พฤศจิกายน 2554 ครบ 1 ปีหลังจากกลับจากการไปอบรม
" Salutogenesis & Self Transcendence Workshop "
เมื่อกลับมาถึงฉันก็เริ่มมาคิดว่าเราจะทำอะไรเพื่อสานต่ออุดมการณ์ให้มันแผ่กิ่งแตกก้านออกไปหรือจะเก็บไว้แค่ความทรงจำที่รอมันลางเลือน ไม่สิสิ่งดีดีเหล่านั้นควรต้องยังอยู่และดำเนินต่อไป เพียงแต่ฉันจะมีกำลังสานฝันของตัวเองไหม ? นั่นเป็นสิ่งที่ท้าทาย ว่าแต่จะเริ่มต้นอย่างไร ? ถามตัวเองอยู่หลายวัน สรุปลงตรงที่ฉันบรรจงเขียนเรื่องราวดีๆเหล่านั้นเป็นบันทึกเล่มเล็กมอบให้สำนักงานคุณภาพ มอบสำหรับทีม FA และแทนคำขอบคุณที่ให้โอกาสเราไปรับการอบรมเชิงปฎิบัติการเรื่องการเสริมสร้างมิติ จิตวิญญานสำหรับบุคลากรของโรงพยาบาลสู่การเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น
9 บทเรียนที่พอจะเรียบเรียงได้ถูกโพสต์ลง Intranet ของโรงพยาบาลแต่มันยังเป็นเพียงทฤษฏี ฉันเริ่มถ่ายทอดบทเรียนแต่ละบทโดยใช้ตัวเองเป็นผู้ปฏิบัติว่าบทเรียนเหล่านั้นมันเป็นจริงอย่างไรเมื่อเรานำมันไปใช้ บางบทแม้จะใช้ครั้งใดผลของมันก็คือความสุขใจทุกครั้ง "ไม่ต้องพยายามคิดเชิงบวกแต่ค่อยๆเรียนรู้ให้ตัวเองคิดบวก" และคำว่า" จิตประภัสสรคือการเห็นคุณค่าในสิ่งที่ตนเองทำอยู่ "
เรื่องเล่าจากการปฏิบัติงานในการดูแลด้วยมิติ จิตวิญญานของความเป็นมนุษย์ที่แผนกอุบัติเหตุฉุกเฉิน เรื่องแล้วเรื่องเล่าถูกถ่ายทอดไปด้วยมีกำลังใจจากพี่ๆน้องๆหลายคนที่สำนักงานคุณภาพเอื้อเฝื้อเป็นบรรณาธิการตรวจสอบต้นฉบับและมีคนเก่งประจำWEB SHA รพ.พิจิตร ช่วยสนับสนุนอีกแรง ฉันอยากให้คนอื่นๆได้เขียนเรื่องเล่าบ้างแต่เขาว่าเขียนไม่เป็นกันดูเป็นเรื่องยากซะงั้น ต่อมาพี่ด้าเจ้าแม่แห่งวงการPalallitive care ชวนมา KM และชักชวนให้ พยาบาลแต่ละward เขียนเรื่องเล่าประสบการณ์การปฏิบัติงานมาแบ่งปันสานอุดมการณด้วยกัน เหมือนฝันมันใกล้เป็นจริงเข้ามาทุกทีแล้ว
วันนี้ทีม FA จัดประกวดเรื่องเล่าเกี่ยวกับ"การบริการด้วยใจไร้รอยต่อ "มีการโหวตเรื่องเล่าประจำสัปดาห์ ก็ทำให้บรรยากาศการเยียวยาคึกคักน่าดูจ.น.ททุกแผนกที่มีเรื่องๆดีต่างเอามาเล่าแลกเปลี่ยนกันมากมาย ฉันแอบอ่านไปยิ้มไป
เขาเหล่านี้แหละนะ " เพื่อนร่วมอุดมการณ์ " ของฉัน
มาส่งกำลังใจค่ะ
@ พี่ namsha ขอบคุณนะตะที่แวะมาเยี่ยม
สบายดีนะคะ