การทำงานเพิ่งเริ่มต้น ปัญหาก็เกิดขึ้นทันที


อุปสรรค การทำงาน การจัดการความรู้

ผมกำลังศึกษาปริญญาโท  สาขาการบริการการศึกษา เลือกทำวิทยานิพนธ์  พอเริ่มทำงาน(วิทยานิพนธ์) ปัญหาและอุสรรคก็เกิดขึ้นมา มองหาหนทางแก้ไขและฝ่าฟันให้ผ่านพ้นไปให้ได้ รู้เพียงว่าจะต้องใช้ความอดทนสูง และสู้ให้ถึงที่สุด

     ผมเลือกทำวิทยานิพนธ์  ในขณะที่ผู้บริหารสนับสนุนการทำการศึกษาค้นคว้าอิสระ เมื่อการตัดสินใจทำวิทยานิพนธ์ เรื่อง  การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียนบ้านสว่างพัฒนา (การจัดการความรู้) ผู้บริหารก็บอกว่า ทำไมจะต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วย ผมบอกว่าต้องการพัฒนาตนเองในระดับที่สูงขึ้นไป ท่านบอกว่า IS ก็สามารถพัฒนาได้(เรียนต่อเอกได้) วันหนึ่งผมโทรแจ้งให้ผู้บริหารทราบว่า ผมขออนุญาตไปศึกษาดูงานกระบวนการจัดการประชุมของชุมชน ที่อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์จัดขึ้น ในขณะที่โรงเรียนมีกิจกรรมแข่งขันทักษะทางวิชาการ ผมต้องส่งนักเรียนเข้าแข่งขันด้วย แต่ไม่มีเวลาฝึกซ้อมให้เด็ก เมื่อขออนุญาตผู้บริหาร ท่านตำหนิว่าผมไม่มีความรับผิดชอบ โรงเรียนก็ต้องการให้ผมดูแลและทำการฝึกซ้อมให้เด็กเพื่อการแข่งขันฯ ความต้องการของผู้บริหาร ต้องการให้ผมส่งกิจกรรมกาารสวดมนต์แปล แต่ผมไม่สามารถฝึกนักเรียนได้  และเลือกส่งในกิจกรรมที่ผมสามารถทำได้ และนักเรียนมีความพร้อมอยู่ คือ โครงงานคุณธรรม ช่วงชั้นที่ 1 และ 2 กับการแข่งขันทำเว็บเพ็จ และได้รับรางวัลชนะเลิศระดับกลุ่มโรงเรียน เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันในระดับเขตพื้นที่การศึกษาอีในปีนี้ สำหรับในปีก่อนๆ โครงงานคุณธรรมของผมที่ส่งไปในระดับเขตฯ ได้รับรางวัลเหรียญเงิน  ผู้บริหารบอกผมว่า ปีนี้ไม่ต้องส่งหรอกน่ะ ที่ผ่านมาได้แค่เหรียญเงิน นั่นแสดงว่าไม่มีการพัฒนา สาเหตุอยู่ที่ครูหรือนักเรียน ผมตอบว่า อยู่ที่ครูนั่นแหละครับ (เพราะเด็กที่นำมาฝึกซ้อมนั้นเป็นเด็กไม่เก่ง เพราะคนเก่งนั้น ครูท่านอื่นเลือกไปหมดแล้ว และผมไม่โทษเด็ก เพราะเขาเต็มที่ตามศักยภาพของเขาแล้ว) เมื่อผู้บริหารเห็นว่าความต้องการของท่านไม่ได้รับตอบสนอง จึงโกรธให้ผม ในขณะนั้นความรู้สึกขณะนั้น ตอนที่ท่านผู้บริหารตำหนิ ผมไม่ได้รู้สึกโกรธท่านเลย กลับรู้สึกสงสาร จึงกล่าวคำขอโทษไป และท่านบอกให้ผมตัดสินใจเอง ผมก็เลยเลือกไปศึกษาดูงานกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เช้าวันต่อมา ผู้บริหารก็มาโรงเรียนและถามถึงผม ครูที่โรงเรียนบอกว่าไม่ได้มา  ท่านตำหนิเสียงดังได้ยินไปทั่วทั้งโรงเรียนว่า "คนไม่มีความรับผิดชอบทำให้งานเสียหาย ทำงานแบบนี้ไม่เข้าตาเลย"

หมายเลขบันทึก: 467811เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2011 14:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 21:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

การทำวิทยานิพนธ์ของผม  ได้เลือกรูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการและมีส่วนร่วม โดยความชอบส่วนตัวของผมเองด้วย ซึ่งผมมองบริบทของโรงเรียนแล้วว่า  หากผู้บริหารและครูมีส่วนร่วม เมื่อผมทำวิทยานิพนธ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว โรงเรียนจะมีแหล่งเรียนรู้ทั้งสิ้น 8 แหล่งด้วยกัน  ได้แก่  ชุมชน 6  แห่ลง คือ  สวนเกษตรผสมสาน,สวนยางพารา,สวนดอกาวเรือง,เพาะเห็ดฟางโรงเรือน,กรองหญ้าคา,ขนมจีน และโรงเรียน 2 แหล่ง คือ ห้องสมุดและห้องคอมพิวเตอร์  แล้วความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชนก็จะแนบแน่นมากขึ้น แหล่งเรียนที่เคยมีแต่ต้องนั่งคิดเวลาจะทำรายงานส่งเขตก็จะมีเป็นรูปธรรม Baespractice ก็จะเกิดหลายอย่าง โดยไม่ต้องกังวลหรือหาไม่มีเหมือนที่ผ่านมา และในขณะนี้ เพื่อนครูด้วยกันก็เป็นห่วง บอกว่าอย่าทำอะไรให้ยุ่งยากเลย มันอาจจะกระทบกับงานประจำของเรา เพราะเราเรียนนอกเวลาราชการ ไม่ได้เรียนเข้มข้นเหมือนภาคปกติ ผมรับฟัง และบอกกับตัวเองว่า การทำงานในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  และตอนนี้ก็สายเกินกว่าจะถอนตัวออกไปทำ IS แล้วด้วย มีอย่างเดียวจะต้องสู้และทำให้เห็นเป็นรูปธรรมให้ได้

ตอนแรก บอกคณะครูว่าจะทำด้านการพัฒนาวิชาการ เมื่อทำเสร็จครูทุกท่านก็จะได้รายงานการใช้นวัตกรรม คนละหนึ่งเล่ม และมาทำวิจัยครอบอีกครั้งหนึ่ง ก็สามารถนำผลงานส่งเชี่ยวชาญได้ ก็เห็นด้วยในตอนแรก พอตอนหลังไปเกี่ยวข้องกับชุมชน ก็เลยถอยออกมา

สำหรับผู้บริหารนั้น ก็ทำผลงานทางวิชาการ ในเรื่องคุณลักษณะที่พึงประสงค์ และหวังจะให้ผมพัฒนานักเรียนตามแนวทางวิถีพุทธ

สรุปปัญหาทุกอย่าง เกิดจากการไม่ยอมรับฟังซึ่งกันและกัน ไม่เปิดโอกาสให้ได้อธิบาย ถูกปิดกั้น เคยอธิบายให้ฟังแต่ถูกสกัดเอาไว้เพราะไม่ตรงใจผู้บริหาร ผมก็งงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ขณะนี้ มีท้อ มีแท้ แต่บอกกับตนเองว่า ถอยหลังไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียวเท่านั้น แม้การต่อสู้ในครั้งนี้จะได้รับบาดเจ็บจากสนามรบก็ตาม แต่ก็จะรักษาชีวิตไว้อย่างแน่นอน

ขอบคุณครับ ท่านโสภณ ผมจะตั้งใจทำให้สำเร็จครับ

ให้กำลังใจครับ..ค่อยๆคิด ค่อยๆทำครับ..

เคยเจออุปสรรคเหมือนกัน ทำวิจัยแบบ Action Research หาองค์กรทำไม่ได้...

เลยตั้งองค์กรทำเองซะเลย ในรูปแบบชมรม..Community of Pratice

เอาวิธีการใหม่ไปใช้...เคยถูกแซวขนาดที่ว่า ใครทำโครงการแนว AI จะให้ตก..(ผมเอาวิธีการใหม่ ไปให้นักศึกษาลองใช้ ทำ ISX

กว่าจะผ่านจนจบเอก..

...

ถูกปฏิเสธ ถูกสั่นคลอนความคิด...เหมือนขูดกระดูก.

...

ผมว่าบางทีต้องไปทำบุญ อโหสิกรรม และใจเย็นครับ..

เรื่องที่ท่านทำดูมีประโยชน์แน่นอน..ครับ..

....

ปัจจุบันสอนคนจนจบเอกไปหกคน ปริญญาโทกว่า 200

...

ปีหน้าเป็น Co=sponsor งานประชุมระดับนานาชาติ..

ลงทุนเองเลย..ไหนๆก็ไหนๆแล้ว..

...

เมื่อเดินเส้นทางนี้แล้ว จะไม่หยุด จะสอน จะทำจนยืนตาย ตอนแก่นั่นแหละ..ครับ..

...

เป็นกำลังใจให้คุณครูนะครับ..มีอะไรให้ช่วยบอกนะครับ..แนวของผมจะคล้ายกับของอาจารย์ครับ

ขอบคุณมากครับอาจารย์ ถูกใจความเห็นของท่านอาจารย์มากครับ มีกำลังใจสู้แล้วครับ หากอาจารย์จัดประชุมเมื่อไหร่ ผมขออนุญาตเข้าร่วมด้วยน่ะครับ ผมน่ะเป็นประเภทอ่อนนอกแข็งใน หากตัดสินใจทำอะไรแล้วละก็ไม่สำเร็จจะไม่หยุดครับ และในระหว่างที่ทำ Thesis ขอปรึกษาอาจารย์บ้างนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท