สิ่ง(ดี)ที่ได้จากน้ำท่วม
บัดนี้ เราคนไทยทุกคนคงจะตระหนักดีถึงภัยธรรมชาติโดยเฉพาะอุทกภัยที่เกิดขึ้นและหวังว่ากำลังจะผ่านไปด้วยความรวดเร็ว เกิดสิ่งต่างๆ มากมาย นอกจากภาวะน้ำท่วมซึ่งล้วนนำมาซึ่งความโกลาหล ความทุกข์ ปัญหาร้อยแปดอย่าง คงไม่ต้องสาธยายมากนัก ในด้านลบคงไม่ต้องนำมากล่าวถึงเพราะรู้กันดีเต็มอก แต่ผมจะพยายามมองหาในแง่ดี ซึ่งน่าจะดีจริงๆ และอย่างน้อยก็น่าจะทำให้เรา ผู้ประสบภัย หากเห็นสอดคล้องกับผม ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง
ในการเขียนบันทึกนี้ ผมไม่มีวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากจะจัดการความรู้และพยายามจะช่วยคิด รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์และด้วยความจริงใจไม่ได้ร่วมประสบภัยด้วย (เพราะอยู่ในต่างประเทศ) อย่างไรก็ดี ครอบครัวที่อยู่เมืองไทยก็คงไม่พ้นที่จะถูกน้ำท่วมแน่นอนเพราะอยู่มินบุรี
กลับมาพูดถึงเรื่องดีๆ กันบ้างดีกว่า
อันดับแรกก็คือเราได้เห็นถึงพระปรีชาสามารถของ”ในหลวง” อย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง (ครั้งแล้วครั้งเล่า) ว่าพระองค์ทรงมองเห็นการณ์ไกลโดยเฉพาะเรื่องน้ำและการบริหารจัดการน้ำ และต้องบอกว่าพระองค์ทรงเตือนเรามาหลายปีแล้วผ่านพระราชดำรัสที่มีคุณค่าตลอดกาล อยู่ที่เราจะเห็นหรือได้ยินพระองค์ท่านหรือไม่
อันดับที่สองก็คือธารน้ำใจของคนที่ไม่ได้ประสบภัย เอาตั้งแต่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ มิได้เคยทอดทิ้งประชาชนเลย เราเห็นกันอยู่ รวมทั้งประชาชนช่วยเหลือกันอย่างจริงใจและเต็มที่ เป็นธารน้ำใจที่ต้องบอกว่ายิ่งใหญ่สามารถเทียบเคียงกับจำนวนน้ำท่วมได้สบาย แม้แต่คนพิการก็ยังอาสามาช่วยภัยน้ำท่วม ซาบซึ้งใจมาก
ในส่วนของคนไทยในต่างประเทศ ก็จำเป็นต้องชื่นชมและกล่าวถึง ผมเองก็บริจาคผ่านกระทรวงการต่างประเทศ และทราบว่าพี่น้องคนไทยในประเทศต่างๆ รวมทั้งที่เดลีและอินเดียก็บริจาคช่วยเหลือน้ำท่วมครั้งนี้ด้วยกันทั้งนั้น หากว่าเราอยู่ในประเทศไทย ผมมั่นใจว่าหลายคนคงได้ไปช่วยกันไปเป็นอาสาสมัครจำเป็นด้วยแน่นอน
อันดับต่อไปก็คือนักการเมือง แม้จะถูกต่อว่าบ้างแต่ก็ถือว่าร่วมใจกันคิดและทำได้อย่างน่าชมเชย ความติดขัดคงมีอยู่แต่ก็ต้องบอกว่าได้แค่นี้ ก็ใช้ได้ แต่จะให้ดี ก็น่าจะเอาเป็นธุระให้มากกว่านี้โดยไม่ต้องคิดว่าใครเป็นรัฐบาลและใครไม่ได้เป็น
อันดับต่อไปที่ผมตั้งใจเขียนบันทึกนี้ ก็คือมิตรประเทศ ที่ได้แสดงออกถึงความห่วงใยและให้ความช่วยเหลือทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นเงินช่วยเหลือ คน อุปกรณ์ อาหาร ฯลฯ สิ่งนี้แสดงถึงอะไร ถ้าไม่ใช่ชื่อเสียงอันดีงามของประเทศไทยในเวทีโลก แสดงว่าเรายังมีเพื่อนอยู่ ซึ่งต้องเรียนว่าในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มิตรประเทศมีความหมายมาก ในสังคมโลก การอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเรื่องยากและไม่มีประเทศใดต้องการ ดังนั้นเพื่อนในยามคับขัน ย่อมไม่ทิ้งเพื่อน ก็ต้องดูกันต่อไปว่าเพื่อนเหล่านี้คือใครบ้างและใครยังไม่แสดงออกบ้าง ก็ได้เห็นกันคราวนี้ละ
อันดับต่อไปก็คือคนไทยที่ประสบภัยรวมตัวกันผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ แชร์ข้อมูลกัน แม้จะตื่นตระหนกกันไปบ้าง แต่ก็ตื่นตัวดีมาก มีการเตรียมแผนของครอบครัว มีการคิดแก้ปัญหา มีการนำเสนอทางแก้ไขมากมาย ล้วนเป็นการต่อยอดและจัดการความรู้ที่ดีมากๆ ข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏในเครือข่ายสังคมออนไลน์นั้นเป็นข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประสบภัยในอนาคตในประเทศอื่นๆ ได้สบาย ต้องเรียกว่าวิกฤตสร้างโอกาสในการคิดต่อยอด สร้างภูมิปัญญาให้เกิด นี่คือสิ่งที่เป็นด้านดีที่ชัดเจน
อย่างที่รู้กัน ความเสียหายทางเศรษฐกิจประเมินเป็นตัวเลขคงสูง แต่ก็ไม่สามารถทัดเทียมกับพลังความสามัคคีและน้ำใจของผู้ที่เกี่ยวข้องได้ และนี่คือคุณค่าทางเศรษฐกิจประการหนึ่งที่จะยังคงสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ ถ้าประเทศใดขาดแคลนน้ำใจแล้ว คงไม่เป็นที่ที่น่าไปลงทุนเป็นแน่ ผมมั่นใจว่าประเทศไทยจะยังคงเป็นประเทศที่น่าลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติอยากมาใช้เป็นบ้านที่สองอยู่
นี่ละครับด้านดีที่อยากจะแชร์กัน
ขอบคุณมากคะ
ในเวลาน้ำท่วมเช่นนี้
อย่างน้อย เราก็กลับมาร่วมแรงร่วมใจกัน..อีกครั้งหนึ่ง
หยุดแบ่งเขา แบ่งเรา เพราะเวลาภัยธรรมชาติมา
มิได้เลือกว่า เขา หรือเรา เป็นฝ่ายไหน
สวัสดีค่ะ
น้ำท่วมครั้งนี้
ทุกวิชาชีพ ได้แสดงความรู้ความสามารถได้ดีเยี่ยม
ไม่ว่าจะเรื่องการจัดการอาหารที่เหมาะสมสถานการณ์
ทหาร ตำรวจ หน่วยกู้ภัย สุดยอดมากแห่งความอดทน
หมอพยาบาลเจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลคนไข้ คนคลอดได้แจ่มมาก
พระตามวัดกลับหุงหาอาหารเลี้ยงสาธุชน
นอกจากนี้ประชาชนทุกกลุ่มอาชีพได้แสดงฝีมือที่ตนถนัด
การได้ทำเพื่อคนอื่นนี้
มันมีความสุขใจเหลือเกิน
ทำได้ดี และทำได้อีก ลืมเหนื่อย
ขอขอบคุณทุกน้ำใจที่มีให้กันยามนี้
ขอบคุณบันทึกนี้ ที่ช่วยให้ร่วมเปิดประเด็นดีๆ