“ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์”
“ความรักทำให้คนตาบอด”
คำกล่าวทำนองนี้เป็นคำเตือนที่เราได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ประหนึ่งเป็นการชี้ให้โทษของความรัก อันที่จริงทุกสิ่งมีทั้งคุณและโทษ ความรักก็มีคุณประโยชน์
เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจแช่มชื่นมีความสุข โดยเฉพาะเมื่อรักสมหวัง แต่ก็มีโทษมากเช่นกัน เมื่อเราปล่อยให้ความรักเป็นความหลงจนขาดการพิจารณา ไตร่ตรอง
ดังมีคำสอนเรื่องโทษของความรักในพระราชนิพนธ์ ของรัชกาลที่ 6 ดังนี้
ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคะใดใด
ความรักเหมือนโคถีก กำลังคีกผิขังไว้
ก็โลดจากคอกไป บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ หวนคิดเจ็บกาย
ท่านพุทธทาสว่า ผู้กำลังเสพความรักเป็นอารมณ์ก็เหมือนผู้เกิดเสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ส่วนจะเป็นสัตว์อะไรก็ขึ้นกับความลุ่มหลงมัวเมาในรักนั้น โดยเปรียบว่าสัตว์นั้นมีสมองน้อยกว่ามนุษย์ ขาดสติปัญญาความเฉลียวฉลาด ผู้ตกอยู่ในห้วงรัก ก็มักมีดวงตามืดบอดมองไม่เห็นความเป็นจริงแห่งโลก ลิ้นไม่อาจรับรสแท้จริงได้แม้นน้ำต้มผักขมๆก็หวานชื่น นี่เองคือความรัก
การเรียนรู้ชีวิต ด้วยความรัก ทั้งที่รักและถูกรักเกิดขึ้นกับคนธรรมดาอย่างเราเสมอ