มีเรื่องเล่าแต่กาลก่อน สมัยที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนา เครื่องที่ใช้สร้างความบันเทิงยังมีอยู่อย่างจำกัด ที่เห็นจะนำสมัยที่สุดในขณะนั้นคือ วิทยุ
ยายสี เฒ่าจากหมู่บ้านห่างไกลความเจริญ หลังจากที่ได้เงินเดือนประจำตำแหน่งคนแก่ (เบี้ยซื้อหวยเดือนละ ๕๐๐ บาท) ก็ได้เดินทางเข้ามาในตัวอำเภอเพื่อที่จะหาซื้อวิทยุไว้ฟังเขาขายน้ำผลไม้บ้าง ยายสีจึงจัดการตื่นแต่เช้าและเข้ามายังตัวอำเภอ
เนื่องจากบ้านป่าขาภูเขา การเดินทางจากบ้านมาตัวอำเภอช่างใช้เวลานาน กว่าจะมาถึงก็ตกเข้าไปครึ่งวันเต็ม ๆ กว่าจะเดินทางกลับ ยายสีจึงรีบเร่งมุ่งไปยังร้านที่มีวิทยุขายในทันที
ยายเดินมาถึงร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าจึงตะโกนสุดเสียงด้วยความเหนื่อย "เอาวิทยุหน่อยเครื่องหนึ่ง" พอสิ้นเสียงคนขายก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับวิทยุ ๑ เครื่องในมือ ทั้งสองตกลงกันในราคา ๑๕๐ บาท
เมื่อยายจ่ายเงินเรียบร้อยคนขายก็จัดการใส่ถ่านและเปิดทดลองให้ยายดู ในขณะเดียวกันคนขายก็ได้แนะนำว่า "ยายเปิดปุ่มนี้นะ ปิดปุ่มนี้นะ หมุนเปลี่ยนคลื่อนตรงนี้นะ" ยายสีก็ฟังด้วยความตั้งใจและจำได้อย่างขึ้นใจ
หลังจากที่ฟังคำอธิบายอย่างชัดแจ้งแล้วยายสีก็มุ่งตรงมายังรถประจำทางทันทีเพื่อเดินทางกลับ
ยายมีความสุขกับการฟังรายการขายน้ำผลไม้ ซึ่งในขณะเดียวกันถ่านวิทยุก็เริ่มโรยรายไม่มีไฟ เสียงของวิทยุเริ่มช้าและยืด และก็หมดเสียงในที่สุด
ด้วยความจำที่จำมาจากคนขายก็มีเพียงเปิดและปิด พร้อมกับการเปลี่ยนคลื่น นอกจากนั้นยายไม่รู้เรื่องเลย
ด้วยความสงสัยยายจึงจัดการรื้อวิทยุดูข้างในดู ทันใดนั้นยายก็ได้พบ "จิ้งจก" นอนตายอยู่ตัวหนึ่ง ยายจึงได้ทราบสาเหตุที่วิทยุไม่มีเสียง ยายได้อุทานออกมาอย่างเต็มเสียงว่า "มิน่ามันไม่มีเสียง ที่ไหนได้คนพูดมันตายนี่เอง ตอนเสียงช้าๆๆยืดๆ มันคงหิวข้าวมาก คนขายก็ไม่บอกให้หาข้าวหาน้ำให้มันกิน ยายก็ให้มันพูดอยู่ทั้งวันทั้งคืน"
เล่าเรื่องได้เยี่ยมยุทธเลยครับ...
ลำดับเหตุการณ์แจ่มชัด...เป็นขั้นตอน
ภาพที่สัมผัส ดูสวยใส..ซื่อ
แต่บางขณะ หรือในอีกมุม ก็ชวนขันขื่นไม่ใช่ย่อย
ขอบคุณครับ
ของเก่าเอาเล่าใหม่ เป็นสำนวนที่ย่อยง่าย ไม่ต้องกินยาถ่ายแก้สมองผูก