โดย พระไพศาล วิสาโล
สำนักพิมพ์ มติชน
บ้านจะ มั่นคง อดทนต่อแรงลมและพายุฝนได้จะต้องมีรากฐานที่แข็งแรง ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจจะมั่นคง ไม่คลอนแคลนต่อทุกข์ภัยและความผันผวนปรวนแปรได้ก็ต่อเมื่อมีธรรมเป็นพื้นฐาน เราจึงไม่ควรใช้ชีวิตเพียงเพื่อทำมาหากิน แสวงหาทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้น แต่ควรใส่ใจกับการลงหลักปักธรรมเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่จิตใจด้วย
ความมั่นคงในทัศนะของคนทั่วไปจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการครอบครองทรัพย์สมบัติ ให้มากที่สุด ยิ่งมีมากเท่าไร ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่ในทางธรรมความมั่นคงของชีวิตและจิตใจเกิดขึ้นได้เมื่อบุคคลรู้จักแบ่งปัน และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพราะไม่เพียงช่วยลดความเห็นแก่ตัว และเพิ่มพูนความสุขใจเท่านั้น ยังช่วยสมานใจผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เกิดชุมชนอยู่เย็นเป็นสุข ปลอดพ้นจากการข่มเหงคะเนงร้าย
ใช่หรือไม่ว่าเป็นเพราะทุกวันนี้ผู้คนมีความเอื้อเฟื้อเจือจานกันน้อยลง ชีวิตจึงเปราะบางมากขึ้น ขณะเดียวกันสังคมก็ร้าวฉาน เต็มไปด้วยปัญหานานัปการ ไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้สังคมมีความมั่นคงเข้มแข็งได้มากเท่ากับน้ำใจ ไมตรีของผู้คน ดังนั้นนอกจากการพัฒนาเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตแล้ว การส่งเสริมให้ผู้คนมีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน พร้อมช่วยเหลือเผื่อแผ่กัน จึงเป็นสิ่งที่มิอาจละเลยได้
อย่างไรก็ตามการส่งเสริมให้ผู้ คนมีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล ไม่อาจทำได้ด้วยการเทศนาสั่งสอนหรือบรมให้ผู้คนมีศีลธรรมเท่านั้น แต่จะต้องสร้างเงื่อนไขทางสังคมให้เกื้อกูลต่อการบ่มเพาะธรรมในใจของผู้คน ด้วย เช่น ระบบสังคมและเศรษฐกิจที่ไม่ให้รางวัลหรือส่งเสริมความเห็นแก่ตัว ระบบการเมืองที่โปร่งใสไม่สนับสนุนการคดโกง รวมทั้งสิ่งแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมอบายมุข เป็นต้น
การสร้างเงื่อนไขทางสังคมที่ส่งเสริมธรรมในใจของผู้คนนั้น มิใช่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบของทุกคน สังคมไทยมี “ทุนทางสังคม”มากมายที่ส่งเสริมสำนึกดังกล่าว ที่สำคัญได้แก่คำสอนทางพุทธศาสนา โดยเฉพาะหลักธรรมเกี่ยวกับ บุญกุศล และ กรรม อย่างไรก็ตามความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคำสอนดังกล่าว กลับส่งผลให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเห็นแก่ตัวมากขึ้น เอื้ออาทรต่อผู้คนน้อยลง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับความเข้าใจดังกล่าวให้ถูกต้อง เพื่อเป็นพลังส่งเสริมคุณธรรมและความผาสุกในสังคม
การลงหลักปักธรรมให้มั่นคงในจิตใจและสังคมเป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ ใจที่มีสติ ปัญญา และเมตตากรุณาตั้งมั่น นอกจากจะไม่ระทมทุกข์เมื่อเกิดความผันผวนปรวนแปรในสังคมแล้ว ยังกลับช่วยฟื้นฟูสังคมให้เป็นปกติ ตั้งมั่นในความถูกต้อง ด้วยวิถีแห่งสันติ ไม่ทำการด้วยความโกรธเกลียด ซึ่งมีแต่จะโหมกระพือความรุนแรงให้เพิ่มมากขึ้น ในยามที่บ้านเมืองโน้มเอียงสู่ความรุนแรง ยิ่งมีความจำเป็นต้องมั่นในอหิงสธรรม ลงหลักปักธรรมให้มั่นคงในจิตใจและสังคม คือภารกิจของชาวพุทธ
*******
กิ่งธรรมจาก http://www.visalo.org