ผลสำรวจเด็กไทย : ต้นทุนชีวิตต่ำ
เมื่อไม่นานมานี้มีการเผยแพร่เกี่ยวกับเด็กไทยในเรื่องต้นทุนชีวิตโดยสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดลและผู้จัดการแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สสส. รายงานว่าแผนงานสุขภาวะเด็กและเยาวชน สสส.ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน( สพฐ)กระทรวงศึกษาธิการ ได้สำรวจต้นทุนชีวิตของเด็กไทยทั่วประเทศเมื่อปี 2553 จำนวน 12200 คน พบว่าปัจจัยที่ทำให้เยาวชนไทยอ่อนแอ 10 อันดับแรกที่น่าเป็นห่วง คือ
1 รู้เท่าทันสื่อ 53 %
2 จิตสำนึกของชุมชนในการอยู่ร่วมกัน 55%
3 จิตอาสา 56%
4 ความกล้าแสดงออก 58%
5 ใฝ่เรียนรู้ 59%
6 ใฝ่รู้ภูมิปัญญาวัฒนธรรมท้องถิ่น 61%
7 ควบคุมอารมณ์ตนเอง 61%
8 หลักธรรมศาสนาสู่ชีวิต 62%
9 รักการอ่านหนังสือ 63%
10 โอกาสเข้าร่วมกิจกรรม 65%
นอกจากนั้นผลสำรวจพบว่าเด็กภาคอีสานและภาคใต้มีต้นทุนชีวิตอยู่ในระดับสูงกว่าภาคอื่นๆ ในขณะที่ภาคกลางอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีความจำเป็นที่เรียกว่าเร่งด่วนในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กของเรา สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นถ้าเรามาวิเคราะห์กันอย่างจริงจังแล้วจะสังเกตเห็นว่าเราละเลยกันตั้งแต่ปฐมวัย เราจำเป็นต้องพัฒนาเมื่อเด็กยังเล็กอยู่ ที่กล่าวมาจะเห็นว่าสิ่งที่เด็กขาดคือ การพัฒนาด้านอารมณ์ จิตใจ สังคม เป็นส่วนใหญ่ ขณะเดียวกันจะเห็นว่าสังคมปัจจุบันให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านสติปัญญาโดยเฉพาะเด็กของเราจากการสำรวจมีปัญหาในเรื่องการพัฒนาการทางสังคม อย่างการเข้าร่วมในสังคมหรือโอกาสการเข้าร่วมกิจกรรมของเด็กมีถึงร้อยละ 65% คุณธรรมที่เข้ามาเกี่ยวข้องคงจะไม่พ้นในเรื่องของจิตสาธารณะ เรียกได้ว่าในสังคมไทยขณะนี้ต้องช่วยกันเริ่มปลูกฝังให้กับเด็กของเรา ทั้งต้องส่งเสริม และพัฒนาให้เกิดขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะวัยของเด็กในช่วงอายุ 3-8 ปีเพราะเป็นช่วงที่เด็กมีความไวต่อการรับ การปลูกฝังและส่งเสริมจริยธรรมและวัฒนธรรมเป็นอย่างยิ่ง เด็กวัยนี้เป็นวัยทองหรือโอกาสทองของการเรียนรู้ มีการเจริญเติบโตทางสมองอย่างรวดเร็ว ถ้าเด็กได้รับการพัฒนา การมีตัวอย่างที่ดีและได้รับการกระตุ้นด้วยวิธีที่ถูกต้อง หากเป็นการมีคุณธรรมด้านจิตสาธารณะถ้าเด็กได้รับการปลูกฝังและฝึกตั้งแต่แรกก็จะติดตัวไปจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ อย่างเช่นการมีพฤติกรรมในเรื่องสิ่งแวดล้อม จะต้องเริ่มดำเนินการตั้งแต่วัยแรกเริ่มและเป็นกระบวนการอย่างมีขั้นตอน พอจะกล่าวได้ดังนี้คือ จะต้องให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตั้งแต่ การให้ความรู้ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม การสร้างความเข้าใจ การเสริมสร้างเจตคติ การสร้างกรอบแนวคิด และสุดท้ายคือการฝึกทักษะให้เกิดพฤติกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของน้ำ อากาศ ขยะ เป็นต้น อันเป็นความคาดหวังของสังคมไทยในปัจจุบันนี้
What do we expect 67%? 82%? 97%?
If we look at the population as a whole, in recent months, would we say "2 จิตสำนึกของชุมชนในการอยู่ร่วมกัน 55%" is better than expected?