หินแต่ละก้อนก็เป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง ไม่ได้มีความฉลาดหรือความโง่
เราแข่งขันกันเพื่อให้มีความรู้มากกว่าคนอื่น เบื้องหลังความคิดนี้คืออะไร
เพราะเชื่อกันว่าเมื่อใครมีความรู้มากกว่าคนอื่นก็จะประสบความสำเร็จสูงกว่า คนอื่น เรามักมองความสำเร็จกันที่ ระดับตำแหน่ง ระดับรายได้ ชื่อเสียง จำนวนทรัพย์สิน หรือ อะไรเทือกนี้ เมื่อจดจ้องกันที่ความรู้เราก็จะแยกแยะประเภทผู้คนจากปริมาณความรู้ที่มีโดย อัตโนมัติ อาจจะแยกระดับผู้คนออกเป็นคนเก่ง ปานกลาง และ โง่ และความเชื่อที่ว่าความรู้จะนำมาซึ่งความสำเร็จก็ฝังลึกแทรกซึมไปทั่ว จนเรามองไม่เห็นความสำคัญของการมีปัญญาการใช้ชีวิต
บางครั้งเมื่อผมเล่าถึงวิถีการเรียนรู้ของลำปลายมาศพัฒนาให้คนอื่นๆ ฟังว่าเราให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างมีความสุขมากกว่าตัวความรู้ ให้เด็กได้เกิดทักษะกระบวนการคิดและกระบวนการแสวงหาความรู้ผ่านสิ่งที่เด็กๆ สนใจไม่ใช่ผ่านตำราเรียน เท่านี้ก็มักจะมีคนถามว่า “เรียนอย่างนี้แล้วเด็กจะมีความรู้เหรอ” ซึ่งคนที่ถามก็ล้วนแต่เป็นคนที่มีความรู้สูงแต่อาจจะไม่ถึงขั้นมีปัญญาการ ใช้ชีวิตอย่างแหลมคม เพราะปัญญาการใช้ชีวิตไม่ได้เกิดจากการมีความรู้มากก็ได้
กลับมามองในเรื่องปัญญาการใช้ชีวิต เราคงเห็นชัดว่านกทุกตัวตั้งแต่ฟักออกจากไข่มันก็รู้ว่าจะต้องมีชีวิต อย่างไร ทุกตัวสร้างรังแตกต่างกันแต่ประโยชน์ใช้สอยเดียวกันได้โดยไม่มีใครสอน มีชีวิตเป็นอิสระ เราจะไม่เห็นนกโง่เลยสักตัว และผมเชื่อว่าเด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับปัญญาการใช้ชีวิตแบบนี้ซึ่งเราควรบ่ม เพาะให้งอกงามมากขึ้น
ความรู้มากไม่ได้ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น คนจำนวนไม่น้อยจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ จากแรงบีบคั้นทางเศรษฐกิจและการพยายามปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทาง สังคม เรามีชีวิตที่เร่งรีบทั้งต้องแข่งขันตลอดเวลา เครียดบ่อยขึ้น หงุดหงิดง่ายขึ้น โกรธง่ายขึ้น หัวเราะได้น้อยลง นอนหลับยากขึ้น ทั้งที่ทารกหรือเด็กไม่มีอาการเหล่านี้ นั่นอาจเป็นเพราะปัญญาการใช้ชีวิตของเราถูกกดทับ
แท้จริงความรู้อาจกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราสามารถช่วยคนอื่นได้ แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้อาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราหาประโยชน์จากคนอื่นที่รู้น้อยกว่าได้เช่นกัน
เราไม่ควรปล่อยให้การใช้ความรู้อยู่บนฐานของความน่าจะเป็น แต่ต้องตระหนักให้มากว่าทุกครั้งที่ได้ให้ความรู้ต้องให้เครื่องกำกับการใช้ ความรู้ไปด้วย เพื่อให้เกิดการใช้ในทางที่ดีงามในเปอร์เซ็นต์ที่มากขึ้น เครื่องกำกับความรู้ที่ว่าอย่างหนึ่งก็คือปัญญาการใช้ชีวิต
ที่มา..
http://lamplaimatpattanaschool.blogspot.com/2010/08/blog-post.html
ไม่มีความเห็น