วิกฤติน้ำท่วมกับวิกฤติการเลือก
ดร. บุญอยู่ ขอพรประเสริฐ
ภาวะวิกฤติน้ำท่วมที่ประเทศเราเผชิญอยู่ในขณะนี้นับเป็นภาวะวิกฤติที่รุนแรง และสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับประชาชน ธุรกิจอุตสาหกรรม และประเทศชาติ แน่นอนที่สุดภัยพิบัติดังกล่าวประการหนึ่งมีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในอีกส่วนหนึ่ง ก็ต้องยอมรับว่า ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในประเทศที่เกิดขึ้น และขยายตัวออกไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศนั้น มีสาเหตุมาจากการบริหารจัดการที่ค่อนข้างล้มเหลว การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาของภาครัฐมีลักษณะเชิงรับ หลายส่วนแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ในด้านการสื่อสารเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน การแจ้งเตือนภัย การให้ข้อมูลเฝ้าระวัง ตลอดจนการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งจุดที่ประสบปัญหาแล้ว หรือจุดเสี่ยงภัย ก็ไม่ค่อนชัดเจนนัก ตลอดจนบางครั้งมีการให้ข้อมูลขัดแย้งกันระหว่างหน่วยงานรัฐในพื้นที่ กับรัฐบาลหรือราชการส่วนกลาง
ยิ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่รอลุ้นว่าน้ำจะเข้าท่วมกรุงเทพมหานครชั้นในหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึง การทำงานที่ไม่ประสานลงรอยกันมากขึ้นระหว่างรัฐบาลกลางกับหน่วยงานท้องถิ่น ระหว่างข้าราชการการเมืองกับข้าราชการประจำ ระหว่างข้าราชการการเมืองด้วยกันเองแต่อยู่คนละขั้ว อันที่จริงแล้วปรากฏการณ์เช่นนี้มีให้เห็นมาโดยตลอดในระบบการเมืองไทย เพียงแต่คิดว่า ในห้วงเวลานี้เป็นช่วงวิกฤติ ความหายนะ ความเป็นความตายของประชาชนจำนวนมาก ความสูญเสียของประเทศชาติขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ การบริหารงาน และความร่วมมือในการแก้ปัญหาของนักการเมืองที่มีอำนาจในการปกครองประเทศ ภายใต้ภาวะวิกฤติที่ผู้คนจำนวนต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้ ภายใต้วิธีการแก้ไขปัญหาของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของไทย และภายใต้การตัดสินใจเลือกที่ผ่านมา น่าจะประมวลเป็นบทเรียนสำหรับทุกท่านในฐานะ “ผู้เลือก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกผู้นำที่จะนำพาสังคม นำพาประเทศชาติ และแก้ไขปัญหาภาวะวิกฤติต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน ที่จะต้องขบคิดพิจารณากันให้ถ่องแท้ และถ้วนถี่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
วิกฤติน้ำครั้งนี้เป็นภัยธรรมชาติที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วิกฤติ “การเลือก” ทุกท่านสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยข้อมูลที่รอบด้าน และการไตร่ตรองที่รอบคอบ ถี่ถ้วน ไม่ด่วนตัดสินใจ!
ไม่มีความเห็น