ผจญภัยในกวางโจว ตอนที่ 3


คนกวางโจวนั้นขึ้นชื่อในเรื่องเป็นคนช่างกินช่างปรุง ช่างกินกันจนโดนเพื่อนๆ ต่างชาติและเพื่อนเมืองอื่นๆ ตั้งฉายาว่ากันคนกวางโจวสามารถหาของมาปรุงเป็นอาหารและกินได้แทบจะทุกอย่างเว้นของที่ไม่มีขาอย่างเครื่องบินกันเลยทีเดียว

อดไม่ได้ที่จะเขียนอีกตอนของการเดินทางที่กวางโจวให้จบก่อนจะลืมความสนุกและตื่นเต้นของเหตุการณ์ที่พวกเราได้เจอมา 

คณะ 5-6 คนจากประเทศไทยที่เดินทางไปกวางโจวด้วยกันนั้น นอกจากภารกิจสำคัญกับการนำเสนอโปรเจคและสินค้าจากเมืองไทยและการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อปลีกแล้ว ความเข้าใจในวัฒนธรรมความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิตและจังหวะของเมืองกวางโจวในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เกือบ 1 สัปดาห์นั้นเป็นเรื่องที่เราอยากทำความรู้จักและเข้าใจให้มากขึ้นในการเดินทางครั้งนี้ 

เมืองกวางโจวเป็นเมืองที่ได้รับการยอมรับจากคนไทยส่วนใหญ่ที่ไปเยือนในเรื่องรสชาดของอาหารที่อร่อยถูกปากในราคาย่อมเยา อาหารหลายอย่างที่ขึ้นชื่ออย่างติ่มซำ เกี๊ยวซ่าที่คนพื้นที่รับประทานไปนั่งคุยกันไปได้เป็นชั่วโมงๆ เกี๊ยวซ่านั้นแบ่งออกเป็นหลายๆ ไส้ให้เลือกได้ เช่น เนื้อ หมู หรือไส้ผักแบบต่างๆ และอาหารอร่อยอีกมากมายอย่างห่านย่าง หมูแดง หมูกรอบในแบบกวางโจว โจ๊ก ผัดผักหวานกรอบหลายชนิด บะหมี่เส้นบางยาวนุ่มลิ้นและเกี๊ยวกุ้ง แพะตุ๋น เนื้อตุ๋น ขาหมูตุ๋น โรตีกรอบน้ำแข็งไสราดด้วยผลไม้สด ชานม มะเขือยาวผัดพริกเมนูที่ใครที่ปฏิเสธผัดมะเขือยาวจากเมืองไทยจะไม่พลาดที่จะลองและไม่วางช้อนเมื่อผ่านไปเพียง 1 คำ คนกวางโจวนั้นขึ้นชื่อในเรื่องเป็นคนช่างกินช่างปรุง ช่างกินกันจนโดนเพื่อนๆ ต่างชาติและเพื่อนเมืองอื่นๆ ตั้งฉายาว่ากันคนกวางโจวสามารถหาของมาปรุงเป็นอาหารและกินได้แทบจะทุกอย่างเว้นของที่ไม่มีขาอย่างเครื่องบินกันเลยทีเดียว :) 

เรื่องปรกติที่ต้องทำใจให้คุ้นชินอย่างหนึ่งตลอดการเดินทาง คือ คนจีนไม่ค่อยกินน้ำแข็งกัน เค้าดื่มชาร้อน น้ำร้อนกันเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะการกินน้ำแข็งกับน้ำที่เย็นมาจากตู้เย็นแล้ว พี่ไทยอย่างเราเวลาสั่งน้ำดื่มแล้วขอน้ำแข็งมักจะโดนมองหน้าและถามย้ำว่าน้ำก็เย็นแล้วยังต้องการน้ำแข็งอีกหรืออยู่เสมอๆ พร้อมกลับไปหยิบแก้วใส่น้ำแข็งมาให้อย่างงงๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งร้านอาหารในสนามบินที่น่าจะมีบริการน้ำแข็งใส่แก้วมาเสิร์ฟพร้อมน้ำเป็นปรกติ มองไปรอบๆ ตัวโต๊ะอื่นที่สั่งน้ำก็ไม่ได้น้ำแข็งเหมือนกัน ทั้งทีมก็ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเขินๆ พร้อมกินน้ำเย็นในน้ำแข็งแก้วของตัวเองต่อไป 

ในกวางโจวยังมีอาหารฟาสฟู๊ดหลายอย่างที่พบในเมืองไทยอย่างร้านเคเอฟซีหรือแมคโดนัลด์ แต่ร้านเหล่านี้มักเปิดขายอาหารเช้าจนกระทั่ง 10 โมงจึงเริ่มเมนูไก่และข้าวปรกติของร้าน ใครที่ไปเช้าๆ ในเคเอฟซีมีบริการโจ๊กกวางโจวให้ได้ลอง รสชาดใช้ได้เลยทีเดียวแม้ไม่ได้เปรียบเทียบกับเจ้าอื่นๆ ที่เค้าว่าอร่อยกัน ทั้งแมคฯ และเคเอฟซีแทบไม่มีน้ำเปล่าเย็นให้รับประทาน ถ้าเราขอน้ำเปล่าเค้า เราได้น้ำร้อนเดือดมาเต็มแก้วทั้ง 2 เจ้า แนะนำให้ขอน้ำแข็งมาด้วยทุกครั้งกรณีที่ทนรอให้น้ำเย็นลงเร็วๆ ไม่ได้ เพราะน้ำที่เค้าให้มาร้อนมากจนต้องเหลือบไปดูพี่จีนโต๊ะข้างๆ ว่าเค้าดื่มไปได้อย่างไรกัน

นอกจากอาหารแล้วการเดินทางในกวางโจวก็เป็นอีกอย่างที่อยากพูดถึง กวางโจวมีรถไฟฟ้าใต้ดินเชื่อมเป็นโครงข่ายอยู่ทั่วทั้งเมือง โดยให้บริการในราคาที่ไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับการเดินทางในแบบอื่นๆ ในกวางโจวโดยเฉพาะคนที่ไม่สามารถอ่านภาษาจีนและโดยสารรถประจำทางธรรมดาได้ รถไฟฟ้าใต้ดินมีชื่อสถานีเป็นภาษาอังกฤษ แผนที่เส้นทางเดินรถไฟฟ้าที่มีแจกสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ในทุกสถานี และการแลกเหรียญหรือบัตรโดยสารที่มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก ตู้รับแลกเหรียญสำหรับเดินทางจะรับธนบัตรมูลค่าไม่เกิน 10 หยวนและทอนให้ คล้ายๆ กับสถานีรถไฟฟ้าในบ้านเรา การเดินทางอีกแบบนึงที่เราเลือกใช้คือแท็กซี่ แท็กซี่ในกวางโจวจะเก็บค่าโดยสารขั้นต่ำที่ 7 หยวนและเพิ่มขึ้นตามระยะทางที่เดินทาง เมื่อถึงจุดหมายและมิเตอร์ขึ้นราคาเท่าไหร่ ในรถจะมีป้ายเขียนเตือนให้เราชำระค่าน้ำมันเพิ่มเป็นค่าโดยสารอีก 2 หยวน แนะนำให้รับใบเสร็จก่อนลงจากแท็กซี่ด้วยทุกครั้งเนื่องจากใบเสร็จจะมีรายละเอียดของแท็กซี่เพื่อการติดตามของได้กรณีลืมของหรือมีของหาย อีกอย่างที่ต้องบอกคือแท็กซี่ในกวางโจวจำกัดผู้โดยสารตามกฎหมายของเค้าคือรับผู้โดยสารได้ไม่เกิน 4 คนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นทางผู้ขับรถจะโดนตำรวจจับและปรับได้

เรื่องขำๆ ที่เราพบระหว่างการใช้บริการรถโดยสารของกวางโจวคือรถตู้หน้าศูนย์แสดงสินค้า เนื่องจากทีมทำงานที่ไปงานแสดงสินค้ามี 5 คนและไม่สามารถใช้รถแท็กซี่ในการขนสินค้าจำนวนมากได้ น้องล่ามแสนสวยของเราจึงต้องไปตามหารถรับจ้างที่สามารถขนส่งได้หมดทั้งคนและของ สุดท้ายคณะได้รถตู้รับจ้างหน้างานมา 1 คันเพื่อขนสินค้าและไปส่งเราในที่หมายในราคาที่ตกลงกันได้ 150 หยวน เมื่อถึงจุดแวะพักและส่งของด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของคนขับที่ดูน่ารักและเป็นกันเอง ทำให้คณะออกจะเกรงใจกับการต่อรองราคาที่ได้มาว่าจะดูน้อยเกินไป แต่เมื่อกลับลงมาจากการแวะส่งสินค้าไม่ถึง 10 นาทีและพร้อมจะกลับไปโรงแรมที่พักเพื่อพักผ่อน หน้าตาของพี่คนขับรถตู้กลับดูฉุนเฉียวและไม่พอใจที่ต้องรอคอยเรานานและขอต่อรองราคาขึ้นไปอีก 20 หยวนและชี้แจงว่าต้องเดินทางไปอีกไกล เราทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ กับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและสงสัยว่าเป็นการแสดงเพื่อให้สามารถขึ้นราคาได้โดยเราต้องเกรงใจหรือไม่ ก่อนออกเดินทางเกิดการโต้เถียงและต่อรองราคากันอีกครั้งโดยทางเราก็ไม่ได้สรุปว่าจะตัดสินใจให้เพิ่มขึ้นอีก 20 หยวนหรือไม่ คนขับรถก็ได้ขับรถออกมาเพื่อตรงไปยังโรงแรมที่พักแล้วพร้อมหน้าตาที่เฉยเมยและนิ่งเงียบกับพวกเราตลอดทาง คนขับวนหลงอยู่กลางเมืองกวางโจวเป็นเวลานาน สุดท้ายทางเราเลยตกลงที่จะเพิ่มเงินให้เป็นค่าโดยสารอีก 20 หยวนโดยไม่ได้บอกกับคนขับก่อน ด้วยเห็นว่าต้องขึ้นทางด่วนพิเศษและทุกคนง่วงและเหนื่อยมาก อยากพักผ่อนเต็มที ท้ายที่สุดหลังเราหยิบเงินมาวางบนตักเพื่อนที่นั่งข้างคนขับ เค้าชำเลืองมองและลอบยิ้มกับเรา พวกเราถึงที่หมายในระยะทางไม่เกิน 5 นาทีหลังจากนั้น พร้อมรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นหลังช่วยขนของลงจากรถ พร้อมบอกให้เรากลับมากวางโจวอีกครั้งและใช้บริการเค้าอีก พวกเราต่างอมยิ้มและคิดขำกับท่าทีที่เปลี่ยนไปชัดเจนจนแอบสงสัย เพื่อนๆ คิดอะไรเหมือนพวกเรากันไหมคะ ;)

หมายเลขบันทึก: 462963เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2011 23:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 01:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ช่วงนี้ ผู้เขียนมีเวลาเขียนบทความยาวๆ ในรูปแบบบล็อคน้อยลง สำหรับท่านที่ต้องการทราบข้อมูล หรือต้องการการแบ่งปันความรู้เพิ่มเติมในเรื่องการค้าขายกับประเทศจีน และประเทศอื่นๆ ในอาเซียน สามารถเขียนอีเมลมาพูดคุยกันหรือติดตามเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ในการทำการค้าต่างประเทศผ่าน https://www.facebook.com/pages/International-Trade-Focus ในระหว่างที่ยังไม่มีบทความยาวฉบับใหม่ออกมาค่ะ จะพยายามเขียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการค้าในจีนหรืออาเซียนที่น่าจะเป็นประโยชน์ให้มากขึ้นเร็วๆ นี้ค่ะ.....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท