ฮ่องกง สีสันของการค้าขายในสายลมหนาว ตอนที่ 2


งาน Cosmoprof Asia จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤศจิกายนที่ประเทศฮ่องกง มีผู้มาออกงานแสดงสินค้าพันกว่ารายในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางทั้งแบบบำรุงและสีสัน ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สำหรับร้านเสริมสวยและร้านทำผม รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์นานาชนิด จากหลากหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย มีผู้เข้าชมงานแต่ละปีเกือบครึ่งแสนในระยะเวลาเพียง 3 วัน

งาน Cosmoprof Asia จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤศจิกายนที่ประเทศฮ่องกง มีผู้มาออกงานแสดงสินค้าพันกว่ารายในกลุ่มสินค้าเครื่องสำอางทั้งแบบบำรุงและสีสัน ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สำหรับร้านเสริมสวยและร้านทำผม รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์นานาชนิด จากหลากหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย มีผู้เข้าชมงานแต่ละปีเกือบครึ่งแสนในระยะเวลาเพียง 3 วัน 

ในงานแบ่งการแสดงสินค้าเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นส่วนงานที่ใหญ่ที่สุดและคนเยอะที่สุด จัดแสดงสินค้าและจำหน่ายเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้เห็นแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปตามความชอบหรือพฤติกรรมการใช้สินค้าในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออก ชอบการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในแบบมาร์คกระดาษแปะบนหน้าโดยผสมครีมบำรุงผิวแบบต่างๆ เช่น สำหรับผิวขาว ลดริ้วรอย หรือให้ความชุ่มชื้น มีการพัฒนารูปแบบของมาร์คให้สามารถแนบไปกับผิวได้มากที่สุดถึงขนาดลงไปตามร่องริ้วรอยเล็กๆ บนผิว เพื่อให้ครีมบำรุงซึมเข้าสู่ผิวให้มากยิ่งขึ้น หรือรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ส่วนใหญ่เน้นการขายเป็นขวดเล็กๆ พร้อมดื่มที่เรียก Ready To Drink (RTD) แบบ 1 ช็อทสำหรับดื่มวันละ 1-2 ครั้ง แบ่งเป็นหลายๆ แบบทั้งทำให้ผิวขาว ลดริ้วรอยหรือล้างพิษก็ดูเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ในหลายๆ บูธทั่วงาน มีโอกาสได้ชิมรสชาดของผลิตภัณฑ์แบบนี้อยู่ 2-3 บูธจากประเทศในแถบเอเชียและยุโรป รสชาดที่เกิดจากการพัฒนาของคนเอเชียก็ดูดื่มง่าย มีรสชาดหวานอร่อยเข้ากับคนเอเชียด้วยกัน ขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพร้อมดื่มจากทางยุโรปเป็นแนวเรียบหรูดูดี เน้นการรักษารสชาดของผลิตภัณฑ์ให้เป็นธรรมชาติที่สุด อันนึงเป็นน้ำดื่มเขียวๆ แบบคลอโรฟิลล์ที่ดื่มเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด รสชาดกับสีดูไปด้วยกันได้ดีทีเดียว จืดแต่รู้สึกดีเหมือนได้รับสารอาหารอะไรเข้าไปซักอย่าง เดินชิมไปชิมมาก็เริ่มงง หลังๆ ลิ้นเหมือนเริ่มแยกรสชาดไม่ได้จึงเปลี่ยนไปเป็นขอตัวอย่างเพื่อกลับมาชิมหลังงานแทน ผลิตภัณฑ์แบบพร้อมดื่มแบบนี้ถามหลายๆ บูธก็ให้คำตอบเหมือนๆ กันว่าจำนวนขั้นต่ำของปริมาณการผลิตไม่น่าต่ำกว่า 1 แสนขวดซึ่งก็ไม่มากนักถ้าเทียบกับจำนวนวันที่ต้องรับประทานเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของแต่ละคน สำหรับผู้ที่สนใจคงจะหนักไปทางค่าใช้จ่ายในการผลิตซึ่งต้องเตรียมเงินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ล็อตแรกเพื่อส่งเข้าตลาดในปริมาณขั้นต่ำให้เพียงพอ ผลิตภัณฑ์แบบพร้อมดื่มนี้มีข้อดีสำหรับผู้บริโภคในแง่ไม่ต้องซื้อทีละหลายๆ ขวดสามารถแบ่งจ่ายเป็นขวดได้ทุกวัน แต่ก็มีข้อเสียอย่างมากสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่จะคอยติดตามให้ลูกค้าได้รับประทานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ซื้อซ้ำและบอกต่อ 

งานแสดงสินค้ากว้างใหญ่ยังมีผลิตภัณฑ์อีกมาก คนที่สนใจจริงๆ อยากให้ลองไปเดินชมงานซักครั้งเพื่อเป็นไอเดียในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองหรือถ้ามีผลิตภัณฑ์แล้วจะลองเปิดบูธในเวทีนานาชาติ เวทีนี้น่าสนใจจริงๆ ที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของไอเดียที่คิดไว้ แบบนึกสนุกเหมือนได้ไปออกรายการเอสเอ็มอีตีแตกในเวทีนานาชาติประมาณนั้นเลย เพียงแต่คนที่เข้ามาอาจให้เพียงความคิดเห็นแต่เพียงบางส่วนจากคำถามที่กล้าถามเท่านั้น หลากหลายประเทศคำถามหรือข้อสงสัยก็แตกต่างกันไป รวบรวมกลับมาเป็นความคิดเห็นจากผู้ซื้อ ผู้ขายจริงก็น่าจะเป็นประโยชน์กับการขายในต่างประเทศไม่น้อยเลย 

เดินมาถึงบูธจากประเทศไทยที่จัดแสดงอยู่ด้วยกันแต่แบ่งส่วนหนึ่งแสดงอยู่ในชั้น 1 และอีกส่วนอยู่ในชั้นที่ 3 ดูเจ้าภาพหลักของการเดินทางจะเป็น DEP หรือกรมส่งเสริมการส่งออก บูธมีป้ายประเทศไทยตัวใหญ่มากเป็นสีชมพูสะดุดตา ประเทศเราไม่มีใครซื้อบูธใหญ่ พื้นที่เปิดโล่งบริเวณด้านหน้าเลย ส่วนใหญ่มักจัดเป็นบูธเดี่ยวๆ ยกเว้นแต่แบรนด์กิฟฟารีนของคุณหมอนลินี แบรนด์ไทยเลือดเข้มข้น ที่ขณะเดินผ่าน ต้องมองจนเหลียวหลังเพราะตกแต่งบูธสวยเสียจนนึกว่าเป็นแบรนด์ใหม่จากทางยุโรป ถือว่าสู้ได้กับแบรนด์ระดับนานาชาติใหญ่ๆ ที่อยู่ข้างเคียงทีเดียว เห็นคุณหมอนลินีพูดคุยกับลูกค้าด้วยตัวเองอยู่ในบูธแล้วก็แอบอดเชียร์ให้ปิดการเจรจาธุรกิจเยอะๆ ไม่ได้ นึกถึงประเทศไทยที่ต้องประสบภาวะน้ำท่วมอยู่ขณะนี้ เราต้องอาศัยเม็ดเงินจากการค้าขายระหว่างประเทศเข้ามาช่วยเป็นส่วนหนึ่งการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศอีกมากเลยทีเดียว 

กลับมาที่บูธจากประเทศไทยส่วนใหญ่ หลายบูธที่พัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านของไทยมาประยุกต์ปรับใช้ให้ดูทันสมัย เป็นสากลมากขึ้น มีทั้งสารส้มระงับกลิ่นกาย ลูกประคบที่เห็นหลายบูธมากในบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป บูธส่วนใหญ่ออกแบบผลิตภัณฑ์แนวใช้สมุนไพรไทยแบบตะไคร้ ไพล ขิง เครื่องหอมต่างๆ มาทำ กล่องหรือรูปแบบค่อนข้างคล้ายกันจนแยกไม่ค่อยออก แต่มีบูธที่สะดุดตามากๆ คือ บูธที่ขายผลิตภัณฑ์สปาพื้นบ้านแบบน้ำมะขามเปียกที่โชว์น้ำมะขามสดๆ ให้คนทดลอง น้ำผึ้งที่ตัดชิ้นของรังผึ้งใส่กล่องมาเป็นรังเลยทีเดียว มีคนมุงและสนใจทดลองเยอะจนมองเข้าไปไม่ทันเห็นผลิตภัณฑ์อื่นเพราะมัวแต่ตะลึงกับน้ำมะขามสดและน้ำผึ้งด้านหน้า แอบชื่นชมเจ้าของกิจการรายนี้ที่สร้างความน่าตื่นเต้นให้กับสินค้าไทยได้แตกต่างจากบูธรอบๆ ซึ่งโชว์สินค้าแบบแห้งๆ เน้นการทดลองใช้จากขวดตัวอย่าง ซึ่งหยุดคนได้น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว ดูเป็นการบ้านที่อยากกลับไปและชวนเพื่อนๆ คนอื่นๆ ช่วยกันคิดและทำว่ายังมีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ไทยหรือความเป็นไทยที่นำมานำเสนอให้น่าสนใจแบบนี้ได้อีก....อยากให้การปรากฏตัวในเวทีใหญ่ต่อสายตานานาชาติ สามารถแสดงความเป็นไทย ให้เห็นครั้งแรกแล้วประทับใจอยากทดลอง เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์สปาและครีมบำรุงผิวที่บ้านเราดีไม่แพ้ชาติไหนในโลกอยู่แล้ว ช่วยๆ กันออกไอเดียเพื่อส่งเสริมสินค้าไทยกันนะคะ :) 

 

หมายเลขบันทึก: 468315เขียนเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2011 20:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 17:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท