บันทึกนกแอ่นกินรัง หน้าที่ 39


สามัคคีเตือนภัย สัตว์ก็รู้

  

 

บันทึกนกแอ่นกินรังครั้งนี้ เหมือนเกิดใหม่ คือสามปีล่วงเลยไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีblog อยู่

วันนี้จะเขียนเรื่องไม่ห่างไกลจากนกและสัตว์  

เรื่องภัยพิบัติ จากน้ำท่วม อภิมหาอุทกภัย เขาว่ากันอย่างนั้น

ที่จริงมีคนเตือนภัยเรื่องน้ำท่วม "จะแรง"และ "เดือดร้อน" หลายคนก็ยังไม่ตื่นเต้า

แถมบอกคนเตือน "ชอบเวอร์" ประเภทต้องหารสิบ

พอต้องลุยน้ำเข้าจริงๆ จึงรู้สึกว่าคันยิกๆ โรคฉี่หนูเกือบถามหา มันไม่ได้คันยิกแค่เท้า มันคันเขย่าไปถึง-ยอด-อก-

ที่จริงสัตว์หลายชนิดมีการร้องเตือนภัยให้กันมาช้านาน เจ้าลิงตื่นเต้นที่เห็นเสือย่องเข้ามา ร้องโวยวาย เจี๊ยกจ๊าก กวางที่เคี้ยวหญ้าอยู่ ก็หยุดกึก นิ่งตะลึงและstartด้วยเกียร์หมา เสือหงุดหงิดที่อดกินกวาง เจ้าลิงมันปากโป้ง ลิงก็นับว่าเป็นพันธมิตรกับเพื่อนกวาง เขาเรียกกันว่า "alarm call" เขาว่าเจ้ากวางมันรู้ด้วยว่า เสียงร้องอย่างไรคือภัยทางอากาศ ร้องเสียงไหนคือภัยทางพื้นราบ ฉลาดกันไม่เบา

สัตว์ชอบแทะทุ่งหญ้าแพรี่ แพรี่ดอก ก็ทำเสียงเตือนกัน เมื่อเห็นนักล่ากลางอากาศ และไม่ทันขาดคำ ทุกตัวก็สามัคคีโกยอ้าวลงหลุมหลบภัย นักล่าโฉบสิบครั้งได้หนึ่งครั้ง (อย่าเอาตัวเลขจริงๆนะ คาดประมาณเอา) หมายความว่า การเตือนภัยมันได้ผล

นกหลายชนิดโวยวายกันเป็นฝูง เพื่อขับไล่นักล่า มันมีอารมณ์ร่วมของความรักชาติตระกูลและเชื้อพันธุ์ แต่ว่าคุณอีแอ่นทำไม่เป็น

สัตว์เตือนภัยกันมานานแล้ว ทั้งเตือนกันเองในเผ่าพันธุ์ ทั้งอาศัยพันธุ์อื่นตื่นเต้า มันได้ผล อย่างน้อยนักล่าก็กลับไปมือเปล่า  

อย่างน้อยก็เห็นความรักชาติรักเผ่าพันธุ์ของมัน มันก็อยู่รอดกันมาด้วยการ"ฟังกัน"

คนโบราณเคยพูดว่า จิ้งจกทักยังต้องฟัง แล้วนักวิชาการทัก พระเจ้าอยู่หัวท่านทรงเตือน ทำไมคนสมัยนี้ลืมฟัง

เกิดอุทกภัยเข้าจริง เทคโนโลยีอันทันสมัยล้ำยุค กลับไม่ได้เอามาใช้งานนัก

ถ้าเป็นต่างประเทศ เขาคงจะ(?)บอกได้ว่า ถ้าน้ำท่วมพื้นที่รัฐนี้ ตรงไหนจะอ่วมลุด ตรงไหนลึกสุด และควรจะระบายน้ำไปทางไหน จึงจะเร็วรี่ ประกาศอพยพออกพื้นที่โดยด่วน 

ใส่สมการเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ก็จะให้ภาพอนาคตน้ำท่วมอนุสาวรีชัยประมาณนั้น

คนไทยก็เห่อเทคโนโลยีกันสุดๆ สารพัดจะไฮเทค (...ต่อไปนี้แซวเล็กน้อย...นั่งอยู่ตรงนี้ ยังเป่าเทียนกันได้กับคนตรงโน้นที่ห่างไปร้อยลี้ เลย อะ แต่คนข้างๆ ไม่พูดกันนะ) หรือมันไฮเทค ดีแต่การสื่อสารผ่านบริษัทที่มีแต่ขายกับขาย เทคโนโลยีที่สำคัญๆ เอามาใช้ไม่เป็นมั้งน่ะ 

ก็น้ำเหนือไหลหลาก ก็ต้องลงใต้ อะดิ ทำไมมันจึงบอดสนิท คำนวณไม่ได้ว่ามวลน้ำก้อนใหญ่จะไปอยู่ไหน อยู่ไหนนะ "น้องน้ำ" 

นี่คือน้ำท่วม ถ้าภูเขาไฟระเบิด หรือโรงงานนิวเคลียร์ระเบิดอย่างญี่ปุ่น จะทำอย่างไร (พวกที่เคยอยากได้ รง.นิวเคลียร์ คิดให้หนัก คิดให้หนัก)

เราพร้อมหรือยังที่จะกู้ภัย อภิมหาภัยพิบัติ อย่างเขา

เราพร้อมหรือยังที่จะเข้าคิวซื้อของ ยามเกิดภัยพิบัติ

เราให้การศึกษากับคนของเราแค่ไหน

เคยคิดจะส่งตรง(ความรู้)ผ่านจานดาวเทียมถึงทุกบ้านกันบ้างไหม แบบว่าเอาเงินภาษีมาให้การศึกษากันอย่างเท่าเทียม ไม่ต้องเสียเงินค่าสมาชิก ก็มีสิทธิได้ความรู้ แบบเนี้ย

(เรื่องที่คนต้องรู้ เรื่องcommon sense จริงๆ ความเป็นจริงของธรรมชาติและภัยพิบัติ ไม่เอาการเมือง ไม่เอาแบบว่า "ยังเข้าไปช่วยไม่ได้ตอนนี้ เพราะกล้องกับดารา-ไม่-ว่าง-!!!?"คนโทรขอความช่วยเหลือจุกไปเลย)

อีแอ่นคงไม่ค่อยมีภัยพิบัติ มันจึงไม่เตือนภัยกัน ถ้ำคงไม่ถล่ม น้ำคงไม่มีท่วมถึงเพดาน มิเช่นนั้น ปลาคงกินดาว

อีแอ่นเลยไม่มีพฤติกรรมเตือนภัย แม้นมันจะเข้านอนในโรงเตี้ยมแบบเหมาหมู่ แต่ก็อยู่รังเดี่ยวๆ ไม่เอี่ยวกับใคร มีแต่สามัคคี รังร่วงพร้อมกันน่ะบ่อย

สัตว์ที่เคยผจญกับภัยพิบัติก็จะมีสัณชาติญาณถึงการหนีภัย แม้นจะยังมีตายบ้างก็นับว่าฉลาดพอ

คนที่หลงคิดว่าเผ่าพันธุ์เราฉลาดล้ำ กลับตายน้ำตื้น

มือถือราคาหลายตังค์ได้แต่ใช้เล่นกับเกม กับfb

ยามคนด้วยกันขอร้อง ฟังกันบ้าง "นักสิ่งแวดล้อม" ขอให้ลดการใช้สารเคมีและลดการสร้างขยะประจำวัน ก็ลดๆ กันบ้างเหอะ จะได้ไม่ต้องปั้น -ดา-กอน-บอล-ให้puzzle ว่าจะได้ผลไหม  คลองประปาน่ะ ถ้าน้ำที่ท่วมหลุดเข้าไป ไม่ต้องคิดว่าจะมีเชื้อโรคมหาภัยกี่ชนิด 

กล่องโฟมบรรจุอาหาร ยามปกติดีๆอยู่ ก็-งด- ลด-ใช้กันหน่อย เพราะปีหน้าคงได้ใช้อีก ตอนน้ำท่วม หรืออพยพลี้ภัย (มันเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า) หรือจะเอาไว้แลกไข่??

ของเสีย สารพิษ ขยะย่อยไม่ได้ ขยะอิเลคโทรนิค ที่เราเคยทิ้งไปหลายปีแล้ว คราวนี้มันถูกกวาดมาบาดตาบาดใจ บาดจมูกเราอีกครั้ง แบบว่า ฝนตกขี้หมูไหล เอาอะไร อะไร มาประจานว่า เราไม่เคยสนใจสิ่งแวดล้อมเลย แค่พวกมันออกพ้นนอกบ้านเราก็พอ มันจะไปกองที่ไหนก็ช่างมัน (มันก็ดันรักเรามาก กลับมาเสนอหน้าหาเราใหม่แล้วก็มาในยามที่ต้องนั่งเรือต่อรถ รถต่อเรือ ซะอีกแนะ)

น้ำท่วมคราวนี้ ถ้าเห็นอะไรดีๆ หลายอย่าง เกิดปัญญากันแล้ว ผุดขึ้นเหนือน้ำ แล้วทำตัวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น แม้นปีต่อๆ ไปอาจเดือดร้อนเพราะ "ภัยพิบัติมวลรวม" (ยิ่งกว่า GDP) กระฉูด ก็ยังดีใจที่ได้เป็น"คนดี"

 

หมายเลขบันทึก: 469750เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2011 21:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 22:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท