แนวทางช่วยเหลือน้ำท่วม


น้ำท่วม

มีไอเดียเสนอแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมค่ะ ขอความเห็นจากทุกคนค่ะ เนื่องจากมีผู้คนในหลายพื้นที่ที่ไม่ได้รับปัญหาน้ำท่วม และอยากจะช่วยเหลือ แต่เห็นว่า การช่วยเหลือ ก็มีแต่การช่วยเหลือเรื่องเงิน ซึ่งพวกเราก็สามารถช่วยเหลือได้ในระดับหนึ่ง และการช่วยเหลือแบบนี้ ผู้ประสบภัย ก็ได้แต่อยู่ในที่พัก กินข้าว นอน --- เราว่า แบบนี้ ชีวิตมันน่าเบื่อ ทำให้เกิดการคิดมาก

ฉะนั้น เราคิดว่าถ้าคนที่ประสบภัย ได้ใช้ชีวิตแบบ มีอะไรทำบ้าง จะได้ไม่เครียด และถือเป็นการเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตด้วย ก็คงจะดี (มั๊ย)

ความเห็นของเราคือ  การช่วยเหลือ แบบผู้รับ รับแบบจิตอาสา

ให้คิดว่า เรา (ผู้ประสบภัย) ไปเข้าค่ายจิตอาสา นั่นคือ

ผู้ช่วยเหลือ ช่วยเหลือ โดยจัดหาที่พัก (แบบที่พอช่วยได้ เช่น ให้ผู้ประสบภัยหาเต็นท์มาพักในสถานที่ใกล้ๆ ภายในรอบรั้วของบ้านของผู้ช่วยเหลือ) และช่วยจัดหาอาหารให้ทานตามกำลังที่ทำได้ (ผัก ปลา ที่หาได้)

 -ให้พักเต็นท์นอกบ้าน เนื่องจากทั้งผู้ช่วยเหลือและผู้ประสบภัยจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของกันและกัน

ผู้ประสบภัย ตอบแทนน้ำใจแบบจิตอาสา นั่นคือ ช่วยเหลืองานที่ผู้ช่วยเหลือต้องการ 

เช่น

ในฐานะเอกชน : เราเป็นเกษตรกร มีงานเยอะแยะให้ทำ เช่น ถากหญ้า ใส่ปุ๋ย เตรียมตัดอ้อย แทงปาล์ม และอื่นๆ อืกมากมาย แต่งานเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ จึงไม่จำเป็นต้องจ้างคนเพิ่ม (ไม่มีปัญญาจ่ายค่าแรงมากมาย) แต่!!!  ถ้าเรามีคนมาช่วยทำงาน นั่นคือ ช่วยแบบเอาฮา เราก็พอมีกำลังช่วยหาอาหารเลี้ยง และจัดหาที่พักแบบง่ายๆ ได้  

ในฐานะรัฐบาล: ตอนนี้ ภาคอีสานเป็นแถบที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อยที่สุด แต่ภาคอีสานก็เป็นภาคที่มีความเดือดร้อน นั่นคือ มีงานอีกมากมายที่รัฐต้องช่วยเหลือ เช่น ถนนหนทาง และอื่นๆ ดังนั้น ถ้าหากพวกเราที่เดือดร้อนเรื่องน้ำท่วม มาช่วยกันทำงานพัฒนาในแถบภาคอีสาน แบบจิตอาสา ให้รัฐและหน่วยงานต่างๆ ในตำบลต่างๆ จัดที่พักแบบโฮมสเตย์ ให้ผู้ประสบภัย และพวกเราก็ไปช่วยซ่อมถนนบ้าง ช่วยซ่อมแซมโรงเรียน สถานที่ราชการบ้าง 

เราว่า ถ้าทำแบบนี้ก็จะทำให้มีข้อดีคือ

ในฐานะผู้ประสบภัย

1.ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ชีวิตแบบเกษตรกร (จะได้เตรียมความพร้อมในชีวิตสำหรับน้ำท่วมในอนาคต)

2. มีเพื่อนเพิ่มขึ้น

 ในฐานะคนช่วยเหลือ

1. ได้บุญ -- ได้สอนคนเรียนรู้ชีวิต ได้ทำอาหารเลี้ยง

2. มีเพื่อนเพิ่ม

3. งานเสร็จ

ข้อ(ที่กลัวว่าจะเป็นปัญหา) -- รวบรวมจากคนที่มีจิตอาสาอยากช่วย แต่กลัวผลกระทบ

1. ไม่จ่ายค่าแรง หรือจ่ายน้อย  จะโดนด่ามั๊ยเนี่ย? หรือ คงไม่มีคนทำหรอก

2. ที่พักและอาหารไม่ดีพอ จะโดนติมั๊ยเนี่ย?

เราเลยบอกไปว่า ถ้างั้น เราก็บอกว่า เราขอเฉพาะคนที่ "บ้าๆ อยากลองใช้ชีวิต" แบบนี้ และมีจิตอาสากันทั้งสองฝ่ายจากหัวใจ

อยากขอความเห็นค่ะ ว่าเป็นไปได้มั๊ย และขอความเห็นที่จะทำให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นแบบสุขๆ และทุกข์น้อยที่สุดค่ะ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #น้ำท่วม
หมายเลขบันทึก: 465895เขียนเมื่อ 24 ตุลาคม 2011 17:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2012 15:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

การช่วยเหลือกันยามยากเช่นนี้ เป็นการแสดงน้ำใจที่เป็นธรรมชาติของคนไทยอยู่แล้ว ส่วนวิธีการไม่มีรูปแบบที่ตายตัว อาจขึ้นอยู่กับความสามารถและจิตศรัทธาของผู้ให้และความต้องการของผู้รับนะคะ เช่น

.. ช่วยในช่วงต้นเพื่อความอยู่รอดระยะสั้นให้พ้นนำ้ ด้วยปัจจัยสี่เป็นพื้นฐาน

.. ช่วยในระยะปานกลางเพื่อฟื้นฟูความเสียหาย ทั้งผู้ให้และผู้รับต่างร่วมกันคิดและขับเคลื่อนไปด้วยกัน

.. ช่วยในระยะยาวเพื่อเสริมความเข้มแข็งในระดับครอบครัวสู่ชุมชนและสังคมในวงกว้างอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ทุกความช่วยเหลือควรพิจารณาให้เกิดความสุขอย่างมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ทำให้ผู้รับกลายเป็นผู้ขออย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่พัฒนาไปสู่การเรียนรู้ในการแก้ไขวิกฤตการณ์ด้วยกันค่ะ

...ที่ยังน่า..คิด..กันให้ต่อเนื่อง..ว่า..ถ้าต่อไปนี้คงจะ..น้ำท่วม..ทุกปีๆ..และ..ระดับน้ำ..สูงขึ้นๆ..เพราะ..กรุงเทพ..จมลงๆ...

...เรา..จะอยู่กัน..อย่างไร..กับ.สิ่งแวดล้อม...(ทั้งประเทศที่ได้รับผลของการเปลี่ยนแปลง.ทางธรรมชาติและที่มนุษย์ปรับเปลี่ยน)

.....ผังเมือง..ระดับน้ำ..กับ..พื้นที่ที่..ต่ำสูงไม่มี..มาตรฐานการก่อสร้าง..เช่นการ ถมคลอง..ทำถนน..คลองที่ระบายน้ำมีความกว้างลึก..กว่าท่อระบายน้ำที่ทำใหม่..ที่เห็นๆสุดท้าย..พุทธมลฑลสายสี่.และสายสอง.ท่อมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึงเมตร..เป็นต้น...

..ปัญหาเรื้อรัง..ผังเมือง.(กรุงเทพเป็นแบบอย่างเพราะต่างจังหวัดก็เป็นเหมือนกับกรุงเทพอย่างไรอย่างนั้น).."ที่กำลังเป็นอยู่ทั้งประเทศเวลานี้..คือ..ผลของการกระทำ..ในอดีต..."ทั้งสิ้น....

....ปัญหาที่เกิด.และเน่าหนัก.กับเมืองและประชากร..คงแก้..แค่เฉพาะหน้าไม่ได้แน่...และ..คิด..คนเดียวทำคนเดียว..ก็คงไม่ได้เช่นกัน..และ.หากยังทะเลาะและฆ่ากัน..ยังเป็นกันแบบเดิมๆ...(ลูบหน้าปะจมูก..เล่นเอาเถิดกับน้ำไป..ทุกปีๆ ...กู้เงิน..บริจาค..ทอง..)เราคงต้องนอนในน้ำหายใจไม่ได้แน่ๆอ้ะ...

..เรามีมหาวิทยลัย..นักศึกษา..นักวิทยาการ.นักออกแบบ.ผู้รู้เต็มประเทศไปหมด...ช่วยๆประกาศกัน..ในหน้า..โกทูโนนี้..ใครมี..ความคิดที่ไม่เหมือนกับที่กล่าวมาเป็นอุทาหรณ์ข้างต้น...ช่วยกันออกแบบเมืองในฝันที่เราเคย..อยู่กันได้..เดือดร้อน..น้อยที่สุด..ในอดีต..ให้กลับมาเป็นอย่างนั้นอีก..กับรุ่นลูกหลานเรา..คงจะ"เป็นไปได้"นะ..ด้วยความหวัง..จากยายธี..อ้ะ...

.

เห็นด้วยกับยายธีคะ การจะคิดแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่สักแต่ทำๆไปเผื่อให้ปัญหามันพ้นๆไป แล้วยังไง....ปัญหามันก็กลับมาอีก มันไม่ได้ถอนรากของหญ้าออกไปให้หมดไม่นานมันก็ขึ้นมาใหม่อีกจนได้ แล้วก้อนั่งถอนมันเรื่อยไปเนี่ยะนะ ป้าแช่มว่ามันไม่ถูกต้อง ยอมเสียเวลาเสียเงินลงทุนครั้งหนึ่งแต่เอาให้มันแก้ปัญหาได้อย่างจริงจังและถาวรในอนาคตจะดีกว่ามั้ย หลานๆ

หลายเหตุผลที่ทำให้คนไม่อยากออกความเห็นและมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเพราะ อาจจะเป็นได้ว่าระบอบในสังคมไทยของเรายังไม่เปิดกว้างพอให้คนได้แสดงความเห็น ออกความคิดไปก็เท่านั้น ไม่มีใคร เดินก้าวไปข้างหน้าด้วยกันคนที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงก็ถอย เหนื่อย......

ถัดไปก็อาจจะเป็นได้ว่าประเทศของเรานั้นยังมีระบบระบอบของการเป็นเจ้ายศเจ้าอย่าง และสังคมของผู้มีอำนาจ คิดจะทำอะไรไป เหยียบเท้าใครเข้าก็เตรียมตัวเลย ปัญหาอย่างงี้ไง ที่ทำให้ประเทศมันเจริญช้า ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวหน่อยนึงนะ หลานๆ... ที่อองซาน ซูจี ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประเทศตนเองมากี่ปีต่อกี่ปี อยากถามว่า ในอนาคตถ้าอองซานซูจีเป็นอะไรไป ประเทศนั้นจะเปลี่ยนจากเดิมที่ตนเป็นอยู่มั้ย ก็คงไม่ แต่ยังดีที่ทำให้ชาวโลกและคนในประเทศนั้นๆได้เห็นถึงการกล้าเดินมาออกมา กล้าแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่ตนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่เป็นอยู่ได้ ก็คงทำได้แต่เป็นส่วนหนึ่งที่คิดจะช่วยเหลือสังคมแต่สุดท้ายก็ต้องมีอุเบกขาที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเอาไว้ มันมีอยู่อย่างนั้นของมันเอง เดี๋ยวมันก็เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งแวดล้อมและมองมันอย่างเข้าใจ.......

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท