาม ..
ถ้าท่านต้องการได้พรเหล่านี้ ก็ต้อทำจิตใจให้ถูกต้อง โดยเฉพาะจะต้องมีความเชื่อมั่น ทำจิตใจให้สงบ ผ่องใสพร้อมทั้งมีความมั่นใจ มีกำลังใจ เข้มแข็งที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ซึ่งตรงกับที่ทางพระเรียกว่า อธิษฐานจิต
การอธิษฐานจิตนั้น ท่านแปลว่าการตั้งจิตให้แน่วแน่มั่นคง หรือการตั้งใจเด็ดเดี่ยว แต่ในภาษาไทย อธิษฐาน มีความหมายเพี้ยนไป กลายเป็นว่า อ้อนวอนปรารถนา....
แต่สรุปว่า ถ้าอยากได้พร ก็ต้องอธิษฐานจิต(แบบพระ) เป็นการเริ่มต้นจะทำให้มีพลังที่จะทำต่อไป อย่างจริงจัง เมื่อเริ่มต้นดี ก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว การเริ่มต้นที่ดี คือการตั้งใจให้แน่วแน่มมั่นคงเข้มแข็งนั่นเอง..ที่เหลือคือการปฏิบัติ พรนั้นก็สัมฤทธิ์ดั่งใจครับ...
สวัสดีปีใหม่ใจสดใส
หมดทุกข์โศกโรคภัยไม่หม่นหมอง
ปรารถนาสุขสิ่งใดให้สมปอง
พรสนองทุกทิวาราตรีกาล
ขอบคุณครับ คุณนงนาท ..ครับ