แล้วก็ถึงตอนสุดท้ายในบทความเรื่อง "อาจารย์มหาวิทยาลัยกับความพอ" ซึ่งเขียนโดย ศ.นพ.ธีระ ทองสง บทความส่วนนี้ เป็นข้อคิดเห็นที่พวกเราในมหาวิทยาลัย ทั้งผู้บริหารและอาจารย์ คงต้องนำไปขบคิดต่อว่า ที่ผ่านมา เราได้หล่อหลอมเด็กๆ ที่เข้ามาในรั้วในมหาลัยอย่างไร เป็นอย่างที่อาจารย์ธีระเขียนไว้หรือไม่ แล้วเราจะเลือกหนทางเดินต่อไปอย่างไร
เข็มมุ่งการศึกษา
….. เราปฏิเสธไม่ได้เลยวิกฤติต่างๆ ในวันนี้ส่วนสำคัญมาจากผู้เรียนสูง การศึกษาพัฒนาวิชาการจนเติบโตแก่กล้า แต่แคะแกร็นทางจริยธรรม ศาสตร์ทั้งหลายถูกนำมารับใช้ความเห็นแก่ได้มากกว่าความเห็นแก่ให้ การศึกษาวันนี้จึงมีผลเชิงลบต่อแผ่นดินอยู่ไม่น้อย กระแสความต้องการของมนุษย์เชี่ยวกรากมากขึ้น เกินกว่าศีลธรรมจะต้านทาน การเรียนสูงเป็นการให้โอกาสของการสร้างความมั่งคั่งมากกว่าสร้างแรงบันดาลใจในการให้ มักจะถูกครอบงำด้วยมาตรฐานการครองชีพแบบหรูหรา ขีดแห่งความรู้สึกเพียงพอในชีวิตของบัณฑิตหนีห่างออกไปทุกวัน วิกฤติมากขึ้นทุกวัน มนุษย์ส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ลำบากยิ่งกว่ายุคก่อน ทั้งที่ความก้าวหน้าทางวิชาการสูงขึ้น สีสันทางเทคโนโลยีร้อนแรง ปัญหาสำคัญในสังคมมักจะมีต้นเหตุเกี่ยวพันมาจากผู้ที่เรียนจบสูงๆ อยู่เสมอ จริงอยู่การศึกษาได้มีส่วนให้สังคมนี้อลังการทางวัตถุมากขึ้น แต่คงไม่มีใครกล้ายืนยันว่าการศึกษานี้ทำให้สังคมสงบสุขกว่าชนยุคก่อนนี้ คนเก่งมากขึ้นแต่คุณภาพชีวิตผู้คนในสังคมไทยอยู่ในระดับวิกฤติ
บ่อยครั้งที่บรรยากาศของมหาวิทยาลัยมีส่วนเปลี่ยนหัวใจใฝ่รู้และใฝ่ให้ของเยาวชนขณะย่างเท้าเข้าสู่มหาวิทยาลัย ต้องเดินออกไปอย่างใฝ่ได้ สถาบันอุดมศึกษาและสภาพสังคมมีส่วนสลายอุดมการณ์มากกว่าสร้างอุดมการณ์ในหัวใจของเยาวชน
จำเป็นที่จะต้องทบทวนอย่างหนักถึงพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการปลุกเร้าให้นักศึกษาฝันใฝ่ถึงชีวิตที่สงบสุขและกรุณา จะต้องเปลี่ยนความมุ่งมาดปรารถนาของชีวิตจากความหรูหราไปสู่คุณค่า ความสำเร็จของการศึกษาต้องอยู่ที่ปัจเจกชนมีความสงบสุขมากขึ้น เกื้อกูลมากขึ้น ใส่ใจต่อเพื่อนมนุษย์มากขึ้น สี่ปีในมหาวิทยาลัยจะต้องเป็นสี่ปีที่เพิ่มพูนขึ้นซึ่งความรักความเสียสละจนพร้อมที่จะออกไปเกื้อกูลอย่างเต็มเปี่ยม จะต้องเปี่ยมในความสามารถในการครองชีพอย่างกินน้อยใช้น้อยเรียบง่ายอย่างสุขใจ
ทิศทางการศึกษาปัจจุบันเป็นทิศทางที่นำไปสู่บริโภคนิยมอย่างเต็มตัว การศึกษาทุกวันนี้เน้นให้บัณฑิตมีอาชีพ และสร้างผลงานทางวิจัยค้นคว้าที่เห็นเป็นรูปธรรม แต่มหาวิทยาลัยยังขาดประสิทธิภาพในการทำให้คนในสังคมมีความสุข อาจกล่าวได้ว่าการศึกษาวันนี้ทำให้มันสมองของเราสว่างไสวขึ้น แต่หัวใจยังไม่หายมืดมน ถ้าเข็มมุ่งหลักของมหาวิทยาลัยคือ การสร้างอาชีพ และการวิจัยทางวิชาการ แต่มิใช่ความสุขของคนหมู่มากแล้ว นับว่าเป็นก้าวแรกที่ผิดพลาด แม้อาจเดินอีกพันลี้ไม่มีวันถึงจุดหมาย นอกเหนือจากการก้าวไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ การวิจัย การค้นพบ ควรมีเข็มมุ่งที่จริงจังในภารกิจที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้บัณฑิตมีความปรารถนาที่จะให้มากกว่าความปรารถนาที่จะได้ มหาวิทยาลัยต้องมีภารกิจประคับประคองอุดมการณ์ของวัยใส สร้างแรงบันดาลใจให้ปรารถนาที่จะเป็นคนมีคุณค่า มากกว่าปรารถนาเป็นคนร่ำรวย
ไม่มีความเห็น