เมื่อนึกย้อนถึงช่วงเวลาในวัยเด็ก
เชื่อค่ะว่าหลายคนคงจะนึกถึงความทรงจำที่สวยงามชวนสร้างรอยยิ้ม รวมทั้งความรัก ความทะนุทนอมจากคนในครอบครัวที่มอบให้คุณเพียงคนเดียว มันช่างเป็นวันวานที่แสนสุขเสียจริง แต่สำหรับฉัน ฉันได้รับความสุขเหล่านี้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ความสุขที่เด็กวัยเดียวกับฉันได้รับ ...แต่ฉันไม่ได้รับ
ฉันเกิดเป็นลูกสาวคนเดียวในครอบครัวที่มีพ่อและแม่เป็นแม่พิมพ์ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าชีวิตของฉันมีกฎระเบียบมากมายเป็นกรอบล้อมรอบตัวฉันตลอดเวลา
"บางสิ่งที่คนอื่นทำได้ แต่ฉันทำไม่ได้ บางสิ่งที่คนอื่นได้รับ แต่ฉันกลับได้เพียงสัมผัส"
ใครจะเชื่อล่ะว่า...ชีวิตของฉันครั้งวัยเด็กจะไม่ค่อยเด็ดเหมือนคนอื่น แต่สำหรับฉัน ฉันว่ามันเด็ดมาก! เพราะบางอย่างที่ฉันเคย...แต่คุณอาจจะไม่เคย
...ชีวิตตั้งแต่อายุสองขวบ...
“คุณเคยโดนแม่ตีหรือเปล่า?”
“คุณเคยโดนแม่บังคับให้อ่านหนังสือเช้า
กลางวัน เย็น ก่อนนอน หรือเปล่า?”
“คุณเคยโดนแม่ทำโทษ
แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำผิดหรือเปล่า?”
“คุณเคยมองคนอื่นวิ่งเล่น
ขณะที่คุณต้องอ่านหนังสือหรือเปล่า?”
...นี่เป็นเพียงแค่“เสี้ยว”หนึ่งเท่านั้นที่ฉันเคย แต่คุณอาจจะยังไม่เคย...
เด็กคนหนึ่งอายุเพียงแค่สองขวบแต่ต้องมานั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่ในกรอบอันเข้มงวด ที่ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อและแม่ "ฉันไม่รู้ว่าทำไมพ่อและแม่ต้องเข้มงวดกับฉันเช่นนี้ ทำไมจึงไม่ปล่อยให้ฉันไปวิ่งเล่นกับเพื่อนข้างบ้านเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ทำไมถึงไม่ตามใจฉันเหมือนที่พ่อแม่คนอื่นตามใจลูกของตน"
คำถามเหล่านี้ถูกถามขึ้นภายในใจของฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่คำตอบก็ยังคงว่างเปล่าเช่นทุกครั้ง เพราะว่าฉันยังคงหาคำตอบไม่เจอ แต่ฉันมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าเมื่อฉันโตขึ้น ฉันจะต้องได้เจอกับคำตอบเข้าสักวัน
เมื่อฉันเติบโตขึ้นจากเด็กที่เอาแต่ตั้งคำถามฉันก็ได้ทราบคำตอบ
ฉันสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้แล้วว่าทำไม
...แล้วฉันก็ค้นพบคำตอบเหล่านั้นได้ด้วยตัวของฉันเอง ฉันกล้าที่จะบอกกับตัวเองว่า หากวันหนึ่งฉันโตขึ้นมีครอบครัวมีลูก ฉันก็ทำเช่นเดียวกับที่แม่ทำ ทำไมนะหรือ ก็เพราะกรอบที่แม่ก่อไว้รอบตัวฉัน กรอบที่ไม่กล้าแม้เพียงที่จะก้าวออก มันทำให้ฉันเป็นฉันมาจนถึงทุกวันนี้
...เป็น"ฉัน" คนที่ถูกใครหลายคนริษยาเพียงเพราะทำหลายสิ่งได้ดีกว่าคนบางกลุ่ม ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้หลงตัวเอง ฉันไม่ได้เยินยอความเป็นตัวฉัน แต่มันเป็นสิ่งที่คนรอบข้างกล่าวซ้ำจนฉันจำขึ้นใจ,,,แต่ใช่ว่าคำเยินยอเหล่านั้นจะทำให้ฉันเดินออกนอกกรอบที่แม่สร้างไว้ ไม่เลยค่ะ ทุกวันนี้ฉันยังคงอยู่ในกรอบนั้น กรอบที่สร้างให้ฉันเป็นฉัน กรอบที่ทำให้ฉันสามารถเดินบนเส้นทางที่หาจุดสิ้นสุดไม่เจอได้ด้วยตัวฉันเอง ฉันเชื่อแล้วว่าเวลาในวัยเด็กที่สูญเสียเทียบไม่ได้เลยกับโอกาส ความรู้ความสามารถและความปิติยินดีที่ฉันได้รับเมื่อเติบโตขึ้น
บัดนี้กรอบที่แม่สร้างได้รัดตัวฉันได้เน้น จนกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวฉันตลอดเวลา
แต่ใช่ว่ามันจะรัดเน้นจนฉันแทบกระกระอักก็หาไม่ แต่ยิ่งโตขึ้นฉันก็ยิ่งสร้างความยืดหยุ่นให้กรอบมากยิ่งขึ้น อาจเพราะไม่มีแม่มาคอยรัดกรอบให้แน่นขึ้น เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด ฉันกับแม่เราก็จะยิ่งห่างกันมากขึ้น อาจเพราะหน้าที่และสถานภาพทำให้เราต้องห่าง แต่สิ่งที่ยังย้ำชัดอยู่ในมโนความคิดของฉันเสมอมาคือฉันจะไม่เดินออกนอกกรอบ แม้ฉันจะสร้างความยืดหยุ่นไว้มากเพียงใดก็ตาม ฉันยังคงมีจุดยืนในการทำสิ่งต่างๆ อาจจะดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ที่สำคัญฉันจะไม่ให้คนข้างหลังผิดหวัง เค้าจะได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด และท้ายที่สุดนี้เขาอาจจะยังไม่รู้ว่ากรอบที่เขาสร้างไว้เมื่อครั้งก่อน วันนี้มันทำให้คนคนนี้กลายเป็นคนที่สมบูรณ์แบบและสามารถเลือกเดินไปในเส้นทางที่หวังได้ด้วยตัวเขาเอง
ไม่มีความเห็น