โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)
โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ) เทศบาลนครนคราชสีมา

สอนอย่างไรให้สนุก ถูกใจคนเรียน


เมื่อครูรู้สึกสนุก เด็กจะรู้สึกสนุกไปด้วย และเมื่อครูสร้างแรงจูงใจให้แก่ตนเอง นักเรียนจะเกิดแรงจูงใจเช่นเดียวกัน

 

 

 

 

          

          การจัดการเรียนการสอนในปัจจุบันมักพบว่า นักเรียนไม่ตั้งใจเรียน ขาดความสนใจ ขาดความมุ่งมั่น   

                                                                             

1.  ต้องรู้เขา รู้เรา

 
       1.1  ต้องรู้ว่า ... เราจะสอนอย่างไร เช่น
             - ย่อยเนื้อหาความรู้ลงให้แคบ
             - หากเนื้อหามาก ก็แบ่งเป็นส่วนย่อย
             - ระบุสาระ หรือจุดประสงค์ ในการเรียนรู้ให้ชัดเจน
             - เรียบเรียงลำดับการสอน จากง่ายไปสู่ยาก (จากพื้นฐาน ไปสู่การประยุกต์)

 
      1.2  ต้องรู้ว่า ... นักเรียนคิดอะไร เช่น
            -  ชอบคิดสิ่งที่ไร้สาระมากกว่าสาระ !!! (อารมณ์มาก่อนเหตุผล)
            -  ส่วนใหญ่เลือกเรียนตามเพื่อน ส่วนน้อยเลือกเพราะอนาคต
            - แบบว่า ... อยากรู้  แต่ ….. ไม่อยากเรียน
            - นักเรียนส่วนใหญ่เป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็น
            - ไม่ชอบคำว่าเรียน
            - คิดแต่จะมุ่งหาความสนุกสนาน บันเทิง ฯลฯ 

     1.3 ต้องรู้ว่า … นักเรียนต้องการอะไร  เช่น
           -  ชอบความสนุกสนานและบันเทิง
           -  ชอบเป็นผู้สื่อสารมากกว่าผู้รับสาร
           -  ชอบทดลอง ทำเอง เพื่อเรียนรู้
           -  ต้องการที่จะรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ และต้องการจะรู้(ให้มากกว่า)ในสิ่งที่เพื่อนรู้
           -  ชอบเลียนแบบ (ดารา ศิลปิน คนเก่ง) 

 

1.4  ต้องรู้ว่า ... นักเรียนไม่ต้องการอะไร เช่น
          - ไม่ชอบให้ผู้ใหญ่ (ครู อาจารย์ ผู้สอน) ดุว่า อย่างไร้เหตุผล
          - ไม่ชอบความจำเจ น่าเบื่อ เพราะมีสมาธิสั้น
          - ไม่ชอบติดกรอบ ระเบียบ ที่มากและบ่อยเกินไป
          - ไม่ชอบการสอบวัดผล !!!ฯลฯ

    

 

 

2. มีเคล็ดลับการสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนอยากเรียนรู้
            
           “การสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้  ให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้นั้นจำเป็นต้องมีปัจจัยหลายประการ 
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง  คือ  การสร้างแรงจูงใจในการเรียนให้เกิดขึ้นกับนักเรียน  โดยครูเองจะต้องเป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น
และหมั่นสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนของตนเองอย่างสม่ำเสมอด้วย” 

          การสร้างแรงจูงใจในการเรียน  8 ประการ ( ของ เท็ด นัสโบม   ครูผู้มีประสบการณ์สอนในระดับชั้นประถมศึกษา มากว่า 10 ปี  ในโรงเรียนไวเทเคอร์   มลรัฐโอเรกอน ในสหรัสอเมริกา )

 

2.1  ใช้ความกระตือรือร้นและตื่นเต้น
                  สิ่งหนึ่งที่ทำให้ครูรู้สึกตื่นเต้น  คือ  การได้เห็นเด็กๆ เรียนรู้ และครูก็มักจะให้เด็กรู้ว่าครูตื่นเต้นด้วย ครูต้องพยายามบอกเด็กๆ ว่า " ยังมีเรื่องอีกมากมายที่พวกหนูต้องเรียนรู้ และเป้าหมายของครูคือสอนให้พวกหนูเป็นผู้เรียนที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา"  ครูต้องหาทางที่จะกระตุ้นหรือหล่อเลี้ยงความกระตือรือร้น และความน่าตื่นเต้นของตนเองให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ เนื่องจากท่าทีในการสอนและการเรียนรู้ของครู จะส่งผ่านไปยังนักเรียนทำให้นักเรียนอยากเรียนรู้ด้วย

 

2.2  การตั้งเป้าหมายให้สูง
                  ครูต้อง  ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ของนักเรียนทุกคนให้สูงไว้  และพยายามจะสื่อไปถึงนักเรียนว่า "ความคาดหวังของครูคือ การที่นักเรียนสามารถบรรลุเป้าหมายในการเรียนที่ครูวางไว้" หากครูตั้งเป้าหมายไว้สูง เด็กมีแนวโน้มจะเรียนรู้ได้ดี  ในทางตรงข้าม ถ้าครูตั้งเป้าหมายต่ำ เด็กจะลดระดับการแสดงออกทางการเรียนของตนเองให้ต่ำลง เท่ากับความคาดหวังของครู

2.3  การสร้างทางเลือก
                  ครูต้อง เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ฝึกฝนการเลือก ตัวอย่างเช่น  เมื่อครูแจกกระดาษแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์  ในคำสั่งระบุว่าเด็กสามารถเลือกทำโจทย์ข้อที่เป็นเลขคู่ หรือ เลขคี่ก็ได้ จากนั้นครูจะบอกต่อว่า "แต่ถ้านักเรียนเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ นักเรียนควรจะแก้โจทย์ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้เสร็จ" ในการใช้เทคนิคนี้ เป็นไปเพื่อ "เปลี่ยนวิธีการออกคำสั่งให้เป็นเรื่องของการท้าทาย" และมักพบว่ามีเด็กจำนวนถึงร้อยละ 90 ที่เลือกแก้โจทย์ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งต่อจนเสร็จ เพราะเด็กต้องการจัดตนเองอยู่ในกลุ่มคนที่มีความขยันหมั่นเพียร


2.4  สร้างความรับผิดชอบ
                  ถึงแม้ว่านักเรียนจะมีโอกาสในการ ฝึกฝน การเลือก แต่ครูก็ต้องถ่วงดุล การมีอิสระนั้นโดยให้เด็กมีความรับผิดชอบ เช่น "เมื่อนักเรียนรู้ว่าตนเองต้องมีความรับผิดชอบ นักเรียนจะเกิดแรงจูงใจที่จะเรียนรู้อย่างน่าทึ่ง" ในแต่ละครั้งที่สอน  ครูอาจเลือกเด็กนักเรียน 1 คนและมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลเรื่องการเข้าชั้นเรียนของเพื่อน ๆ ในห้อง ซึ่งพบว่าเด็ก ๆ จะสนุกกับความรับผิดชอบ แม้แต่การเปิดประตูให้เพื่อน ๆ เดินเข้าห้อง ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ครูแสดงให้นักเรียนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็น  เรื่องของคนที่น่ายกย่อง

 

 2.5  เน้นเสริมแรงด้านบวก
         เวลาให้คะแนนนักเรียน ครูควรจะเน้นโจทย์ที่เด็กตอบถูก เช่น ทำได้ 43 จาก 50 ข้อ   มากกว่าบอกว่าเด็กทำผิด 7 ข้อ เมื่อเด็กแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้สำเร็จ ครูจะเขียนคำว่า "ดี" ลงไป และเพิ่มคะแนนเป็น 50 ในกระดาษคำตอบนั้น ในกรณีที่เด็กบ่นว่า "หนูเหลืออีก 7 คะแนนเองก็จะได้เต็ม" ครูจะตอบเด็กว่า "หนูได้ตั้ง 43 เต็ม 50 แน่ะ หนูทำได้ดีแล้ว" เป็นต้น


 2.6  เน้นการเรียนแบบร่วมมือ
                นักเรียนจะต้องมีสำนึกในเรื่องของความรับผิดชอบและการถูกตรวจสอบกับเพื่อนนักเรียนด้วยกันมากกว่าครู   โดยให้นักเรียนฝึกฝนการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันในกลุ่มเพื่อน โดยพยายามจัดให้เด็กที่มีลักษณะเป็นผู้นำ 1 คนกระจายอยู่ในแต่ละกลุ่ม เป็นต้น  และพบว่านักเรียนมีแนวโน้มที่จะสร้างแรงจูงใจซึ่งกันและกัน  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกลุ่ม โดยนักเรียน แต่ละคนจะมีจุดแข็งหรือความรู้สึกท้าทายเฉพาะตัว ซึ่งหากไม่มีสิ่งนี้จะไม่มีทางบรรลุเป้าหมายของกลุ่มได้


 2.7  เน้นการให้กำลังใจ
                 เมื่อสังเกตเห็นว่านักเรียนคนไหนกำลังประสบปัญหาหรือรู้สึกไม่สบายใจ  ครูต้องพยายามมองหาจุดชมเชย  จากการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเด็ก เป็นต้นว่า เมื่อเด็กเก็บเศษกระดาษที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ครูก็จะพูดชมเชยเด็กและให้รางวัล เนื่องจากเขาเชื่อว่าการที่เด็กได้กระทำดีแล้วครูชม  แม้ว่าจะเล็กน้อยในวันที่เด็กประสบปัญหาหรือไม่สบายใจ จะช่วยดึงนักเรียนให้กลับมาสู่การเรียนรู้ได้ตามปกติ  ครูควรใช้กิจกรรมที่แตกต่างหลากหลายในการให้กำลังใจเด็ก บางครั้งครูจะร้องเพลงนำ  แฮปปี้เบริ์ดเดย์ในวันเกิดของเด็ก เป็นผู้นำในการทำห้องเรียนให้มีชีวิตชีวา ในกรณีที่เด็กบางคนมีปัญหาหรือรู้สึกไม่สบายใจ ครูจะจัดกิจกรรมหรือใช้วิธีการพิเศษที่จะทำให้เด็กมีความสบายใจขึ้น 


2.8  ยึด กฎและกติกา
                  เพื่อให้ห้องเรียนดำเนินไปอย่างราบรื่น ครูจำเป็นต้องฝึกทักษะในการจัดการกับพฤติกรรมด้านลบของเด็กบางคน  เมื่อเด็กทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ครูรู้สึกโกรธ  ครูต้องใช้โอกาสนี้ในการสอนเด็ก

                                                     


                  ข้อคิดฝากไปถึงเพื่อนครู  " เมื่อครูรู้สึกสนุก เด็กจะรู้สึกสนุกไปด้วย และเมื่อครูสร้างแรงจูงใจให้แก่ตนเอง นักเรียนจะเกิดแรงจูงใจเช่นเดียวกัน "

                                            

           ขอเป็นกำลังใจให้ครูผู้สอนทุกท่าน ได้สร้างแรงจูงใจ ให้นักเรียนใฝ่เรียนใฝ่รู้  มีความกระตือรือร้น ในการเรียนเพื่อพัฒนาคุณภาพนักเรียนและยกระดับผลสัมฤทธิ์การเรียนให้สูงขึ้นต่อไป

 

     

P

ครูสุภาภรณ์
ครูสุภาภรณ์ พลเจริญชัย
โรงเรียนเทศบาล4(เพาะชำ)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.sahavicha.com/?name=article&file=readarticle&id=42

หมายเลขบันทึก: 460831เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2011 21:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เยี่ยมเลยค่ะ  ขอชื่นชม  เป็นกำลังใจให้นะคะ

สวัสดีค่ะ คุณ Ico48ครูอ้อย แซ่เฮ  ยังเป็นคนเก่งและน่ารักเสมอมาเลยนะคะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท