บันทึกนี้ผมขอนำเสนอ "กระดาน" รายละเอียดเล็ก ๆ ที่ส่งเสริมให้เกิดความรู้และปัญญาใหญ่ ๆ ได้ครับ
กระดาน ใช้ทำอะไร
กระดาน เราจะหาไปจากที่ไหน
และกระดานมาได้อย่างไร
เชิญติดตามชมรายการ "กบเกือบนอกกะลา" ในชื่อตอนว่า "กว่าจะมาเป็นกระดาน"
ขอเชิญทรรศนาด้วยความหรรษาครับ
ขอขอบคุณภาพ "กบ "จาก
www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.ph...)
พี่คะ ๆ ทำเราต้องมีกระดานด้วยคะ
"อื่ม ผมคิดว่า ถ้าไม่มีกระดานครูก็ไม่สู้จะใช้อะไรสอนหนังสือนะครับ"
พี่คะ ๆ เวลาทำ KM เราต้องใช้กระดานไหมคะ
อื่ม ผมคิดว่า ถ้าไม่มีกระดาน คุณอำนวยก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่ในการจัดกิจกรรมนะครับ"
แล้วพี่คะ ๆ
"เอ่! น้องนี่ถามมากจัง"
แล้วกระดานเราจะเอามาจากไหนเหรอคะ
"อื่ม จะให้ตอบแบบ กำปั้นทุบดินหรือจะให้ตอบอย่างมีปัญญาล่ะครับน้อง"
เอาแบบกำปั้นทุบดินก่อนก็ได้คะ
"ก็หายืมเขาแถว ๆ นั้นสิน้อง แอบหยิบมา ขโมยมาก็ได้
ถ้ามีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่ต้องใช้
ฝาบ้านก็ได้น้อง ปากกาเขียนแล้วซึมไปเลอะฝาบ้านเขาก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ใช่บ้านเรา"
แล้วถ้าตอบแบบมีปัญญาล่ะคะพี่ขา
"อื่ม พี่คงตอบไม่ได้หรอกน้องเอ๋ย เพราะพี่ต้องไปจัดการความรู้ก่อนนะว่า กระดาน จะได้มาอย่างไร
เพราะทุกอย่างก้าว เราเป็น KM ครับน้อง"
ถ้าอย่างงั้นหนูขอติดตามพี่เขาไปดูว่า "กระดาน" แบบจัดการความรู้จะมาได้อย่างไร.........
"ได้เลยครับ ตามพี่มา"
กระดานที่พี่เขายืนเขียนอยู่นี่น่ะเหรอคะ มาจากการจัดการความรู้ หนูไม่เห็นมีอะไรแปลกตรงไหนเลย ก็เหมือนกระดานทั่ว ๆ ไป
"อ้าวน้อง พูดอย่างนี้ระวังหน่อย Wait wait wait Beatiful นะน้อง แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน
อื่ม (เป็นครั้งที่ร้อยแปด ไม่รู้อะไรติดคออยู่ครับ)
กระดานเนี๊ยะไม่ใช่กระดานที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไปนะน้อง
เพราะเป็นกระดานที่ทีมงานสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์เขาร่วมจัดการความรู้กันมา
ประเด็นแรกเริ่มร่วมคิดกันว่า เราจะต้องมีกระดานไหม?"
นั่นน่ะสิคะ ทำไมต้องมีด้วย
"น้องครับ น้องรู้ไหมครับว่า หน้าที่หลักของพวกพี่ ๆ ชาวสำนักงานสหกรณ์จังหวัด เขาเนี่ยคืออะไรกัน"
อะไรเหรอคะ
"ก็ส่งเสริม ดูแลและพัฒนาสหกรณ์น่ะสิน้องเอ๋ย"
ค่ะ แล้วเกี่ยวอย่างไรกับกระดานล่ะคะ
"เวลาพวกพี่ ๆ เขาไปส่งเสริมสมาชิกของสหกรณ์ จัดประชุมอะไรต่าง ๆ นอกพื้นที่
คือพวกพี่เขาเนี่ยนะ จะต้องมีทีมงานที่เขาเรียกชื่อกันว่า Mobile Unit เป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ ออกดูแล พัฒนาและส่งเสริมให้เกิดมีสหกรณ์ขึ้นมา
เมื่อมีแล้วก็ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ให้สหกรณ์เจริญก้าวหน้าไปได้เรื่อย ๆ ไงน้อง"
ค่ะ หนูฟังพี่มาตั้งนาน ก็ยังไม่ทราบเลยค่ะ ว่าเกี่ยวอะไรกับกระดาน
"ก็เวลาออกไปทำงานนอกพื้นที่ พี่ ๆ เขาไม่ได้ไปประชุมตามโรงแรมหรู ๆ มีคอมพิวเตอร์ มีโปรเจคเตอร์ต่าง ๆ ไว้คอยอำนวยความสะดวกนะน้อง เวลาพวกพี่เขาออกไปจัดประชุมกันอย่างมากก็มีกระดานดำ หรือไม่ก็กระดานขาว (White board) ไว้ให้ใช้
แต่ปู่ ย่า ตา ยาย แถว ๆ บ้านพี่ท่านสอนเอาไว้ว่า "อย่าไปหวังน้ำห้วยหน้า" ต้องเตรียมอะไรต่าง ๆ ไปให้พร้อม
ไม่ใช่จะไปหวังว่าที่เราไปนั้นมีมั๊ย หรือจะต้องเสียเวลาไปหยิบยืมวัด ยืมโรงเรียน เสียเวลาประชุมอันมีค่าหมด"
ค่ะ เริ่มเข้าใจ แล้วไงต่อคะ
“คราวนี้ท่านสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ในขณะนั้น ก็ได้ไปพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการเพื่อหาข้อมูลต่าง ๆ ว่าเราจะเอากระดานมาจากไหน น้องทายสิครับว่า การได้มาซึ่งกระดาน จะมาอย่างไร”
ก็ไปซื้อมาสิคะ พี่จะเสกมาเหรอ
“ตอบอย่างนี้ ถ้าเป็นแถวบ้านพี่อาจจะได้ไปนั่งรถ BMW ของพี่ ๆ สี่หนุ่มสี่มุม ที่สถาบันบำราศฯ ได้ไม่รู้ตัวนะเนี่ย TK ของ 4 หนุ่ม 4 มุม : นวตกรรมตะแกรงใส่แฟ้มผู้ป่วย”
หนูก็แซวเล่นนะค่ะพี่ พี่ได้มาอย่างไรเหรอคะ กระดานวิเศษ อ้อ ไม่ใช่ค่ะ กระดานที่มาจาก KM น่ะค่ะ
“คำถามนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย”
ประเด็นที่สอง กระดานนี้ท่านได้แต่ใดมา?
กระดาน KM ได้มาอย่างไรคะ
“ขั้นแรกเลยนะ เราก็ต้องไปจัดการความรู้ดูซิว่า กระดานที่เขาใช้กันอยู่เนี่ย หน้าตา ขนาด และรูปร่างมันเป็นอย่างไร”
จัดเวที KM เหรอคะ โอ้โห หนูว่าค่าจัดเวทีจะแพงกว่าค่ากระดานนะคะ
“เวที KM ไม่ได้เป็นอย่างที่หนูคิดเสมอไปหรอกครับ คุยกันในวงเล็ก ๆ ก็เป็น KM ได้ เพราะ KM อยู่ที่ใจ การจัดการความรู้ก็เพื่อให้รู้ว่าใครมีความรู้ และใช้นำความรู้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร”
อ๋อค่ะ แล้วเป็นอย่างไรต่อคะ
“จากนั้น เราก็มีเวทีอย่างไม่เป็นทางการ ก็คือวงสนทนาทั่ว ๆ ไปเนี่ยแหละ ว่ากระดานควรจะเป็นอย่างไร ขนาดไหน โดยเฉพาะจะขนย้ายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างไร”
(พี่พจน์ คนขับรถแสนใจดีพาผมและทีมงานออกพื้นที่บ่อย ๆ ครับ
กระดานที่ออกแบบมานำใส่ด้านหลังรถตู้ได้อย่างสบายจำนวน 3 ชิ้นครับ
โดยเฉพาะใจดีมาก ๆ ตอนที่ผมกลับอุตรดิตถ์ พี่พจน์จะไปรับผมที่ขนส่งเสมอ ๆ ครับ)
แล้วพี่ไปจัดการความรู้กับใครคะ
“คนที่ใช้กระดาน กับคนที่เคยเห็นกระดานครับ
KM จะไม่ทำแบบ คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้
ต้องร่วมกันคิด ร่วมกันออกความคิดเห็น ต้องการใช้อย่างไร ขนาดไหน แบบไหนขนง่ายขนยาก ใส่รถไปลำบากไหม เห็นมั๊ย ก็เป็นวิถีการพูดคุยธรรมดา เนี่ยแหละ KM ไม่ใช่สิ่งอะไรที่วุ่นวาย เพียงแค่จัดการความรู้จากคนที่รู้แล้วนำความรู้นั้นมาใช้ประโยชน์”
ค่ะ เริ่มเข้าใจแล้วค่ะ
“เมื่อได้รูปแบบของกระดานคร่าว ๆ แล้ว เราก็ต้องตัดสินใจว่า จะซื้อหรือทำ Make or Buy อันไหนดีกว่ากัน”
ซื้อสิค่ะ ง่ายดี
“นั่นน่ะสิ ง่ายดี เป็นคำตอบที่น่าพาไปสถาบันบำราศฯ เหลือเกิน ความง่ายไม่ได้ก่อให้เกิดปัญญานะครับ”
แล้วพี่ทำอย่างไรกันคะ
“ใครทำกระดานได้บ้าง ใครมีฝีมือในการกระทำดานบ้างครับคนไทยมิใช่คนโง่นะครับ คนไทยมีความสามารถติดตัวกันมามากมาย
คนในสำนักงานหลายสิบคน ถ้าเรามีการจัดการความรู้ เราจะรู้ว่า “เรามีพลังอะไรบ้าง”
ทุก ๆ คนเป็น “ทรัพยากร” มนุษย์ที่สำคัญของหน่วยงาน เขาไม่ได้เกิดพาเพื่อพิมพ์ดีดอย่างเดียวหรอกครับ มันอยู่ที่เราว่า เราจะสามารถดึงทุนต่าง ๆ เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ให้สูงที่สุดได้อย่างไร เนี่ยแหละครับจุดประสงค์หลักอันหนึ่งของ “การจัดการความรู้” จัดการให้ได้รู้ “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” ถ้าเรารู้เรา และรู้ว่าเรามีทุนมีศักยภาพอะไรบ้าง และใช้ศักยภาพของเราให้หมด พลังแห่งการจัดการความรู้นั้นก็จะเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหาศาล” แล้วตกลงใครไปคนที่ทำกระดานคะ “อ๋อ พี่อ๊อดครับ หรือชื่อเต็ม ๆ ของพี่เขาก็คือพี่วิทยาครับ” สำนักงานสหกรณ์ฯ มีตำแหน่งช่างด้วยเหรอคะ “พี่เขาไม่ได้เป็นช่างประจำสหกรณ์หรอกครับ พี่เขาเป็นคนขับรถ” คนขับรถทำกระดานได้เหรอคะ “อ้าว คนขับรถน้องจะให้ขับรถเป็นอย่างเดียวหรือไงครับ พี่บอกน้องแล้วทุก ๆ คนมีความรู้ต่าง ๆ ฝังอยู่ในตัวเองอย่างมากมาย เรามีหน้าที่จัดการให้เราได้รู้และดึงความรู้นั้นออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดครับ” ค่ะ ดีจังเลยนะคะ “ใช่แล้วครับ เพราะนอกจากเราจะประหยัดงบประมาณแล้ว เรายังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้ทำร่วมกันอีกมากมาย ได้รู้จักสนิทสนมกันมากขึ้นครับ
ในชีวิตของเขา เขาได้ผ่านอะไรมาอย่างมากมาย น้องจำกิจกรรม แนะนำตัวได้ไหมล่ะ การจัดการความรู้แบบมีส่วนร่วม : Mind Mapping
ถ้าเรารู้จักกันเป็นอย่างดี เราก็จะรู้ว่าใครมีความรู้ความสามารถอะไร ความรู้ที่ทุก ๆ คนมีนั้นเป็น “ทุน” ที่มีคุณค่ายิ่ง
ชีวิตการทำงาน นอกจากจะต้องทำงานร่วมกันแล้ว เรายังจะต้องดำเนินชีวิตร่วมทุกข์และร่วมสุขกันอีกมากมาย ดังนั้นการจัดการความรู้จะผลสำเร็จได้นั้น นอกจากความรู้ที่เรียกว่า "ศาสตร์" แล้วเราจะได้มี "ศิลป" ควบคู่กันไปด้วยครับ....”
การที่เราได้รู้จักกันมากมาย เราก็จะเข้าใจกันมากขึ้น
การทำงานต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่งานหลัก แต่นั่นก็จะทำให้ทุก ๆ คนได้ทำเกิดความภาคภูมิใจว่า คนอื่นเขายังเห็นความสามารถของเรา
เนี่ยแหละครับ การสร้างเสริมกำลังใจกันอย่างง่าย ๆ
ไม่เห็นต้องไปซื้อของขวัญ ไปจัดเลี้ยงอะไรกันให้วุ่นวาย
ชื่นชมในศักยภาพ ให้เขาได้ทำงานอย่างที่เขาถนัด จุดเล็ก ๆ เหล่านี้ ผู้บริหารจะมองข้ามไม่ได้นะครับ
การจูงใจ เป็นศิลปของการจัดการชั้นเลิศ
นี่แหละครับ “กบ (เกือบ) นอกกะลา” ตอน “กว่าจะมาเป็นกระดาน”
ขอบคุณน้องพอลล่าที่ไปเป็นพิธีกรภาคสนามที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดกลับมา
ขอบคุณพี่ ๆ ในสำนักงานสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านอดีตสหกรณ์จังหวัดอุตรดิตถ์ คุณจารุวรรณ นันทพงษ์ ได้ “เอื้อ” วงจรแห่งกระบวนการเหล่านี้ให้เกิดขึ้นมา
กระบวนการนี้ยังจะไม่หยุดหมุน ถึงแม้ว่าท่านจะได้ย้ายไปทำหน้าที่ ณ หน่วยงานใหม่แล้วกระบวนการนี้จะหมุนวนไปตราบนานเท่านาน
เพราะทุก ๆ คนรู้ว่า “การจัดการความรู้” นั้นเป็นอย่างไร
ขอพลังแห่งความรู้จงสถิตกับทุก ๆ ท่านตลอดไป
ปภังกร วงศ์ชิดวรรณ