nashville


เมื่อมาถึงที่ Nasville แม่ต้อยพบความประทับใจของผู้คนที่นี่มาก เขาเอาใจใส่



เมื่อประมาณเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
แม่ต้อยได้คุยกับอาจารย์ อนุวัฒน์ว่าอยากจะเข้าร่วมประชุมที่สถาบัน planetree
จัดขึ้นสักครั้ง
เพราะว่าดูแล้วแนวทางการทำงานของเขามีอะไรที่ใกล้เคียงกับที่เราได้ทำมาพอสมควร ทางสรพ.เราน่าจะได้มีการรับรู้เพื่อมาจัดระบบงานเราให้ดียิ่งขึ้น

แต่เหตุผลที่สำคัญประการหนึ่งคือ ในช่วงนั้นแม่ต้อยแอบมีความฝัน
เป็นความฝันที่อยากจะสร้างหน่วยงานเล็กๆภายใต้ร่มของสรพ.นี่แหละให้มีหน้าตาคล้ายๆกับplanetree ของอเมริกาเขา ถึงกับคุยกับอาจารย์ อนุวัฒน์ว่าเราน่าจะใช้อาคารเดิมค่อยๆทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา



น้องๆอาจจะอยากรู้ว่าแล้ว planetree นี่มันเป็นอะไร ตอนนี้เท่าที่ทราบคือ
เป็นสถาบันหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับตัวผู้ป่วย ครอบครัว และชุมชน ใช้มิติทางจิตใจ และความสัมพันธ์ระหว่างคนไข้ ญาติ เป็นตัวขับเคลื่อนระบบคุณภาพ 


และรวมทั้งการใช้ศาสตร์ด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของผู้ป่วย เช่น
ดนตรี การฝีมือ การเต้นรำ รวมทั้งการจัดสิ่งแวดล้อม การdesign สิ่งแวดล้อมที่ดี 
และระบบต่างๆเหล่านี้จะก่อให้เกิดความปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยและคนทำงาน



หมอโกมาตรเองก็มีความสนใจ และบอกแม่ต้อยว่า “ ก็เป็นงานที่แม่ต้อยทำทั้งหมดนั่นแหละ “  อาจารย์ อนุวัฒน์ จึงสนับสนุนให้แม่ต้อย
รวมทั้งคุณหมอโกมาตรไปดูสิว่าเขาทำอย่างไรกัน?



ตอนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าบ้านเมืองเราจะมีน้ำท่วมมากมาย
เช่นนี้   เมื่อใกล้วันเดินทาง แม่ต้อยถอดใจแล้วละว่าจะไม่ไปประชุมแล้ว โทรศัพท์คุยกับหมอโกมาตรหลายครั้ง

“ หากแฟนผมยอมย้ายไปต่างจังหวัด
ผมยังอยากไปอยู่นะ “  แสดงความมุ่งมั่นของอาจารย์โกมาตร  ที่จริงศาสตร์นี้ในประเทศไทยก็คุณหมอโกมาตรนั่นแหละที่นำมาสร้างแรงบันดาลใจ และแม่ต้อยก็ชอบมากมาย แม่ต้อยจึงนับถือว่าหมอโกมาตรคือครูคนหนึ่งทีเดียว

 

 

ในที่สุด คุณหมอโกมาตร แจ้งว่าไม่ไปแล้วละ
ไม่สะดวกหลายอย่าง  ซึ่งแม่ต้อยเข้าใจดี
ในฐานะหัวหน้าครอบครัว ย่อมเป็นห่วงหน้าพะวงหลังแน่นอน และรวมทั้งคุณหมอดกมาตรเองได้อุทิศพลังร่างกายและความคิดในการลงไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในคราวนี้อย่างจริงจัง น่าชมเชยเป็นอย่างยิ่ง

 

แม่ต้อยเองก็คิดหนัก พอดีทางครอบครัวบอกแม่ต้อยว่า”
ไปเถอะ เพราะว่าลูกสาวก็เตรียมตัวไปแล้ว แม่ต้อยอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก “ ( อ้าวๆๆๆ )  ทำไมแม่ต้อยราคาไม่ค่อยมีเลยนะ  แต่ก็ตกลงคะ



การเดินทางจึงเป็นไปด้วยความไม่สะดวก
เพราะข้าวของยังอยู่ที่บ้าน นี่นา เตรียมมาไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่  แต่เอาเหอะ คงไม่มีใครมามองหรอกว่าแม่ต้อยจะแต่งตัว เช่นไร? ใส่ชุดเดิมๆสักสองสามวันจะเป็นไรไป????

 

คืนวันจะเดินทาง แม่ต้อยโทรไปแจ้งอาจารย์
อนุวัฒน์ อีกครั้ง “ พี่หนีน้ำไปไกลจังเลย เดินทางปลอดภัยนะครับ”  พร้อมกับหัวเราะชอบใจ

เครื่องบินจะออกเวลา หกโมงเช้าของวันที่๒๙
คืนนั้นแม่ต้อยไปถึงสุวรรณภูมิ ราวเที่ยงคืนกว่าๆ เพราะเกรงใจคนที่ไปส่ง
มีน้องที่รู้จักกันพาไปนอนที่โซฟาในห้องพักเพื่อรอเช็คอินเวลาตีสี่ แฮ่ๆ



เครื่องบินออกจากสุวรรณภูมิเวลาหกโมงเช้า
แม่ต้อยลืมตาแทบไม่ขึ้น อ่านหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวน้ำท่วมด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก สงสารบ้านเมืองของเราจริงๆ



แม่ต้อยหลับไปจนถึงญี่ปุ่นใช้เวลา๖ ชั่วโมง  ไปเปลี่ยนเครื่องอีกครั้ง สายการบินที่ไปคือ UA เขาตรวจกันละเอียดมากมายทุกขุมขนกันเลยที่เดียว

 

 

คราวนี้ต้องนั่งนานถึง ๑๒
ชั่วโมงจากนาริตะไปที่วอชิงตัน แม่ต้อยทานอาหารเสร็จแล้วก็หลับอีก
มีชายหนุ่มฝรั่งนั่งข้างๆมองอย่างเวทนาว่า ป้าคนนี้แกเป็นอะไรของเขานะ เอาแต่นอนๆๆ



ตื่นมาอีกครั้งเครื่องกำลังจะลงสนามบินที่วอชิงตันแล้ว
อาหารเช้า หรือสแนคที่เขาจัดให้ระหว่างทางไม่ได้กินเลย  คงเห็นภาพแจ่มชัดนะคะว่าแม่ต้อยอาการหนักปางใด อิอิ



ที่สนามบินdullas วอชิงตัน แม่ต้อยมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆในการทำพิธีทางการเข้าเมืองและตรวจค้น เพื่อจะบินต่อภายในประเทศไปที่nashville

คนจำนวนมากมายกับการตรวจที่ละเอียดยิบทำให้ใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมง
แม่ต้อยและลูกทั้งวิ่งทั้งเดิน เพื่อให้ทันเวลาการไปต่อสายการบินในประเทศต้องนั่งรถไฟไปอีก เทอร์มินอล  ตอนนี้แม่ต้อยเริ่มหิวข้าวมาอย่างรวดเร็ว
เพราะว่าไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่คืนที่ผ่านมา  โล่งอก ที่สาวผิวดำเธอบอกว้าเครื่องยังไม่ออก    ตอนแรกแม่ต้อยยังบอกว่า เขาคงเลื่อนไฟล์รอนะ เพราะว่าเขาตรวจนานมาก  และเรายังต้องไปเอากระเป๋ามาขึ้นเครื่องใหม่อีกครั้ง   จากกำหนดที่เครื่องบินจะออกเวลา ๕ โมงเย็น
เลื่อนเป็น หนึ่งทุ่มพอดี ฮ่าๆ



แต่กว่าเครื่องจะออกได้ เสียงดังครืดคราด
แม่ต้อยก็เริ่มกังวล นักบินไม่ยอมบินสักที แม่ต้อยนั่งหลับไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ด้วยความเพลียสุดขีด 
เห็นรถคล้ายๆรถดับเพลิงมาฉีดน้ำที่หน้าปัดเครื่องบิน สักครู่
เครื่องบินก็บินอย่างนิ่มนวล ไปไปสนามบิน Nashville



หากแม่ต้อยรู้ว่า ที่เครื่องบินเขาเลื่อนนั้น
สาเหตุเพราะว่า ในขณะนี้ทางตะวันออก ของอเมริกา มีพายุหิมะรุนแรงมาก ที่นิวยอร์ค  นิวเจอร์ซี่ และหลายๆเมือง ไม่สามารถบินได้แล้ว หิมะตกหนักมาก  หลังจากแม่ต้อยบินออกมาแล้ว เขาก็งดบินไปแล้วคะ  ไฟถูกตัดขาด คนไม่มีอาหาร ไม่ได้ไปทำงาน  และหนาวมากเพราะไม่มีเครื่องทำความอุ่นในแถบนั้น



แม่ต้อยจึงคิดถึงบ้านเราอีกครั้ง  ก็นับว่าโชคดี ที่แค่น้ำท่วม แต่แม่ต้อยเริ่มรู้สึกว่าสังคมเราเริ่มก้าวร้าวมากมาย มีการกล่าวโทษกันไปมา ไม่ว่าฝ่ายใด ใช้คำพูดอันไม่เหมาะสม ต่างๆนานาเพื่อต่อว่ากัน แทนที่จะมาช่วยกันทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี



ที่ชมพู่ส่งวิดิโอของท่านพระอาจารย์เจิ้งเหวียนมาให้นั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะท่านอาจารย์บอกว่า คนไทยต้อง ใช้หลักพุทธศาสนา เพราะเราเป็นเมืองพุทธ
นั่นคือการมีทานบารมี มีเมตตา มีกรุณา และมีการให้อภัยกันต่อกัน
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าใครต้องการให้เกิด



เมื่อมาถึงที่ Nasville แม่ต้อยพบความประทับใจของผู้คนที่นี่มาก เขาเอาใจใส่
ช่วยเหลือคนแปลกหน้าด้วยความอบอุ่น แท็กซี่ที่นั่งมาชวนคุย ต่างๆนานา แต่
พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย ตอนนั้นสามทุ่มกว่าแล้ว แม่ต้อยออกจากบ้านมาแล้ว ๓๖ ชั่วโมง
เพลียมาก

 

“ เมืองไทยน้ำท่วมใช่ไหม?”
คำถามนี้ทำให้แม่ต้อยสะดุ้ง ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง

“ ทำไมรู้ละ ข่าวดังมากหรือ แม่ต้อยถาม”

 

“ ได้ยินจากข่าว
ที่นี่เมื่อปีก่อนก็ท่วมมาก  โรงแรมที่คุณจะไปพัก เพิ่งซ่อมเสร็จ ตอนนั้นน้ำท่วมถึงชั้นสอง...”

อ้าว.. อ้าว.. นี่เพิ่งหนีน้ำมา นะเนี่ย  พระเจ้าช่วยด้วยเถิด

“ น้ำท่วมเกือบปี พวกเราต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น”  หนุ่มแท้กซี่ชวนคุยอย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจว่าแม่ต้อยนั่งคอพับไปมา

แม่ต้อยหันไปมองบ้านเรือนเขา เห็นต้นไม้สวยเรียงรายตามถนน ลดหลั่นกันไป บ้านเรือนมีแสงไฟวิบวับ ไม่มีวี่แววของความเสียหายแม่แต่น้อย



โรงแรมที่ไปพัก  ที่เคยเสียหายจากน้ำท่วมดูโอ่อ่าเกินกว่าที่จะมาพักเพื่อประชุม
เพราะเป็นแบบคอมเพล็ก สวยงามมากจริงๆ 


แม่ต้อยออกจะตื่นเต้น ในนั้นมีทุกอย่าง ร้านอาหาร สินค้า เครื่องเล่น  รวมทั้งห้องประชุมอันงดงามตระการตา  แต่เมื่อสัมผัสความสุขได้ไม่ถึงชั่วโมงก็เริ่มสัมผัส
ความลำบากตามมาติดๆ เพราะว่า ที่นี่เขาให้พักอย่างเดียว อาหารเช้าไม่มี
และอาหารที่นี่แพงสุดขีด มิหนำซ้ำยังคิดค่าบริการเพิ่มอีกวันละ ๑๕ เหรียญ
และน้ำเปล่าสองขวด  หุหุ



เมื่อซักถามว่าจะเข้าเมืองได้อย่างไร
เขาบอกว่าต้องนั่งแท็กซี่ไป เพราะไกลมาก สนนราคาก็ไม่แพงคะ ไปกลับประมาณ ๑๐๐ US เท่านั้น ฮือๆ  เรียกว่าเป็นการนำไปปล่อยเกาะสวรรค์
ที่เหมาะสำหรับผู้มีอันจะกิน เท่านั้น

 

“ น้องตาว ประชุมเสร็จ เรารีบกลับเลยนะ “  แม่ต้อยหารือกับลุกสาวที่ไปเป็นเพื่อนอย่างเร่งด่วน เป็นกรณีฉุกเฉิน จากเดิมที่คิดว่าจะหนีน้ำท่วมเที่ยวเล่นอีกสักสองสามวัน ฮ่าๆ



“ ไปอยู่กับน้องน้ำ(ท่วม) ที่บ้านเรา ดีกว่าน้องสโนว์ไวท์แน่ๆๆ” อย่างน้อยก็ยังมีสาบลม แสงแดด แถมบิ้กแบ้ก อิอิ



และค่อยยังชั่วที่ขากลับแม่ต้อยบินกลับทางชิคาโก  ไม่ได้กลับทางเดิมคะ เลยแอบหวังว่าเราจะไม่เจอพายุหิมะอีก

 

เอาละคะ วันนี้คุยเท่านี้ก่อน  แม่ต้อยรู้สึกเพลียมาก จากการเดินทางที่มากกว่า ๓๖ ชั่วโมง  พรุ่งนี้ หรือวันต่อไปจะมาเล่าเนื้อเรื่องการประชุมให้ฟังคะ  เสียดายที่แม่ต้อยมาคนเดียว มีเรื่องอยากเข้าร่วมฟังมาก   เช่น การdesign
ห้องผู้ป่วยที่มีผลต่อ safety  หรือ patient centered
lean การขจัดระบบงานบางอย่างออกไปเพื่อให้ care giver ทำหน้าที่ เพราะส่งผลดีมากกกว่าในแง่จิตใจ ความสัมพันธ์  หรือ planetree retreat for the
patients ฯลฯ



วันนี้สวัสดีก่อนนะคะ  ราตรีสวัสคะ  เตียงน่านอนมากคะ

 

๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔

 Graylord Opry  Land
,  Nashville



 



 



 



 



 



 



 



 



 

 

 

 

 

 

 

 



 



 

 

 



 

 



 



 



 





 

 

 

 

 

 

 



 



 



คำสำคัญ (Tags): #planetree
หมายเลขบันทึก: 472266เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2011 11:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 14:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

แม่ต้อยเล่าเรื่องตื่นเต้น ได้น่าติดตามมากค่ะ

Ico48

 

สวัสดีคะ

อย่างนั้นต้องติดตามตอนต่อไปนะคะ น้องแก้วคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท