ความหายนะหรือจุดจบจบของประเทศไทย


ความหายนะหรือจุดจบจบของประเทศไทย

      ประเทศไทยประสพกับสถานการณ์น้ำท่วมนานหลายเดือน และไม่รู้ว่าสิ้นสุดลงเมื่อไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถ้ามีคนออกมาพูดเรื่องน้ำท่วมโลก หลายคนที่ได้ฟังข่าวสารนี้ ต่างหัวเราะ ด้วยความขบขันว่า คนที่พูด มัน “บ้าไปแล้ว”

               เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2554ได้เขียนบทความเรื่องคำทำนายโลกถึงกาลอวสาน  ลงในเว็ปไซต์gotoknow.orgในครั้งนั้นมีคนอ่านเพียง:

236คน เท่านั้น อาจเป็นเพราะเรื่องไม่น่าสนใจ

                หลายคนคิดว่าเรื่องน้ำท่วมโลกเป็นเรื่องตลกขบขัน ใครพูดหรือคิดเรื่องนี้กลายเป็นคนบ้า ในสายตาคนทั่วไป

                ผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้มากมายมหาศาล ภาพความเดือดร้อนของผู้คนปรากฏตามหน้าสื่อต่างๆอย่างต่อเนื่อง

                อะไรคือสาเหตุภัยวิบัติของประเทศชาติในครั้งนี้ เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย สยามเมืองยิ้มของเรา พระสยามเทวาธิราช ไม่ปกปักรักษาประชาชนชาวไทยแล้วหรือ

                หลายคนมองว่า หายนะครั้งนี้เป็นภัยธรรมชาติบ้าง ความจงใจของนักการเมืองบางกลุ่มบ้าง ที่ต้องการล้มล้างอะไรบ้างอย่างให้สิ้นซาก

                บทความต่อไปนี้ไม่ได้เขียนด้วยความจงเกียจจงชังใครเป็นกรณีพิเศษ ผู้ที่รับไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านจนจบ

                ขณะนี้ประเทศต้องประสพกับความหายนะ เนื่องจากคนบางกลุ่มในประเทศได้ทำชั่วไว้อย่างมากมาย  ด้วยการกระทำที่อุบาทหยาบช้า เกินที่ปุถุชนคนธรรมดาจะคิดได้ นอกจากคนที่มีจิตใจที่วิปริตเท่านั้นจะคิดเรื่องแบบนี้มาได้

 

                แม้บางเรื่องจะไม่มีหลักฐานว่ายืนยันว่าเป็นเรื่องจริงแต่ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลกผ่านสื่อออนไลน์ที่เรียกว่าอินเตอร์เน๊ต
 ความขัดแย้งทางความคิดทางการเมืองของคนที่หวังกอบโกยผลประโยชน์ จึงเกิดกระแสการชุมนุมประท้วงขับไล่ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ก็พยายามทุกอย่างเพื่อที่อยู่ในตำแหน่งนี้นาน

     เรื่องที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 21 มีนาคม 2549   เมื่อหนุ่มโรคประสาทพกค้อนบุกเข้าทุบพระพรหม แยกราชประสงค์เสียหายทั้งองค์ ชาวบ้านวิ่งไล่จับก่อนรุมประทัณฑ์ตายอนาถหน้าโรงแรมชื่อดัง ตำรวจเรียกพ่อค้าแม่ค้าเค้นสอบหากลุ่มสหบาทา
 .เมื่อข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า

   1.ทำไมท้าวพระพรหมถูกทุบตอนที่ทักษิณมีปัญหาและเนวินเป็นกุนซือแก้เคล็ด
     2.ทำไมทักษิณสั่งสุรเกรียติ แกะติดงานบูรณองค์พระพรหมแบบใกล้ชิดมากตลอด
     3.ใครเคยได้ยินเรื่องเอาดวงของตนที่กำลังตกต่ำไปไว้ที่องค์พระเพื่อให้คนกราบไหว้เพื่อเป็นการแก้ดวงเสริมดวงบ้าง

ท่ามกลางความสงสัยดังกล่าว ที่ว่า พตท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สมัยในเป็นผู้อยู่เบื้องการกระทำดังกล่าว เพื่อเป็นกาเสริมดวงตนและให้รอดพ้นจากการชุมนุมขับไล่ของกลุ่มคนที่เรียกตนว่า รักประชาธิปไตย ในนามของ “เสื้อเหลือง” เรื่องนี้จริงหรือไม่ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่สิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองสิ่งที่คนจากทั่วสารทิศไปกราบไหว้ ถูกทำลายจนย่อยยับ

           กระแสการเล่นคุณไสยยังไม่จบเเมื่อวันที่ 1พฤศจิกายน 2551 มีการแพร่คลิปคำปราศรัยบนเวทีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล พูดถึงการทำคุณไสยที่บริเวณพระบรมรูปทรงม้า อ้างว่าหมอผีเขมรนำหมุดมาปักตรึงไว้ที่พระบรมรูปทรงม้า เพื่อไม่ให้ปล่อยพลังออกมา ทางพันธมิตรฯจึงไปถอดหมุดดังกล่าวออก และมีพันธมิตรผู้หญิงใช้โกเต๊ก (ผ้าอนามัย) เปื้อนประจำเดือน 6 ชิ้นไปวางไว้เพื่อแก้เคล็ด

            ถ้าทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง คนชั่วเท่านั้นที่จะทำได้ เพราะสถานที่ทั้งสองแห่ง เป็นสถานที่ศักสิทธิ์ มีเทพยดา ดูแลอารักขาอยู่ เหมือนกับเจ้าของบ้านถูกรื้อบ้านและนำสิ่งสกปรกเข้าบ้าน แน่นอนเจ้าของบ้านโกรธอย่างแน่นอน

      ถ้ามนุษย์ โกรธจะทำอย่างไร    และเมื่อเทพยดา โกรธหรือพิโรธ จะเป็นอย่างไร

        สองเรื่องแรกไม่มีหลักฐานที่ปรากฏแน่ชัด พยานหลักฐานอ่อน

          วันที่ 16 มีนาคม 2553 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เข้าเจรจากับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบช.น.1 ตามที่ นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำคนเสื้อแดง เสนอก่อนหน้านี้ 
    ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวว่า เลือดจำนวน
3 แกลลอน จะนำไปเทที่หน้าที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนที่เหลือจะนำไปราดพื้นบริเวณหน้าประตู 1- 5 ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีพราหมณ์เป็นผู้ทำพิธีสาปแช่งอำมาตย์ เพื่อให้รู้ว่านี่คือเลือดไพร่ และล่าสุดทางกลุ่มเสื้อแดงได้เทเลือดบริเวณประตู 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว

         เหตุการณ์นี้ถ้าคนไม่มีจิตวิปราสคงคิดไม่ได้ และทำทุกอย่างเพื่อขับไล่คนที่ตนเองไม่ชอบให้ออกไปด้วยความคิดที่อุบาทว์ชาติชั่ว

          ถ้าเรื่องนี้ไม่อุบาทว์ พวกเขาเหล่านั้นคงไม่ทำเรื่องนี้แน่นอน

      เมื่อวันที่ 25 กันยายน แรม 13 ค่ำ ฤกษ์ล้างอาถรรพ์ มนต์ดำ หลังจากที่ครั้งการชุมนุมที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดงได้ระดมเลือดจำนวนมาก พลีเลือดเทขับไล่รัฐบาล ซึ่งนายศักดิ์ระพี พรหมชาติ พราหมณ์กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปช.)เอง เตรียมใช้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ 9 วัดมาเทถอนอาถรรพ์ล้างมนต์ดำในยามค่ำคืน ที่ประตู 2 ของทำเนียบรัฐบาล  เพราะหากไม่กระทำการใดๆ ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนมาบริหารประเทศ ก็ไม่เป็นมงคล

          เหมือนการทำความชั่วแล้วไปกราบขอขมาลาโทษ ความชั่วนั้นจะหมดไปหรือไม่ เทพยดาหรือเทวดาอารักษ์ที่เคยอยู่ปกปรักรักษา คงหนีกระเจิงไปอยู่ไหนกันหมดแล้ว อยู่มาวันหนึ่งพวกคุณจะมากราบขอขมาเพื่อให้ท่านไม่เอาโทษจะได้หรือ  ถ้าเป็นบ้านท่าน ถูกมือดี เอาเลือดไปสาดหน้าบ้านพร้อมทำพิธีสาปแช่งต่างๆนานา แต่วันหนึ่ง มากราบขอขมาและบอกว่า ผมจะมาอาศัยอยู่ด้วย  ถ้าเป็นท่านจะยอมให้อภัยหรือไม่                 พิธีกรรมดังกล่าวนั้นน พราหมณ์นปช.กล่าวต่อว่า นปช. ได้ทำพิธีนี้เอาไว้ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังนั้นก็ต้องมาทำพิธีแก้เพื่อล้างอาถรรพ์ ไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นมงคลสำหรับรัฐบาลนี้
และน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยจะต้องล้างด้วยน้ำมนต์ 9 วัด ขณะนี้ได้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จาก 9 วัดมาเรียบร้อยแล้ว  โดยได้ฤกษ์ที่จะมาทำพิธีในวันที่ 25 ก.ย. ซึ่งเป็นวันแรม 13 ค่ำ เพราะเป็นวันโลกาวินาศเพื่อแก้จะได้ข่มกัน ซึ่งต้องขออนุญาตทางราชการและผู้ใหญ่ในรัฐบาล เพื่อมาทำพิธีล้างอาถรรพ์ดังกล่าว

          นายศักดิ์ระพี กล่าวต่ออีกว่า ตนมองว่าศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่นี้ต้องผูกดวงเข้ากับดวงผู้นำในแต่ละยุค ซึ่งการย้ายศาลพระภูมิครั้งนี้ต้องนำวันเดือนปีเกิดของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาผูกดวงด้วย การทำแบบนี้จะส่งผลให้รัฐบาลมีความมั่นคง และพิธีกรรมนี้ต้องมีการขอขมาในการรื้อถอน

         นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะย้ายศาลพระภูมิจากจุดเดิม ที่อยู่ข้างตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อมาไว้ประตูด้านหน้า หรือประตู 1 ทางเข้าใกล้ที่เทเลือด พร้อมทั้งปรับทิศทางฮวงจุ้ยให้ถูกต้องเหมาะสม เป็นสิริมงคลต่อรัฐบาล เนื่องจากที่ตั้งปัจจุบันไม่เหมาะสม มีบ่อ และท่อน้ำเสีย ซึ่งไม่เป็นมงคล

        ทำทุกอย่างตามคิดความเข้าใจของตนเอง ไม่รู้ว่าพราหมณ์หรือเปล่า ว่า ผู้ที่เป็นนักบุญจริงจะไม่ฝักใฝ่การเมือง    
   ทุกคนตกอยู่ในความมืดบอด ทำทุกอย่างให้ตนสมหวัง ไม่เว้นแม้แต่พระภิกษุในพระพุทธศาสนา ผู้ที่ได้ชื่อหลุดพ้นจากกิเลสแล้ว เมื่อเวลา
09.00 น.วันที่ 17 ก.ค. 54 พระครูสุเทพสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ถนนเกาะกลาง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีเพ่งจิตถึงดวงอาทิตย์ ให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้หมดเคราะห์กรรม เพื่อจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิง  โดยการทำพิธีดังกล่าวได้มีการนำรูปของ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ซึ่งเป็นป้ายที่ใช้ในการหาเสียง วางอยู่ด้านล่าง และมีด้ายสายสิญจ์คล้องที่รูปไว้ จากนั้นทางพระครูสุเทพสิทธิคุณ ได้จุดธูปและเพ่งมองดูดวงอาทิตย์ โดยไม่กระพริบตาประมาณครึ่งชั่วโมง  ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด
                 ถ้าการะทำดังกล่าวปรากฏผลต่อมาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไดเป็นนายกรัฐมนตรี จริง เพราะการกระทำดังกล่าวจริง เปรียบเสมือนมนุษย์ไปบีบบังคับให้เทพยดา หรือสิ่งศักสิทธิ์กระทำตามที่มนุษย์ต้องการใช้หรือเป็นการล่วงเกินอำนาจและบทบาทของเทพยดา หรือสิ่งศักสิทธิ์

        การกระทำที่หลบหลู่สิ่งศักสิทธิ์ยังมีไม่จบสิ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่  5 ต.ค. บรรยากาศหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ช่างภาพและสื่อมวลชนให้ความสนใจกับองค์พระพรหมที่ประดิษฐานอยู่บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า เพราะมีสีแดงทั้งองค์เห็นชัดเจน จากเดิมที่จะเป็นสีทองทั้งองค์ เนื่องจากเมื่อวาน 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงเย็นภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)แล้วเสร็จ และนส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯไปแล้ว เจ้าหน้าที่ช่าง 10 หมู่ ของกรมศิลปากร ได้เข้ามาทำบูรณะซ่อมแซมองค์พระพรหม เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการชุมนุมทางการเมือง

    ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทำเนียบฯได้ชี้แจงว่า การที่องค์พระพรหมเป็นสีแดงเพราะอยู่ในขั้นตอนของการลงชาด ซึ่งเป็นการใช้สีแดงชาดทาลงไป ซึ่งเป็นไปตามขนมนิยมและประเพณีที่นิยมว่า“สีแดง” เป็นสีที่มีความหมายถึง ความสว่าง ความสุกใส ควรใช้ควบคู่กับสีทอง ซึ่งหมายถึง ความรุ่งเรือง จากนั้นจึงจะลงรัก-ปิดทองด้วยทองคำเปลวต่อไป

       ด้าน หมอนิด กิจจา หมอดูตรวจดวงด้วยญาณ เปิดเผยว่า เมื่อมีการลงชาด เรียบร้อยแล้วก็จะมีการลงรักเป็นสีน้ำตาลดำเพื่อให้ขั้นตอนต่อไปในการปิดทองด้วยทองคำเปลวได้ง่าย ซึ่งช่วงที่มีการปิดทองจะมีผ้าขาวคลุมเพื่อป้องกันลม จากนั้นก็จะทำพิธีเบิกเนตร และอันเชิญองค์พระพรหมลงมาประทับ

      อย่างไรก็ตาม ท้าวมหาพรหม ถือเป็นตัวแทนของผู้ดูแลโลก เป็นผู้สร้างดูแลทั้ง 4 ทิศ การบูรณะครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้รับความเสียหายในช่วงการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

    อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมื่อวันที่  6 ก.ย. นางเรณู ตังคจิวางกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพราหมณ์ คีษณพันธุ์ รังสิพราหมณกุล และข้าราชการ ร่วมประกอบพิธีบวงสรวงสักการะเพื่อบูรณะซ่อมแซมพระพรหมและปิดทองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล บนยอดโดมของตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังมีรัฐบาลใหม่นำโดยพรรคเพื่อไทย เข้ามาบริหารประเทศ

      อนิจจา การกระทำของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลส ทำให้แม้แต่ ท้าวมหาพรหม รุกเทวดา เทพยดา พระสุรยะ ต้องพลอยเดือดร้อนและไม่มีที่ประทับ  ความเชื่อของคนอินเดียในสมัยโปราณนั้น หวาดกลัวต่อเทพเจ้า เมื่อทำอะไรไม่ดีเมื่อเทพเจ้าพิโรธ จะดลบรรดาลให้เกิดภัยพิบัติ แก่มนุษย์

     จากการกระทำของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่ชื่อว่าประเทศได้ทำบาปอันชั่วร้าย อยากที่จะให้อภัยได้ ฟ้าดินจึงได้ลงโทษ กับกุ่มคนมีความจิตวิปลาสเหล่านี้ แต่การลงโทษครั้งนี้บังเอิญผลกระทบลุกลามไปยังบุคคลที่ไม่เกี่ยวของอย่างหลีกเลี่ยง  ถือว่าเป็นกรรมที่ทุกต้องรับร่วมกัน

       ตราบใดคนชั่วยังครอบงำประเทศอยู่เช่นนี้ เชื่อเถอะว่าเหตุการณ์ร้ายๆไม่ใช่มีแค่น้ำท่วมเท่านั้น ขอให้คนไทยทั่งประเทศเตรียมรับกับสถานการณ์ แผ่นดินถล่ม เกิดพายุ ภัยแห้งแล้ง และการบุกทำลายของสิ่งที่ไม่ทันตั้งตัว  และสุดท้าย ไม่มีแผ่นดินจะอยู่

      ขอให้คนไทยทุกคนโชคดี และเตรียมพร้อมกับหายนะที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้และต่อไป ในวันข้างหน้าที่จะรุนแรงกว่านี้


 


 

 

    
หมายเลขบันทึก: 467086เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2011 14:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 13:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ถึงยามค่ำน้ำกระฉอกระลอกคลื่น
  • สะดุ้งตื่นเหว่ว้าน้ำตาไหล
  • ในคืนเปลี่ยวเดี๋ยวนี้ไม่มีใคร
  • แฝงพิษภัยไร้หวังให้กังวล

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท