เคยเขียนเรื่องงานซ่อมคน (งานซ่อมคน) ไปหลังจากที่ได้ใคร่ครวญในตนเองของสายงานทางด้านจิตใจ จริงๆ แล้วข้าพเจ้าเรียนมาทางด้านจิตวิทยาให้คำปรึกษา (Psychology of Counseling) แต่เมื่อกลับมาทำงานในโรงพยาบาลใกล้บ้าน ทำให้ได้ทำงานในงานที่เกี่ยวข้องกับการป่วยทางจิตใจ
งานจิตวิทยาให้คำปรึกษา ...คือ การเยียวยาและเป็นการเรียนรู้เข้าไปในจิตใจของคน
งานจิตเวช...คือ งานที่เกี่ยวข้องกับจิตที่ป่วยหรือเกิดรอยโรคแห่งจิตใจไปแล้ว อันสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันทั้งอารมณ์ ความคิด และความรู้สึก
และเมื่อเข้ามาทำงานคล้ายอาสาสมัคร ณ วัดป่าหนองไคร้(thinnabho) ที่ทำในเรื่องสงเคราะห์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแล้วนั้น ...ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นว่างานที่ข้าพเจ้าทำนั้นล้วนเป็นงานซ่อมทั้งนั้น
เคลื่อนมาสู่กระแสแห่งการงาน R2R เองก็เช่นกัน...
คล้ายซ่อมก่อน...ซ่อมใจ กู้ใจคนทำงานให้ตื่นรู้ขึ้นมา เพื่อนำไปสู่การสรรค์สร้างชีวิตการทำงานประจำของตนเองให้มีชีวิตชีวา
บางครั้งคนทำงานบอบช้ำจากการเรียนวิจัย ผู้จัดเห็นท่าไม่ดีเปลี่ยนตัวผู้สอน ...พอข้าพเจ้าเข้าไปแทนกว่าจะไปแก้ไขมุมมองหรือทัศนคติของคนทำงานที่มีต่อ R2R ก็ต้องอาศัยฉันทะของตนเองมากพอสมควร...
"อาจารย์เราเคย...อาจารย์จากที่อื่นมาสอน R2R แต่ไม่ Work ไม่มีใครมาเข้าประชุมเลย"...นี่คือ ประโยคที่ข้าพเจ้าได้ยินจนคุ้นชินมากเมื่อผู้ประสารงานติดต่อเชื้อเชิญมา
"อาจารย์เราไม่มีเงินมาก ผู้อำนวยการไม่อนุมัติ เพราะทำไปแล้วไม่ work" นี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งของการจัดสรรโครงการ แต่เนื่องด้วยเห็นความเพียรของผู้จัด ข้าพเจ้าก็ตอบรับและบางที่ก็คืนเงินวิทยากรให้กับทางผู้จัด...เพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการ R2R ในหน่วยงานตนเอง
เมื่อเช้านี้...
ข้าพเจ้านั่งมองผู้ป่วยจิตเวชที่ผลัดกันเดินเข้าออก...เพื่อมาตรวจและมารับยา
ผู้คนเหล่านี้คือ งานซ่อม...
ผู้เป็นเหยื่อทางอารมณ์ ความคิด และความรู้สึกด้านลบจนเกิดเป็นความพ่ายแพ้ต่อตนเอง ทำให้สารชีวเคมีต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน จนทำให้สภาวะการควบคุมตนเองหลุดออกไป
"งานแก้ไข"...ผลุดขึ้นมาในใจ
มีหลากหลายเรื่องราว หลายครั้ง ที่ข้าพเจ้าพยายามนำพาผู้คนให้ก้าวเดินไปในเส้นทางแห่งการป้องกัน แต่ผู้คนมากมายก็เกิดเป็นความต่อต้าน เพราะการเดินไปเช่นนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะเป็นเรื่องที่ต้องขัดใจตนเอง ...
แต่เมื่อพลาดพลั้งมา...ก็ต้องมาแก้ไขมาซ่อม
ทำอย่างไรเล่า...ผู้คนจึงจะเข้าใจในเรื่อง "เหตุแห่งปัจจัย"...เพราะถ้าหากผู้คนเข้าใจในเรื่องเหตุแห่งปัจจัย เขาก็จะลุกขึ้นมาสร้างเหตุอย่างเหมาะสม มากกว่าที่จะปล่อยตัวเองไปตามยถากรรม หรือกระแสแห่งสิ่งเข้ามากระทบแล้วทำให้ตนเองไหลไป...
การสร้างเหตุแห่งปัจจัยที่ดีที่เหมาะ ที่ถึงพร้อม...ได้เมื่อไร
เมื่อนั้นงานแก้ไข งานซ่อมก็จะน้อยลง...
งานสร้างเหตุแห่งปัจจัยที่ดี ก็เปรียบเป็นดั่งงานป้องกัน หรืองานปฏิบัติธรรมในดำเนินไปใน "ศีลและธรรม" เพื่อไม่ให้เราไหลไปในกระแสแห่งดึงรั้งของกิเลสนั่นเอง
(อ่านร่วม แสวงบุญและขัดใจ)
ไม่มีความเห็น