Burma supports Thailand to establish national verification centers..!!
On 7 October 2011, Deputy Minister of Foreign Affairs, H.E.U Maung Myint, has been welcome by the Minister of Labour, Mr.Phadermchai Sasomsab, on visit to Thailand for offering his felicitations on the nomination for the Minister of Labour.
More, they have consulted about national verification of about 900,000 migrant workers from Myanmar who are still waiting for the process. In this regard, Myanmar proposed Thailand to establish Centers for National Verification in Thailand and Myanmar will fully support information by linking database with the Ministry of Labour of Thailand.
Potential areas to set these centers were primarily discussed and the following areas, where so many Burmese migrant workers have lived, will be considered first such as Mahachai area in Samut Sakorn, Kanchanaburi, Mae Sot district in Tak and Chiang Rai. The establishment of the Centers in Thailand is to reduce work as well as time to work in process. As mentioned, Myanmar also agreed to link database of migrant workers with Thailand and to have their officials stationed in these Centers as well.
Furthermore, H.E.U Maung Myint informed that from this time on the Minister of Labour of Myanmar has been taken charge of the issue of migrant workers instead of Ministry of Foreign Affairs. And on this coming Thursday (13 October 2011), the Minister of Labour of Myanmar is going to visit and discuss about this issue again, Mr.Phadermchai said.
Date: 7 October 2011
ความเห็น (4)
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่าน'Burma supports Thailand to establish national verification centers..!!'มีข้อคิดในการจัดตั้ง Centers for National Verification พิสูจน์สัญชาติ ของแรงงานต่างด้าวพม่าเพื่อให้แรงงานสามารถทำงานในประเทศไทยได้ ในระยะเวลาที่กำหนด... ซึ่งหมายถึงสามารถที่จะเดินทางไปได้ทั่วประเทศ มีสิทธิตามกฎหมายแรงงาน รวมถึงสิทธิตามกฎหมายประกันสังคม และสิทธิทางกฎหมายไทยด้านอื่นๆ อย่างครบถ้วน...ก็เป็นเรื่องที่น่าให้ความสนใจ...และในแต่ละขั้นตอนมีการจัดเก็บเงินแรงงานต่างด้าวทั้งพม่า ลาว และกัมพูชา ตามระเบียบกระทรวงการคลังโดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1 - 10 และโรงพยาบาลจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สิ้นสุดขั้นตอน...สุดท้ายต้องไปดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีบริษัทมารับทำเรื่องให้...เพราะหากว่ารอสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1 - 10 จะนานมากจนหมดอายุการยื่นขออนุญาตทำงาน และหมดอายุการขึ้นทะเบียนแรงงาน...แรงงานก็จะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆใหม่อีกครั้ง...อาจเป็นแรงผลักดันให้พม่าจัดตั้ง Centers for National Verification in Thailand ...
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่าน'Burma supports Thailand to establish national verification centers..!!'มีข้อคิดในการจัดตั้ง Centers for National Verification พิสูจน์สัญชาติ ของแรงงานต่างด้าวพม่าเพื่อให้แรงงานสามารถทำงานในประเทศไทยได้ ในระยะเวลาที่กำหนด... ซึ่งหมายถึงสามารถที่จะเดินทางไปได้ทั่วประเทศ มีสิทธิตามกฎหมายแรงงาน รวมถึงสิทธิตามกฎหมายประกันสังคม และสิทธิทางกฎหมายไทยด้านอื่นๆ อย่างครบถ้วน...ก็เป็นเรื่องที่น่าให้ความสนใจ...และในแต่ละขั้นตอนมีการจัดเก็บเงินแรงงานต่างด้าวทั้งพม่า ลาว และกัมพูชา ตามระเบียบกระทรวงการคลังโดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1 - 10 และโรงพยาบาลจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สิ้นสุดขั้นตอน...สุดท้ายต้องไปดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีบริษัทมารับทำเรื่องให้...เพราะหากว่ารอสำนักงานจัดหางานจังหวัดหรือสำนักจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1 - 10 จะนานมากจนหมดอายุการยื่นขออนุญาตทำงาน และหมดอายุการขึ้นทะเบียนแรงงาน...แรงงานก็จะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆใหม่อีกครั้ง...อาจเป็นแรงผลักดันให้พม่าจัดตั้ง Centers for National Verification in Thailand ...
สวัสดีค่ะอาจารย์พจนา ขอบคุณมากค่ะสำหรับความคิดเห็นและกำลังใจนะคะ :-)
ขออนุญาตแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในบางประการนะคะอาจารย์
- ถุกต้องที่สุดค่ะ หากจะมีการมาเปิดศูนย์พิสูจน์สัญชาติพม่าในประเทศไทย ก็จะทำให้กระบวนการปรับสถานะบุคคลตามกฎหมายของแรงงานจากพม่าเป็นแรงงานที่เข้าเมืองถูกกฎหมายเร็วขึ้น และจะทำให้ "นายหน้า" หรือ "broker" ที่ชอบขูดรีดจากชาวบ้านมีบทบาทลดลงไปอีกหน่อย เพราะชาวบ้านสามารถเดินทางมาพิสูจน์ได้เอง และก็ยังตัดปัญหาความหวาดกลัวเมื่อต้องเดินทางข้ามไปพิสูจน์ถึงประเทศพม่า ค่ะ
- ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างทาง ในความเป็นจริงตามที่ระบุในระเบียบสำหรับกระบวนการที่เกิดขึ้นในฝั่งไทย แรงงานจะต้องจ่ายเงินเพื่อ (1) ค่าตรวจสุขภาพ 600 บาท (2) ค่าหลักประกันสุขภาพ 1,600 บาท/ปี (3) ค่าใบอนุญาตทำงาน 1,800 บาท/ปี และ (4) ค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตทำงาน 100 บาท/ครั้ง ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับการพิสูจน์สัญชาติพม่า (เมื่อก่อนในฝั่งพม่า) นั้น หากไม่ได้ใช้นายหน้า แรงงานจะเสียแค่ประมาณไม่เกิน 500 บาท และก็จะมีค่าตรวจลงตรา Visa Non L-A เข้ามาในไทยอีก 500 บาท ค่ะ
- แต่ก็อย่างที่รู้กันว่านายหน้าก็จะเรียกมากกว่านี้ แต่รับบาลไทยก็มีกำหนดอัตราขั้นต่ำที่นายหน้าจะเก็บได้นะคะ แต่ก็แค่นายหน้าที่ขึ้นทะเบียนกับรัฐบาลเท่านั้นค่ะ
- ส่วนเรื่องว่าหากไม่ยอมใช้นายหน้าแต่รอกระบวนการของรัฐบาลจะทำให้หมดอายุการยื่นขออนุญาตทำงานและหมดอายุการขึ้นทะเบียนแรงงาน ข้อความนี้อาจจะไม่ค่อยถูกต้องนักค่ะ เนื่องจากมิใช่ความผิดของตัวแรงงานแต่เป็นความล่าช้าของกระบวนการของรัฐบาลมากกว่า เพราะฉะนั้นต้องเพิ่มเติมข้อเท็จจริงว่า "แรงงานคนใดไม่สามารถ support เพื่อไปใช้บริการนายหน้าได้ ก็ไม่ต้องค่ะ แต่อาจจะต้องทนหงุดหงิดหน่อยที่ต้องรอคอย หรืออาจจะโดนเรียกให้ไปกรอกข้อมูลใหม่ (อย่างที่พ่อแม่ของน้องหม่องเพิ่งโดนไป) และหากรอจนใบอนุญาตทำงานหมดอายุก็ไปต่อได้ค่ะ ตราบเท่าที่เรายื่นแบบฟอร์มขอพิสูจน์สัญชาติแล้ว ก็แปลว่าเราก็กำลังเข้าสู่กระบวนการแล้วค่ะ ดิฉันเชื่อว่าเราต้องทดสอบให้ระบบทำงานค่ะ หากมองว่ากระบวนการของรัฐช้าแล้วแรงงานไปใช้บริการนายหน้า (เอกชน) หมด ระบบของรัฐเราก็คงไม่พัฒนา ยังไงรัฐก็ต้องปรับตัวค่ะ อีกทั้งเป็นการปิดช่องทางให้นายหน้าผิดกฎหมายที่พยายามหาผลประโยชน์จากผู้ือื่นอีกด้วย"
ซึ่งดิฉันก็หวังว่าการตั้งศูนย์ในประเทศไทยครั้งนี้จะส่งผลดีแบบนี้ได้บ้างค่ะ :-)
ขออนุญาตแก้ไขค่ะ ค่าประกันสุขภาพ 1,300 บาท/ปี ค่ะ