เสียงสาวรรค์-เสียงนรก


ข้อคิดข้อเขียนเพื่อธรรมชาติธรรม

เสี

 

หาเวว

                                               ยเสียงสวรรค์-นรก

 

         ตั้งชื่อเรื่องน่าตกใจ "เสียงสวรรค์-นรก"   จริง ๆ  เรื่องนี้หากวิเคราะห์เจาะลึกก็น่าตกใจจริง ๆ เพื่อให้เห็นภาพพจน์เด่นชัดขึ้น จะขอเล่าเรื่องจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนให้ทราบ  จากนั้นจะได้แยกว่าเสียงสวรรค์ กับเสียงนรกมีความเป็นจริงหรือไม่ แค่ไหนอย่างไร

         ขอเล่าเรื่องที่ได้ฟังเสียงธรรมชาติ  เหตุการณ์ที่เล่าเมื่อประมาณ พ.ศ. 2501 -2508โดยประมาณสมัยนั้นธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ ป่าสมบูรณ์  สัตว์ป่าชุกชุม ห้วยหนองลำคลองธารมีน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์

        สมัยนั้นยามตกตอนเย็น ประมาณ 5.30 น. - 6 .30 น. นกฮูกบนต้นยางใหญ่ส่งเสียงร้อง จะหาคู่ หรือร้องเพลงกล่อมกันก็ไม่ทราบ   คุก..คุก..คุก..ฮูก   คุก..คุก..คุก..คุก..ฮูก เสียงร้องติดต่อมิขาดสาย เสียงจากยอดยางต้นนี้ ต้นโน้น รอบทิศ รอบตัวเรา ดังเซ็งแซ่ ก้องไปทั่ว ทั้งเสียงใกล้ไกล

         มีเสียงสอดแทรกเล็กแหลม  โน่ง..น่าง..โน่ง..นก    โน่ง..น่าง...โน่ง...นก ไม่ขาดระยะเช่นกัน เสียงสองเสียงนี้เป็นเสียงชูโรง

        ยามนี้นกนานาชนิดกำลังบินกลับคอนนกเหล่านี้ส่งเสียงร้องแทรกคล้ายเป็นฉากหลังอีกพวกหนึ่งฃึ่ง คละเคล้ากับเสียง หริ่งเรไร ระงมไปทั่วป่าดงประหนึ่งเสียงมโหรีวงใหญ่แห่งธรรมชาติ เป็นเสียงให้ความรู้สึกเบิกบานใจ  ตื่นเต้น  เร้าใจ และ เพลิดเพลินสุขใจยิ่งนัก ขับกล่อมจนถึงยามพลบค่ำ

        เสียง โน่ง..น่าง ..โน่ง ..นก ค่อยจางหายไปก่อน 6.00 น. เสียง คุก..คุก...คุก..คุก..คุก..ฮูกเริ่งจางหายประมาณ 6.30 น. ช่วงเวลานี้หริ่งเรไรจางหายไปเช่นกัน จากนั้นมีเสียง พิ..ทิด..พิ..ที..พิ..ทิดเข้ามาแทน มันเป็นเสียงขับกล่อมของนกเค้าแมว

        เสียงนกเค้าแมวมีความนุ่มและก้องกังวาลคล้ายเป็นเสียงของคนคุยกันว่ากันว่าเป็นการโต้ตอบของตัวเมีย กับตัวผู้ พิ..ทิด (ตัวผู้) พิ..ที (ตัวเมีย) เสียงร้องเสียงคุยของนกเค้าแมว  รอบทิศ เสียงไกลใก้ลผสมกับ เสียง กรุ๊ง..กรุ๊ง..กรุ๊ง ..กรุ๊ง  ซึ่งเป็นเสียงของนกตบยุงแม้จะเป็นนกตัวเล็กขนาดข้อมือแต่เสียงในยามเงียตอนกลางคืน มันแหลมลึกตำใจ  เสียงกบเขียด ปาด จิ้งหรีดแซมประปราย นานๆ ได้ยิเสียง
แขวก..สอดแทรก ซึ่งเป็นเสียงของนกแขวก

        ประมาณ 7.30 น. เสียงนกเค้าแมวเริ่มลดจำนวนลง เสียง ลิ่น..ลิ่น ..ลิ่น ..ลิ่น..ลิ่น .ลิ่น เริ่องถี่ขึ้นแม่บอกว่าเสียงของตัวนิ่ม มีเสียง ครูด..ครูด..ครูด..ครูด..ครือ....... พ่อบอกว่าเสียงของคางคูด(เสือดำ)มันใช้กรงเล็บอันแหลมคมขูดข่วนผิวดิน พร้อมคำราม เสียงธรรมชาติเหล่านี้เป็นเสียงปกติที่ค่อยกล่อม
เราให้ชวนนอนหลับสบาย

     รุ่งเช้าเสียงไก่ป่าปลุกเราให้ตื่น เสียงระงมทั่วแนวป่ากว้างใหญ่ เมื่อเสียงไก่ป่าเริ่มเบาบาง เสียง กา..กา...กา...กา.. เข้ามาแทนที่ จากนั้นเสียงนกอื่น ๆ เริ่มร้องมากขึ้น เป็นการขับกล่อมยามเช้ามิขาดสายเสียงที่ก้อง และไกลในตอนกลางวัน โฮ้ย .. โฮ้ย..โฮ้ย..โฮ้ย..โฮ้ย ......โอ....ๆๆ นี่เป็นเสียงชะนี ส่งเสียงได้ไกลประมาณ ห้าถึงหกกิโลเมตรเป็นอย่างน้อย

     ฮูม.................(เสียงทอดยาว ก้องป่า) ส่งเสียงได้ถึงประมาณ 7-8 กิโลเมตรเป็นเสียงร้องของช้างป่านาน ๆ ได้ยินสักครั้ง งั่ง..งั่ง .งั่ง...งั่ง..งั่ง..งั่ง.. ได้ยินบ่อย ๆ มีนเป็นเสียงของอีเก้ง คงเรียกหาตัวเมีย ขณะส่งเสียงร้องมันใช้เท้าหน้าขุดคุ้ยดินไปด้วย

      เราได้ยินเสียงธรรมชาติที่กล่าวมาตลอดคืน ตลอดวัน เสียงเหล่านี้สร้างบรรยากาศอันดีให้แก่ชีวิตทำให้มีความสุขเพลิดเพลิน สุขใจ ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้

      ที่บอกเล่าถึงเสียงเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งซึ่งยังเป็นส่วนน้อยที่ยกมาเป็นเสียงที่โดดเด่นยังประหนึ่งว่าก้องหูถึงปัจจุบัน การบอกเล่าจะได้ละเอียดเหมือนได้สัมผัสจริง ๆคงเป็นเรื่องยาก หรืออีกประการหนึ่งความประทับใจของแต่ละคนแตกต่างกัน    แต่อย่างไรก็ดีคิดว่าเสียงของธรรมชาติเหล่านี้คงสร้างความสุนทรีย์แก่มนุษย์ได้เป็นอย่างดี

      ปัจจุบันเสียงธรรมฃาติเหล่านี้ขาดหายไป คนรุ่นเก่าอย่างผู้เขียนยังมีความประทับใจ และอยู่ในความทรงจำ ส่วนคนรุ่นใหม่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสอีกแล้ว คงได้ยินแต่เสียงยุคใหม่

       เสียงที่เราได้ยินในสภาพแวดล้อมยุคนี้ ส่วนใหญ่ไม่ใช่เสียงของธรรมชาติ หากเป็นเสียงที่เกิดจากวัตถุทางวิทยาศาสตร์เกือบทั้งสิ้น

        แปร๋น...แปร๊น........ เอี๊อด......หวืด..ครึม มันเป็นเสียงแตรรถที่ดังมาก พร้อมเสียงที่เกิดจากการห้ามล้อ หลังจากนั้นเป็นเสียงกระแทกอย่างหนักหน่วง นี่คืออุบัติเหตุบนท้องถนน

        ฮู..แอ..ฮู...แอ..ฮู..แอ เสียงดีงถี่ แหลม เสียงนี้ไม่เป็นรถพยาบาลก็ รถบอเต็กตึ้ง อะไรทำนองนี้แฮน ....แฮน..แฮน...เสียงแสบไส้  พอชะโงกคอไปดู เป็นวัยรุ่นกำลังขับรถจักรยานยนต์แข่งกัน

        สารพัดเสียงที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ ส่วนเสียงจากธรรมชาติถูกขับหายไป ไม่รู้หนีไปเพราะเสียงที่น่ารำคาญผลิตภัณฑ์จากวิทยาศาสตร์  หรือเกิดจากรำคาญกลุ่มหมอกควันที่ล้วนแต่เป็นมลพิษ

 

เสียงนรกฤๅว่าเสียงสวรรค์
ที่สำคัญเสียงไหนไพเราะกว่า
จงค้นหาให้แจ้งแห่งธรรมา
ได้รู้ค่าสัจธรรม "พบชื่นฉ่ำเอย"

         
หากท่านสนใจเรื่องอื่น ๆ เว็บเพื่อสังคม คลิก http://www.nature-dhrama.com

หมายเลขบันทึก: 467219เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2011 16:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 10:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณ คุณขจิต สำหรับกำลังใจครับ

ใครให้เสียงสวรรค์กลับมา ครับสนับสนุนได้ จาก http://www.nature-dhrama.com

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท