We call plants we can't use (for our own benefits) 'weeds' (วัชพืช).
We see plants we can't use (for our own profits) 'useless', 'bad', 'untidy',...
Insects and other lives may depends on 'weeds' for food, for medicine, for habitats,...
Biodiversity is saving a large pool of 'genes' (or DNA combinations), so we can replenish Earth with 'Life'.
Weeds and weeders are no different -- all are 'lifeforms', carriers of DNA combinations,
None is useless. None is better than another. None can live 'alone'.
Next time we see 'weeds', think of 'lives'.
We have no right to 'kill off' other forms of Life.
We may be 'weeds' in someone's eyes.
Think instead 'Can we see goodness or use of these lifeforms?'
ธรรมะรับอรุณ ขอบคุณกับการจัดการกิเลส
สวัสดีค้ะท่าน sr ความคิดเห็นของท่านทำให้ติ๋วนึกย้อนว่า "หญ้าหรือวัขพืช ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป" วัชพืชเป็นสัญญาณของความอุดมสมบูรณ์สะท้อนว่า ดินดี พอจะปลูกอะไรได้ พอเราเอาหญ้าออก ก็ปลูกต้นไม้ได้งาม ส่วนกิเลส เออแฮะก็เช่นกัน กิเลสเป็นสัญญาณของการมีชีวิต เป็นสัญญาณว่า หากเราเห็นแล้วกำจัด หรือ บริหารมันเป็นโดยให้ศีลมากำกับ สติมาประคอง (คำกล่าวพระอ.ต้อ) ก็จะเห็นว่า จิตใจนี้พอจะพัฒนาได้ และเมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ ก็จะพบว่า ใจค่อยๆสบายอดทนและเผชิญสิ่งต่างๆด้วยใจที่ริ่วเย็นมากขึ้นเรื่องๆสาธุค่ะ (^_^)
อรุณสวัสค่ะท่านวอญ่า สบายดีนะคะ การจัดการกิเลส ทำให้ติ๋วนึกถามตนเองขึ้นมา วันหนึ่งๆ ทบทวนกับตนเองมากน้อยแค่ไหน อืมที่ผ่านมาดูจะแทบไม่อยากหันเข้าหาทุกข์ เพื่อละทุกข์ละกิเลส แหนะใจนี้ไม่ปฏิบัตติแต่อยากได้ผล ช่างเหมือนคน ไม่ปลูกข้าวแต่อยากให้ข้าวงาม แต่พอหายใจไปเรื่อยๆกับลมเข้าและออก แม้บางครายังเพ่งอยู่ แต่ก็พอให้เห็นทุกข์ เห็นจุดบกพร่องเห็นข้อเสียที่ควรแก้ไขของตน เอาหล่ะก็ "เร่งใหม่ เอาใหม่กีบตนเอง การเริ่มทำอะไรไม่ยากแต่รักษาไว้ยากกว่า" (คำกกล่าวครูที่เอ่ยไว้สม่ำเสมอ). ขอบพระคุณค่ะท่าน