อย่าทำชีวิตให้มันสกปรกนักเลย


   เช้านี้หลังจากออกไปเดินออกกำลังกายที่ลานบ้านเื้อื้ออาทรซึ่งเช่าอาศัยพรรคพวกอยู่ จากนั้นกลับมาซักผ้า ก่อนอาบน้ำแต่งตัวปั่นจักรยานออกไปทำงาน

   ผมปั่นจักรยานมุ่งไปที่โรงอาหาร ซื้อข้าวกล่องจำนวน ๒ กล่องเพื่อหวังว่านี้คืออาหารสำหรับมื้อเช้า เที่ยง และหากเลยไปถึงเย็นจะเป็นการดีมาก อันที่จริงเรากินอาหารเพียง ๒ มื้อก็น่าจะพอแล้ว เพราะเราไม่ได้ใช้กำลังกายเท่าไรนัก แต่ที่ต้องทำอย่างนี้ ส่วนหนึ่งคือการรักษาท้องด้วยไม่อยากให้เป็นโรคกระเพาะเหมือนอย่างที่เพื่อนๆเขาเป็นกัน ทราบว่า โรคนี้รักษาไม่หาย อาหารแต่ละมื้อ หากกินบ้างไม่กินบ้าง ก็น่าจะมีผลไม่น้อยทีเดียว

   ออกจากโรงอาหาร ปั่นจักรยานเห็นคนงานสองท่านกำลังกวาดขยะจากออกขยะขึ้นใส่รถยนต์บรรทุกขยะ ทำให้คิดว่า นี่คือเขากำลังทำความสะอาดอยู่....แวบความคิดนึกถึงตัวผมเอง "อย่าทำชีวิตให้มันสกปรกนัก".... ภาพบางภาพในประสบการณ์ผ่านเข้ามาเพื่อสรุปลงในประโยคนี้ "อย่าทำชีวิตให้มันสกปรกนักเลย"

   ระหว่างนั้น ทำให้นึกถึงว่า เราอาศัยชีวิตนี้เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นก็ต้องผละออกจากชีวิตนี้ซึ่งระยะเวลานั้นไม่เกิน ๑๐๐ ปี หากจะเกินก็คงไม่มาก บางชีวิตไม่ถึง ๗๐ ปีด้วยซ้ำ สิ่งใดที่เราอาศัยเขาอยู่ เราควรทำลายหรือควรรักษาเขาไว้ คำตอบของผมคือ ควรรักษาเขาไว้เพราะเขามีคุณค่ากับการ "มีอยู่" ของเรา จากที่เรียนรู้มา ชีวิตไม่ใช้เพียงแค่สสารหากแต่มีสิ่งหนึ่งที่มากกว่าสสาร จำนวนมากเชื่อว่า นอกจากร่างกายแล้วยังมีจิตใจด้วย ร่างกายคือสิ่งที่ควรถนุถนอม ว่าทำอย่างไรให้ร่างกายคงอยู่ได้นานที่สุด การชำระร่างกาย การออกกำลังกาย คือวิธีหนึ่ง ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบออกกำลังกาย ควรหันมาถนุถนอมร่างกายบ้าง นึกถึง เจ้าคณะจังหวัดชุมพรรูปปัจจุบัน ท่านจะมีปฏิปทาดีมาก ท่านจะเดินออกกำลังกายทุกวัน ซึ่งต้องยอมรับว่า เวลาทุกนาทีล้วนมีค่า นอกจากร่างกายแล้ว เรายังมีจิตใจ อะไรที่ทำให้จิตใจสกปรก หากพิจารณาจากพื้นฐานทางพุทธศาสนา สิ่งที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองคือเจ้าตัวร้าย ๓ ตัว ได้แก่ ความอยากได้ ความโกรธเคือง และความเขลาเบาปัญญา 

    เพราะเราอยากได้หรือไม่ เราจึงแสวงหา ยิ่งอยากได้สิ่งใดมาก ยิ่งหูดับตับไหม้กับสิ่งนั้น ความอยากได้มากเท่าไร ความกระหายในสิ่งนั้นยิ่งมาก เมื่อทั้งชีวิตมุ่งตรงไปที่สิ่งที่อยากได้ เราจึงลืมทุกสิ่งระหว่างทางนั้นไป

   เพราะเราเป็นเจ้าแห่งความโกรธเคือง ชีวิตทั้งชีวิตจึงมีแต่ความรุ่มร้อน ไม่เคยมีความสุขสงบอันใดเลย ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของคนรอบข้าง กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจ ทั้งที่ความเคลื่อนไหวเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเราเลย แต่เพราะเราไปจับเอาสิ่งนั้นมาใส่ใจและไม่เคยพอใจในสิ่งนั้น สุดท้ายจึงอยู่กับใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเองยังไม่เคยพอใจตัวเอง

  เพราะความเขลาเบาปัญญา เราจึงหาทางดับเจ้าสองตัวแรกไม่ได้ เมื่อหาทางดับมันไม่ได้ จึงต้องตกเป็นทาสของสิ่งยั่วยวนทั้งหลายตลอดไป แต่ถ้าเมามีความสามารถหรือปัญญาที่ดี เราหาทางดับความเร่าร้อนทั้งหลายได้ ชีวิตดูจะปลอดโปร่งโล่งสบาย

  เราให้ความเป็นธรรมกับชีวิตที่เราอาศัยนี้อย่างดีแล้วหรือยัง  หรือมัวแต่นำพาสิ่งสปกปรกรกชัฏเหล่านั้นมาสู่ตัวเราที่เรากำลังอาศัยนี้ มันยุติธรรมกับชีวิตนี้แล้วหรือ

  ผมคิดไปเรื่อยเปื่อย และสุดท้ายมาจบลงที กินข้าวดีกว่า พอท้องตึง แค่ครึ่งกล่องก็พอแล้ว ที่เหลือไว้เที่ยงก็แล้วกัน นั้นแสดงว่า มีโอกาสที่ข้าวกล่องที่ซื้อในเ้ช้าวันนี้ จะเลยไปถึงเย็น

ขอบคุณชีวิตที่ให้อาศัย

หมายเลขบันทึก: 472166เขียนเมื่อ 23 ธันวาคม 2011 08:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท