399. จิตไม่ตกด้วยจิตวิทยาบวก ตอน2 (The Pygmalion Effect)


ว่าด้วย Appreciative Inquiry ตอนที่ 399

ช่วงนี้น้ำท่วมครับ ที่บ้านภรรยาก็เสียหายมากครับ ตอนนี้อพยพมาอยู่ขอนแก่นกัน..เลยถือโอกาสเขียนเรื่องจิตวิทยาบวก (Positive Psychology) เพื่อเป็นกำลังใจและเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับผู้สนใจ Appreciative Inquiry หรือ AI ไปด้วยทีเดียว เนื่องจาก AI มีพื้นฐานจากทฤษฎีจิตวิทยาบวกครับ..วันนี้ขอพูดถึงทฤษฎีที่สำคัญทฤษฎีหนึ่งคือ The Pygmalion Effect...

...

สมัยราวๆช่วงทศวรรษที่ 60 นักวิจัยสองท่านชื่อโรเซนทาลและจาค๊อบสัน ได้ทดลองทำอะไรเชิงทดลองอย่างหนึ่งคือ..ลองคัดเด็กมากลุ่มหนึ่งที่ไอคิวเท่ากัน ซึ่งเป็นเด็กไอคิวปรกติไม่สูง..แล้วเอารายชื่อไปบอกครูบอกว่าเด็กกลุ่มนี้ไอคิวสูง..

...

ต่อมาผ่านไปปีหนึ่ง เด็กกลุ่มเดิมฉลาดขึ้นกว่าเดิม 10 จุด..มีคำอธิบายครับ..พอรู้ข้อมูลนี้ครูก็พยายามปรับตัวเองแบบไม่รู้ตัวครับ..ประมาณว่า..ตอนแรกที่สอนเด็กกลุ่มนี้แล้วเขาไม่รู้เรื่อง อาจเป็นเพราะเทคนิคเราไม่ดี เอาหล่ะต้องพัฒนาตัวเองหน่อย..เด็กมันดื้อไม่ฟัง..อ๊อเด็กฉลาดก็อย่างนี้แหละ..เดี๋ยวต้องหาวิธีดูแลเด็กฉลาดนี่หน่อย..ด้วยความเชื่อนี้..ทำให้ครูพัฒนาการสอนจนสามารถยกระดับความฉลาดของเด็กขึ้นโดยไม่รู้ตัว..

 

... 

ปัจจุบันทฤษฎีนี้ยังเป็นที่กล่าวขวัญถึงในโลกของการศึกษา แม้กระทั่งในโลกธุรกิจครับ..

..

ผมว่าจริงครับ..คุณเคยรู้สึกว่าคุณได้แสดงออกทั้งความคิดเห็น ได้เติบโตอย่างเต็มที่ ได้แสดงความสามารถเต็มที่ กับคนที่เขาเชื่อในตัวคุณไหมครับ..ผมก็เจอครับ..กับคนอีกกลุ่ม..ที่ไม่เชื่อ.เขาไม่เชื่อคุณ ไม่เห็นคุณค่าคุณ...พูดอะไรก็ถูกดัก..ถูกถากถางกระแนะกระแหน..คุณจะไม่อยากพูดอะไรอีกเลย..ไม่อยากแสดงความสามารถ..ที่สุด..คุณจะดูไม่เก่งขึ้นในความสัมพันธ์แบบนี้..ยิ่งเจอคนที่มีอำนาจแต่ไม่เห็นคุณค่าคุณนี่..คุณแทบเดินตัวลีบเลย..เรียกว่าไม่สร้างสรรค์อะไร...

...

คำแนะนำง่ายๆครับ (ผมได้ข้อสรุปที่น่าสนใจมาจากนักวิชาการท่านหนึ่ง)..เห็นคุณค่าในคนอื่นให้มากๆครับ..ลูกของคุณ..สามี ภรรยาของคุณ..เพื่อนของคุณ นายของคุณ..ค้นหาจุดดีเขา ลองเชื่อมั่นในตัวเขา..เห็นคุณค่าในตัวเขา..แล้วคุณจะเห็นเขาเริ่มรู้สึก ปลอดภัย ได้แสดงออก ผิดบ้าง ถูกบ้าง..ที่สุดเขาจะเริ่มเติบโต จะฉลาด จะดีขึ้นไปเรื่อย..

ตอนนี้แหล่ะครับ..เจอภัยพิบัติ..เราได้อยู่ไกล้กัน..มาเริ่มหาจุดดี มาเริ่มศรัทธากันกัน..คุณจะเริ่มเห็นอะไรดีๆ งอกงามขึ้นเรื่อยๆ...

...

นักคิดบางท่านเสนอเลยครับ..นี่คืองานหลักของมนุษย์เลยล่ะ..

...

ผมเองไม่ชอบหน้าผู้ใหญ่คนหนึ่งมานาน..วันหนึ่ง..ไปนั่งฟัังท่านบรรยาย..อืมเข้าท่าแฮะ..คนนี้ไม่ใช่นักวิชาการ เป็นนักธุรกิจ..แต่เข้ามามีบทบาทในมหาวิทยาลัยและเสียงดังมากๆ..มีผลงานทั้งน่าสรรเสริญในระดับมากจนถึงน้อย..แต่เขาก็เสียงดัง..พอนั่งฟังประวัติ ท่านเล่าว่า.

...

ท่านก็ไม่ใช่นักวิชาการแต่สนใจการศึกษา..บังเอิญได้เข้ามาร่วมเป็นกรรมการในสถาบันการศึกษา..ชุดเล็กๆก่อน..แต่ท่านไม่เคยสายไม่เคยขาดประชุมสักครั้ง..(อันนี้จริง)..ท่านบอกว่าก็ได้รับความไว้วางใจและเริ่มได้รับมอบหมายหน้าที่มากขึ้น จนตอนนี้กลายเป็นนากยกสภามหาวิทยาลัยถึงสองแห่ง..

...

คนนี้เติบโตจากวินัยครับ..ที่ส่งผลถึงการเห็นความสำคัญของคณะทำงาน..เมื่อเห็นความสำคัญของคนอื่น บวกกับทำงานเก่งก็ได้รับความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ..จนทะลุฟ้าไปเลย..

..

โอว..ข้าพเจ้าเอง..ทำไม่ได้แฮะ..ไม่เคยทำได้..นี่ไง..จุดดีครับ..เราเรียนรู้จากเขา ลองชื่นชม..เราจะเห็นเรื่องดีๆ จากเขา..แต่บังเอิญเราห่างกันเกินไป..อย่างน้อยก็ได้บทเรียนแบบอย่างที่ดีครับ..เวลาเจอสุขภาพจิตก็ดีกว่า..

...

หาให้เจอนะครับ..โลกจะสวยงามขึ้นกว่าเดิม..คนธรรมดารอบตัวคุณจะเก่งขึ้น..คุณจะสบายใจขึ้น..งานไปไกลขึ้นครับ..ส่วนครอบครัว..ก็จะสงบสุข เติบโตอย่างงดงามมากขึ้นครับ..

..

คุณล่ะ คิดอย่างไร

หมายเลขบันทึก: 468695เขียนเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2011 07:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 12:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ชีวิตเหมือนเกลื่อนดาวในราวฟ้า

ลอยเวหากลางหาวคราวมองเห็น

มีเบื้องหลังความเงียบอันเยียบเย็น

บางดาวเร้นหลีกหายลับสายตา

 

สวัสดีครับ...กดให้ดอกไม้ก่อนครับ...แล้วจะมาอ่านแบบตั้งใจครับ

ชอบประโยคที่ว่า จงมองเห็นคุณค่าของผู้อื่น จมองเห็นจุดที่ดี

อ่านแล้วรับทราบค่ะว่าผู้เขียนเปี่ยมด้วยพลัง...^^

ฟังอาจารย์เล่าแล้วรู้สึกมีความหวังคะ

..

ทำให้นึกถึง การสอนนักศึกษาแพทย์

ตั้งใจว่า กลับไป เวลาเขาคุย เขาตรวจผู้ป่วย

ต้องให้เกียรติเขา ไม่แทรกแซง หรือไม่พูดอะไรเลย

หลังจากนั้นค่อย คุยกัน

.

ถ้าเรามองเขาแบบผู้ใหญ่

เขาก็เป็นผู้ใหญ่ พอได้ไหมคะอาจารย์

อาจารย์เขียนมาเห็นจะจริง

ที่นี้โรงเรียนเขาจะสอนให้คิดในทางบวกเสมอ

เวลาลูกสาวไปเล่นแบตมินตันตอนอยู่ชั้นมัธยมตอนปลาย

ถ้าตีชนะแต่ละ set ครูเขาจะสอนให้พูดว่า Nice ทุกครั้ง

ตอนแรกๆ ผมก็คิดว่า ไม่รู้ว่าจะพูดไปทำไม

พูดแล้วพูดอีก เพราะการแข่งขันกัน ที่หลาย set เหลือเกิน

แต่ดูไปนานก็ชินครับ

เวลาลูกทำความดี พ่อแม่ต้องพูดเสมอว่ากับลูกว่า I'm proud of you.

เช่นเดียวกัน เวลาพ่อแม่ทำความดี ลูกๆ จะพูดกับพ่อแม่ด้วยประโยคเดียวกัน

ทำบ่อยๆ ความดีมันติดเป็นนิสัยครับอาจารย์

แต่เมืองไทยลูกๆ ไม่รู้ว่าจะกล้าพูดกับพ่อแม่หรือเปล่า เพราะของอย่างนี้

ต้องฝึกมาตั้งแต่เด็กๆครับ

รักเธอประเทศไทย ตอน รักเธอที่ลาดพร้าว

ขอบคุณค่ะ เป็นประโยชน์มากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท