ตำนานเมืองล้านนาตอน"ขึดขวง"


ถมสมุทรหรือสายน้ำจักขึดนักแล นั่นคือคำบอกคนล้านนาห้ามถมสายน้ำจะทำให้เกิดภัยจากน้ำมากนัก

เรื่องนี้อาจเป็นข้อมูลบันทึกเหตุการณ์น้ำท่วมบ้านท่วมเมืองครั้งใหญ่หลวงที่เกิดผลเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สินของผู้คนชาวไทยในปี พ.ศ.  ๒๕๕๔

จากการศึกษาเรื่องขึดหรือข้อห้ามของผู้คนล้านนามีผะหญา(ภูมิปัญญา)มากมายที่ให้ข้อคิด ให้ความรู้ในการดำรงชีวิตประจำวันอย่างเช่นเรื่อง "ขึดขวง" หรือขึดหลวง ซึ่งแปลว่าข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่หากทำผิดแล้วจะเกิดภัยตามมา

มีข้อหนึ่งกล่าวถึงการขึดสรุปว่า  " หากผู้ใดถมสมุทรจักขึดนักแล" หมายความว่า  หากมีคนไปถมทางน้ำหรือสายน้ำจะทำให้ตกขึดหรือเกิดผลเสียหาย

ผู้คนปัจจุบันมักมีคำถามว่า "ขึดคืออะไร?   มันเป็นตัวตนรูปร่างอย่างไร? ทำไมต้องว่าขึด?

ขึดเป็นคำพูดของบรรพชนชาวล้านนาที่ห้ามการกระทำแต่ผู้คนปัจจุบันเห็นว่าเรื่องขึดเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นความค่ำครึของคนโบราณไม่มีเหตุผล  ไม่เป็นวิถีทางวิทยาศาสตร์  คนปัจจุบันหลายคนจึงไม่เชื่อ แถมบางครั้งเมื่อได้ยินคำว่า "ขึด" ยังหัวเราะเยาะหยัน เพราะไม่เชื่อเรื่องขึด

ลักษณะของขึดมีืั้หลายระดับขึดเช่นที่เป็นภัยต่อคนเพียงคนเดียวเรียกว่าขึดระดับบุคคล  บางลักษณะเกิดความเสียหายเกิดความวินาศกันทั้งเมืองเรียกกันว่าขึดระดับเมือง 

เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงในสมัยใหม่ผู้คนจัดการถมสายน้ำเดิม ถมแก้มลิง ถมที่อยู่ของน้ำมาเป็นที่อยู่ของผู้คน เป็นบ้านจัดสรร เอาเป็นว่ายึดเอาที่ของน้ำอยู่มาเป็นบ้านเมืองที่อยู่อาศัยปัญหาจึงเกิดขึ้นในระดับเมืองคือน้ำท่วมบ้านท่วมเมืองอย่างที่เห็นๆลักษณะนี้เองจึงเรียกว่า "บ้านเมืองตกขึด" เกิดอุทกภัยหรือภัยจากน้ำที่ไหลไปตามทางที่เดิมเคยมีอยู่หรือเดิมที่มีแอ่งให้น้ำไหลลงอาศัยในแอ่ง

นอกจากปัญหาการถมแอ่งน้ำถมสายน้ำโดยตรงแล้วยังเกิดปัญหาการทิ้งขี้เหยื้อ(ขยะ)ลงในสายน้ำ ลำคลองเกิดเป็นสิ่งกีดขวางสายน้ำไหลที่ไหลตามธรรมชาติ บางแห่งถมฝั่งน้ำขยายออกไปเพื่อเพิ่มสถานที่ให้กว้างขึ้นแต่กลับกลายเป็นทำให้สายน้ำแคบลง สิ่งเหล่านี้เรียกกันว่าขึดขวงทั้งสิ้น

เมื่อเกิดขึดขวงหรือเกิดภัยอย่างใหญ่หลวงจากน้ำจะไปโทษใครคงไม่ได้ก็มนุษย์นี่แหละที่ต้องรับผิดชอบ และต้องช่วยการแก้ไข โดยเฉพาะต้องลดความเห็นแก่ตัวในการถมสายน้ำ รุกล้ำแม่น้ำ  การทิ้งขยะลงน้ำ พร้อมๆกับการการทำนุบำรุงฟื้นฟูสิ่งที่ขาดหายไปจากเดิมมี

"ขึด"คำพูดคนล้านนานั้นมีเหตุผล  มีที่มาที่ไป มีหลักการให้ข้อคิด  ใช่ว่าไร้เหตุผลตามที่คนสมัยใหม่หลายๆคนปรามาส แต่ในทางตรงกันข้ามหากไม่เชื่อก็ตกขึดต้องพากันรับชะตากรรม  ภัยจากเชื้อโรคที่มาตามน้ำหลาก  ภัยจากราคาสิ่งของเครื่องใช้สูงขึ้น ขาดแคลนสิ่งของอุปโภค บริโภคตามมา ข้าวยากหมากแพง ทุกข์กันทั้งเมืองเพราะขึดขวงที่น้ำท่วมบ้านเมืองในปี พ.ศ.๒๕๕๔นี้แล

หมายเลขบันทึก: 468326เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2011 21:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 16:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เอ่อเขียนผิดครับ เอาใหม่ครับ ขอบคุณจั๊ดนัก ครับ

คนโบราณเขามีกุศโลบายในการดำเนินชีวิตและสอนลูกหลานที่พัฒนามาเนินนานและใช้ได้ไม่ขัดเขิน

แต่คนปัจจุบันหาได้เรียนรู้วิถีโบราณ ทำตามวิธีเงินตรา บ้านเมืองจึงเป็นเช่นนี้

เราแทบไม่สนจารีตใด ๆ อีกต่อไป บทบาทในการควบคุมทางสังคมของคำสอนของคนโบนสณไม่ขลังอีกต่อไป

และที่เลวร้าย การเรียนการสอนในระดับมัธยมและมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เรียนแผนที่เกี่ยวข้องกับสังคมและวัฒนธรรมก็ไม่ได้สอนเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

เด็กไทยไม่รู้จารีตของบรรพบุรุษเสียแล้ว เมื่อเกิดวิกฤตขึ้นก็โืษกันไปโทษกันมาไม่มีความสามัคคี

ผมเสียใจและเสียดายจริง ๆ ครับ

ขอบคุณครับคุณอนุสรณ์และคุณ วาทินที่มาแวะอ่านครับ........

ปัจจุบันคนขาดจารีตที่ดีงามมันจึงเป็นเช่นที่เห็นๆ...

ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน...พรหมมา

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท