Lonely Planet กับทริปไปนคร-นอนเล่น


เมืองนครพนมเป็นเมืองที่ข้ามถนนแล้วมีความสุข อยากรู้ว่ามีความสุขอย่างไรต้องมาลองข้ามดู แถมชื่อถนนเพราะๆ ทั้งนั้น

สายๆ วันพุธหลังจากที่ดูสมุด planning แล้วพบว่าวันพฤหัส-ศุกร์ที่จะถึงไม่มีคิวอะไร ก็ทำให้ไม่ลังเลที่จะยื่นใบลาพักผ่อน ตั้งใจที่จะไปนอนเล่นที่นครพนม ดังที่มาของชื่อทริปที่ว่า ไปนคร...นอนเล่น อันนี้ก็เนื่องมาจากคำศัพท์ที่รถโดยสารประจำทางตะโกนเรียกผู้โดยสารว่า ไปนคร นคร เร้ว อ๋อ คนนครพนมมักเรียกกันสั้นๆ ว่า นคร นี่เอง มะไปนอนเล่นที่นครกับฉัน

เกริ่นไว้ว่าอยากไปนอนเล่นที่นครพนมมานานแล้ว ตั้งใจจะออกเดินทางสักวันศุกร์กลับวันเสาร์ แต่ต้องเปลี่ยนคิวกะทันหันด้วยว่า มีการขอคิวไปชัยภูมิในวันเสาร์ – อาทิตย์ที่จะถึง ดังนั้นเวลาในการหาข้อมูลท่องเที่ยวจึงไม่มี ปกติแล้วความสนุกมักจะมาจากการหาข้อมูล แต่ครั้งนี้ได้แค่หมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทเดินรถไว้ป้องกันการตกรถ และก่อนออกเดินทางประมาณครึ่งชม. อินเตอร์เน็ตก็เป็นผู้ช่วยหารายชื่อที่พักกันเหนียวได้ 3-4 แห่ง แต่เอาจริงแทบไม่ได้ใช้เลย ข้อมูลที่ใช้หาได้จากริมทางและผู้คน

8.30 น. ฉันแบกกระเป๋าที่ตื่นมาจัดตอนเช้า วิ่งตามรถคุณน้องไปเพื่อซื่อตั๋วกับบริษัทเชิงชุมเดินรถ ได้รถเที่ยว 10.00 น. ในราคา 221 บาท ระหว่างรอเวลาฉันก็ได้กินต้มเลือดหมูเจ้าอร่อย (ต้นซอยโต้รุ่งเก่า-ขอนแก่น) ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะตื่นมากิน แต่วันนี้ฉันมีเวลาเป็นของฉัน

และแล้ว การแบกเป้เที่ยวระหว่างขอนแก่น-นครพนม ก็เริ่มขึ้น

ก่อนออกเดินทางเสียงแห่งความเป็นห่วงแว่วมาว่า ออกเดินทางกี่โมง...ใครได้ข่าวแกบ้าง บ้างก็ว่า เดินทางด้วยความสวัสดิภาพนะ บ้างก็ว่า ระวังถูกจับแลกครุเด้อป้า...และบางเสียงก็แซวว่า..แกไปแบบไม่แคร์ใครเลย...ด้วยว่าทริปนี้ฉันออกเดินทางคนเดียว Lonely Planet ครั้งนี้เป็นการตั้งใจไปเยือนนครพนมครั้งแรก ไม่นับการไปกราบพระธาตุพนมมาเมื่อประมาณ 8 ปีก่อนที่อ้อมมาจากมุกดาหาร ที่ไปคนเดียวนี่ก็เพราะแคร์แหละจ๊ะ ไม่อยากดึงใครๆ ให้มาเที่ยวแบบตามใจฉัน เพราะงานนี้ตั้งใจจะยกโลกทั้งใบให้เป็นของตัวเอง จึงเกรงใจชาวบ้านชาวช่อง งานนี้อาจจะเหงาบ้าง อาจจะกลัวบ้าง( 555 มีกลัวผีด้วยนะจะบอกให้) แต่กระนั้นในความสะ-บาย-ดี ยังมีความคิดถึงใครๆ หลายๆ คนผ่านเข้ามาในช่วงตลอดเวลา 2 วัน

ระยะเวลา เกือบ 5.30 ชม. (เกือบเท่ากับเวลาไป กทม.เลย) เล่นเอาฉันเมื่อยขบไม่น้อย แต่ทำไมไม่บ่นน้า (ทีไปกับสำนักงานทำไมบ่นจั้ง)...ที่ไม่บ่นก็เนื่องจากตำแหน่งเบาะหน้าสุด ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ได้ดีเป็นพิเศษ เห็นดอกหญ้าข้างทางปลิวไหวๆ เสียงเพลงจากมือถือที่แม้จะเป็นชุดเดิมแต่ก็ยังเพราะไม่คลาย มีเวลาได้อ่านหนังสือที่อ่านไม่จบสักที(จนจบ) และได้มองผ่านหน้าต่างดูวิถีผู้คน ซึ่งแตกต่างจากเวลาไปราชการที่มักจะไปพร้อมการใส่เสื้อสูท การบ้าน เสียงคาราโอเกะ และการเล่นเกมตลอดเส้นทาง ความผ่อนคลายและความเป็นตัวของตัวเองทำให้ความเมื่อยขบไม่ได้เป็นปัญหาของการเดินทางครั้งนี้เลย

นครพนม ป็นเมืองเก่า เห็นได้จากรถประจำทางปรับอากาศบางสายของขอนแก่น-นครพนม ที่ฉันสงสัยว่ามันยังวิ่งได้หรือ แต่เรื่องราวของขึ้นรถ-ลงรถ ก็ทำให้ฉันมีรอยยิ้ม โดยเฉพาะเย็นวันศุกร์ที่บริษัทเชิงชุมแน่นแน่น จนเหมือนว่าจะกระเถิบไม่ได้แล้ว แต่เมื่อกระเป๋ารถบอกว่า ถอยอีกหน่อยๆ ประตูรถปิดไม่ได้ เท่านั้นแหละ คนที่ยืนมากกว่า 40 คนก็สามารถแบ่งพื้นที่ยืนกันได้ เจ๋งไหม

คนที่ชอบคุณค่าของวัฒธรรม ความเก่าแก่ ชอบตึกโบราณคงชอบที่นี่

ณ บขส จ.นครพนม 16.30 น. ฉันลงรถประจำทางด้วยความมุ่งมั่น กลุ่มสามล้อเครื่องมากลุ้มรุมเล่นเอาฉันงง ด้วยที่ยังไม่สามารถ Focus ว่าตัวเองจะไปไหน เบื้องต้นคงไปหาที่พักก่อน จะพักใกล้ตลาดเช้า ใกล้ไนท์บาซ่าร์ ติดโขง หรือพักที่ไหนดี เล่นเอาชายหนุ่มที่นั่งรถเที่ยวเดียวกันมาตั้งแต่ขอนแก่น ต้องปรี่เข้ามาให้ความช่วยเหลือ พร้อมอาสาไปส่งและพร้อมจะเป็นไกด์นำเที่ยวในวันพรุ่งนี้...ถ้าไม่ใช่ความต้องตาต้องใจ (อิอิ) ก็คงเป็นเพราะฉันดูน่าสงสารที่ต้องสาละวนกับคนขับสามล้อเครื่องแบบไม่รู้เหนือใต้ แต่แล้วก็ต้องปฏิเสธความช่วยเหลือ เพราะจะเสีย way ความเป็น lonely planet trip หมดอ่ะดิ

ฉันตีกรอบความต้องการว่า ต้องการที่พักที่ใกล้กับตลาดเช้า แหล่งอาหารเช้า และร้านเช่ารถมอเตอร์ไซด์ สามล้อเครื่องพาฉันมาส่งที่โรงแรมศรีเทพ เป็นโรงแรมเก่าที่ปรับปรุงใหม่ ราคา 350 บาท สะอาดดี มีอินเตอร์เน็ตบริการฟรีด้วย เช้าๆออกมาหน้าโรงแรมของกินเพียบ เป็นแหล่งที่คณะทัวร์มากินของเช้า...

เมื่อได้ห้องพักแล้ว ขอนอนเล่น...ตามคอนเซปต์ก่อนสักชั่วโมง รอโต้รุ่งเปิด แล้วถึงล้างหน้าล้างตาไปหาของกิน ที่นครนี่จะมีย่านถนนคนเดินเล็กๆ วันราชการยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่นักอยู่แถวๆ ศาลากลาง และพิพิธภัณฑ์หอสมุด ซึ่งเป็นคนละที่กับตลาดโต้รุ่ง ที่ส่วนใหญ่จะขายอาหาร ถนนคนเดินอีกย่านหนึ่งจะเป็นถนนศรีเทพตัดกับถนนเฟื่องคนเลาะมาริมโขงตามถนนสุนทรวิจิตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านเล็กๆ น่านั่งปล่อยอารมณ์กับตั้งวงสังสันท์ เล่นเอาอดคิดถึงเพื่อนๆ My Gang ไม่ได้ และมีการจัดมุมไว้สำหรับการถ่ายภาพ สัญลักษณ์ย่านนี้คือหอนาฬิกาและหลักกิโล

เดินโต้รุ่งแล้วอดคิดถึงเพื่อนๆ ที่ชอบกินไม่ได้ มีอาหารให้ลองชิม ลองกินหลายอย่าง เล่นเอาจุกกกก ยังไม่มืดเท่าไหร่ฉันให้สามล้อเครื่องพาขับรถชมเมืองในราคา 6o บาทก่อนนำส่งที่โรงแรม เมืองนครตอนทุ่มกว่าๆ นี่เงียบมาก งานนี้ขอแวะที่พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าหลังเก่าซึ่งภาพท่ามกลางสปอตไลท์นี่ใช้ได้เลยหล่ะ เป็นที่ประทับใจอย่างยิ่งที่ยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวแวะเข้าชมแม้จะเลยเวลาราชการแล้ว (มาที่นี่อดถึงเพื่อนด๋อยไม่ได้ ที่คราวไปบริจาคอาหารหมาได้ถ่ายรูปมาฝาก)

กลับถึงที่พัก ก็ต้องงัดหนังสืออ่านสอบ มสธ. ขึ้นมา วันนี้อ่านแล้วจำได้ดี อาจจะเพราะตลอดวันสมองไม่ได้ใช้งาน แต่อ่านไปไม่เท่าไหร่ก็ดันง่วง แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับ ด้วยความกลัวผีหน่ะซี้ แบบว่าทำหมอนหล่น ควานเก็บที่ใต้เตียงที่เผอิญเป็นเตียงขาสูง พอเปิดแอร์เย็นๆ ทำให้อากาศใต้เตียงเย็นไปด้วย เล่นเอา เย็นวาบๆๆๆ เพราะนึกถึงผีเกาหลีขึ้นมาทันใด ทำให้กว่าจะหลับได้เล่นเอาดึกโข

แม้จะนอนดึก แต่ก็ตื่นได้แต่เช้า คนนครเค้าโฆษณาว่าพระอาทิตย์ขึ้นริมโขงหน่ะสวยมาก 6 นาฬิกากว่าๆ ฉวยได้เสื้อคลุมเดินฝ่าความเย็นไปริมโขง 200 เมตรจากโรงแรมศรีเทพก็สามารถมองเห็นทัศนียภาพริมแม่น้ำโขงได้ มองเห็นเมืองลาวในฝั่งท่าแขกท่ามกลางความสลัวของหมอกแม่น้ำ มีร้านอาหารเช้าริมโขงหลายร้าน มองไปสัก 600 เมตรเห็นตลาดอินโดจีนอยู่ไม่ไกล

ฉันเริ่มต้นด้วยกาแฟเบาๆ ส่วนของคาวจะขอฝากท้องที่ตลาดสดแล้วกัน ขาไปไปด้วยสามล้อเครื่อง ขากลับเดินครับผม เป็นการออกกำลังกายไปในตัว

ขากลับจากตลาดฉันแวะไหว้พระที่วัดศรีเทพอยู่ใกล้กับโรงแรมนิดเดียว ได้มีโอกาสทำสมาธิเพราะวัดสงบมาก จริงๆ คือกะรอเวลาให้ร้านเช่ามอเตอร์ไซด์เปิด วัดนี้มีภาพศิลปะฝาผนังที่น่าสนใจ และได้รับรางวัลการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นอีกด้วย ถ้ามีโอกาสลองแวะดู

กลับมาถึงหน้าโรงแรมเห็นคณะทัวร์มากินของเช้ากันเยอะ...อ้าวลองเมนูแถวๆ หน้าโรงแรมอีกสักตั้ง...เล่นเอาหนังท้องตึง พอกลับถึงที่พักเล่นเอาหนังตาหย่อน ขอ นอนเล่นอีกแพล่บ แต่ไง๋เผลอหลับ ตื่นอีกทีก็เกือบ 11 โมง อาบน้ำแล้วเก็บกระเป๋า Check out พร้อมเสี่ยงดวงว่า หากเดินออกไปหน้าโรงแรม ถ้าเจอสามล้อเครื่องจะเหมารอบในราคา 300 บาท หากไม่เจอจะไปเช่ามอไซด์ ในราคาเดียวกันแทน แล้วสามล้อเครื่องก็ไม่วิ่งผ่านสักคัน ฉันจึงได้เป็นเจ้าของมอไซด์แบบออโตเมติกในราคา 150 โดยไม่ต้องมัดจำ อิอิ แสดงว่าหน้าตาฉันใช้ได้ดีทีเดียว เลยต้องขอฝากกระเป๋าไว้ที่ร้านเช่ามอไซด์ก่อน

เริ่มจริงจังกับการท่องเที่ยวสายวัฒนธรรม ที่อยู่ริมโขง โดยไปกราบพระธาตุนคร วัดคู่เมืองนครประจำผู้ที่เกิดวันเสาร์ วัดพระอินทร์แปลง วัดกลาง วัดโพธิ์ทอง วัดโอกาส ซึ่งแต่ละวัดมีความเป็นมาที่ยาวนาน มีพระพุทธรูปคู่วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ และมีความเชื่อศรัทธา เผลอแป้ปเดียวเกือบบ่ายโมงแล้ว ฉันหลบร้อนไปในร้านจำหน่ายสินค้าอินโดจีน เผื่อจะเจอผ้านุ่งย้อมครามตามเสียงฝากซื้อด้วย แต่ไม่ยักมีเห็นว่าต้องไปที่ อ.นาหว้า ที่เป็นแหล่งผลิต แต่ผ้าย้อมเปลือกไม้มาแทนเอาไว้ใส่สไตล์ภูไทแทนก็แล้วกัน

ตอนแรกเห็นวัดมากมายตั้งใจว่าจะไหว้พระให้ได้ 9 วัดเอาสิริมงคล ดูเวลาที่เหลืออยู่คงไม่พอ ท้องขักหิว ฉันยังเลียบริมโขงไปเรื่อยๆ จนเจอร้านเล็กๆ สีฟ้าสลับขาวในนาม Coffee House บรรยากาศสบายๆ มีกาแฟสดขายด้วย ทำให้ฉันไถลใช้เวลาที่นั่นไปนานทีเดียว

มีคนถามว่า เวลาไปเที่ยวคนเดียวทำอะไรเหรอคะ ... ณ ร้านแห่งนี้ ฉัน Say Hello กับชาวต่างชาติ พยายามคุยกันในหัวข้อเกี่ยวกับการเดินทาง (เล่นเอาเจ็บกกลิ้น) พักเหนื่อยด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆพร้อมฟังเพลงของทางร้าน น่าเสียดายที่ไม่มี PC ให้เขียนถึงคนทีคิดถึง นั่งดูผู้คนที่ผ่านไปมา แลกยิ้มกัน และเงยหน้าดูลูกสักริมถนนล่วง อ้อถ้าเวลาเหลือเฟือก็ถ่ายรูปเล่น หรืออ่านหนังสือไปจนพอใจนั่นแหละ

ยังมีเวลาอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก่อนที่จะขึ้นรถกลับ ฉันยังเวิ่นเว้อต่อไปที่จวนผู้ว่าหลังเดิมที่แวะมาเมื่อวานตอนเย็นย่ำ ไปพิพิธภัณฑ์หอสมุดพระนางเจ้าสิริกิตติ์ ที่เป็นอาคารเก่า น่าเข้าใช้มากมาย และแวะไปหอสมุดนครพนม

เหลือบดูเวลาอีกครั้ง ตายแหล่ว เหลือเวลาไปถึง 30 นาที ต้องรีบบึ่งเอารถเช่าไปคืน พร้อมโบกรถสามล้อเครื่องไปส่งที่ บขส. เพื่อให้ทันขึ้นรถเที่ยว 16.00 น. ที่เย็นใจขนาดนี้เพราะซื้อตั๋วกลับไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ลงรถปุ๊ปจองตั๋วปั๊บ (ถ้าอยากนั่งรถที่สภาพดีๆ ให้ใช้บริการของชาญทัวร์ นครพนม ขอนแก่น ระยอง...แต่ไม่สามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ ซื้อแล้วขึ้นเลย)

ตอนแรกกลัวว่าจะเหงา แต่ทำไมเวลาที่มีมันสั้นนัก อุตส่าห์โทรถามเพื่อนว่า ท่าแขก แขวงคำม่วนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมีอะไรน่าสนใจมั๊ย เพื่อนบอกนอกจากภูเขาก็คงสนุกกับการข้ามเรือ ซึ่งจะทำให้ได้บรรยากาศมากกว่าการข้ามด้วยรถ ณ สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 แต่ก็ด้วยเวลาที่สั้นแหละนะทำให้ฉันพลาดโอกาส งานนี้อาจได้ไปอีกนะนครพนม

------------

  • Ihotel ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวนิดนึง เหมาะกับการมีรถส่วนตัว สไตล์บูทีค ราคา 590 พร้อมอาหารเช้า
  • โรงแรม KS สร้างใหม่ อยู่ใกล้แถวศูนย์ราชการ ใกล้ไนท์บาซาร์ ที่จอดรถกว้างขวาง ใกล้โรงพยาบาลซึ่งมีอาหารจำหน่ายเยอะ ราคา 350 บาท
  • ราคาสามล้อเครื่องจาก บขส. มาย่านในเมืองประมาณ 30 บาท
  • ร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ ร้าน 301 ใกล้กับโรงแรมศรีเทพ ราคาเช่า 300 บาท มัดจำ 500 บาท/24 ชม. เติมน้ำมันต่างหาก (ถ้าเช่าข้ามคืนให้ถามเรื่องการล๊อคหรือที่จอดรถให้ปลอดภัยด้วยนะจ๊ะ)
  • ตรวจสอบเที่ยวรถ http://www.rottourthai.com/showthread.php?t=836
  • อาหารเวียดนามเป็นอาหารที่น่าลิ้มลอง สำหรับคนช่างกินอาจไม่ต้องกังวลเรื่องที่พักจะรวมอาหารเช้าด้วยหรือไม่ เพราะมันทำให้พลาดโอกาสลองชิมอาหารอร่อยๆ เช่น ปากหม้อใส่ไข่ ข้าวต้มเลือดหมู เป็นต้น
หมายเลขบันทึก: 469869เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2011 17:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม 2016 23:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีปี 55 จ้า

แวะมาทักทาย....ทริป นี้ น่าสนใจจัง เคยไปนคร มาแล้ว แต่ยังขาดบรรยากาศ แบบเนี้ย .....

น่าไปเที่ยวจัง ค่ะ

คิดถึงจัง

กุ๋มกิ๋ม จ้า

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท