พวกเราคณะวุฒิอาสา 5 คน(เกษียณแล้วทุกคน)เพิ่งเสร็จภารกิจติดตามการดำเนินงานคัดเลือกครูสอนดีและครูผู้รับทุนครูสอนดี 14 จังหวัดภาคใต้ (Node 6 ภาคใต้) ของ สสค. โดยจังหวัดนราธิวาส เป็นจังหวัดที่ 14 จังหวัดสุดท้าย เราได้ผ่านเหตุการณ์ทั้งสนุก ตื่นเต้น และเสี่ยงภัยมาทุกรูปแบบ เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกในการดำเนินงานโครงการ จึงอาจมีปัญหาเรื่องการสร้างความเข้าใจกันบ้าง แต่ในที่สุดทุกจังหวัดพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นโครงการที่ดีมาก ปฏิรูปวิธีทำงานตามวัฒนธรรมเดิมมาเป็นให้ท้องถิ่นร่วมกับภาคีทั้ง 5 ภาคส่วน มาร่วมกันคิด ร่วมกันทำ จึงดูเป็นโครงการที่มีชีวิตมากๆ
ผมได้ลองเขียนบทสรุปเบื้องต้น ที่เราพบข้อสังเกต ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 14 กันยายน 2554 เขตพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ (Node 6)มาแลกเปลี่ยนกันครับ
1. การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการคัดเลือกครูสอนดีและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่น
1.1 ทุกจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการที่มีองค์ประกอบทุกภาคส่วนตามแนวทางที่กำหนดในโครงการสังคมไทยร่วมกันคืนครูดีให้ศิษย์เชิดชู ยกย่อง “ครูสอนดี”
1.2 กระบวนการแต่งตั้งคณะกรรมการทั้งระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นสอดคล้องกับสภาพการดำเนินงานของแต่ละจังหวัดและท้องถิ่น ภายใต้กรอบหลักเกณฑ์ที่กำหนด ระดับจังหวัดส่วนใหญ่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ลงนาม มีส่วนน้อยที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามแทน สำหรับระดับท้องถิ่นส่วนใหญ่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้นายอำเภอลงนามแทน มี 1 จังหวัดที่ผู้ว่าราชการมอบหมายให้ผู้บริหารท้องถิ่นลงนามแทน
1.3 รายชื่อบุคคลที่เป็นประธานและเลขานุการ แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันตามความต้องการจำเป็นและตามความลุ่มลึกในการสรรหาและแต่งตั้ง บางจังหวัดมีกระบวนการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ รอบแรกก่อน แล้วคัดเลือกเหลือ 3 คน และคณะกรรมการฯเลือกประธาน 1 คนจากผู้ทรงคุณวุฒิ บางจังหวัดก็พยายามประสานผู้ที่มีบารมีเป็นที่ยอมรับในจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งทำให้การดำเนินงานมีความก้าวหน้าที่เห็นได้อย่างเด่นชัด
1.4 บางจังหวัดมีการแต่งตั้งคณะทำงาน/อนุกรรมการ/ผู้ประสานงาน ในการดำเนินงานคัดเลือกครูสอนดี บางจังหวัดแต่งตั้งคณะทำงานประจำศูนย์ประสานงานฝ่ายเลขานุการเป็นการเฉพาะ และแต่งตั้งผู้ประสานงานประจำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บางจังหวัดมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อการจัดทำเกณฑ์การคัดเลือกครูสอนดี และดำเนินการคัดเลือกในขั้นตอนแรกก่อนเสนอคณะกรรมการระดับจังหวัดคัดเลือก บางจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัด มีประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาเพิ่มเติม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานที่ปรึกษา และมีท้องถิ่นจังหวัดเป็นเลขานุการของคณะกรรมการที่ปรึกษา เป็นต้น
2. การกำหนดเกณฑ์การประเมินและแนวทางการดำเนินงาน
2.1 การกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกครูสอนดี ส่วนใหญ่จังหวัดจะกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกครูสอนดีระดับจังหวัดภายใต้กรอบเกณฑ์มาตรฐานครูสอนดีตามโครงการสังคมไทยร่วมกันคืนครูดีให้ศิษย์ยกย่อง เชิดชู “ครูสอนดี” โดยบางจังหวัดมีการกำหนดตัวบ่งชี้เพิ่มเติมตามบริบทของจังหวัด และเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดหลักเกณฑ์และแนวการพิจารณาเพิ่มเติมได้ภายใต้กรอบเกณฑ์การคัดเลือกที่กำหนดไว้ตามโครงการฯ
3. การประสานงานและการสร้างความเข้าใจ
3.1 เกือบทุกจังหวัดมีปัญหาเรื่องการสื่อสารสร้างความเข้าใจระหว่างจังหวัดกับท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้อง วิธีการที่ใช้ส่วนใหญ่จะประสานงานทางหนังสือราชการ และเชิญประชุมคณะกรรมการ จังหวัดใดที่มีการประชุมกันบ่อย ก็สามารถสร้างความเข้าใจ ความตระหนักและเกิดการมีส่วนร่วมดำเนินการได้อย่างทั่วถึง แต่ส่วนใหญ่จะมีการประชุมน้อยครั้ง รวมทั้งคณะกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่ครบ มีการส่งตัวแทนและเปลี่ยนผู้เข้าร่วมประชุมบ่อย ทำให้ขาดความเข้าใจและการดำเนินงานไม่ต่อเนื่อง
3.2 ท้องถิ่นยังมีความรู้สึกว่าเป็นงานฝาก ไม่ใช่งานในหน้าที่โดยตรง จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญในการดำเนินงาน ยิ่งมีระยะเวลาดำเนินการน้อยใกล้สิ้นปีงบประมาณ และไม่สอดคล้องกับงานที่เคยปฏิบัติ และการสื่อสารสร้างความเข้าใจไม่ชัดเจน ก็ยิ่งทำให้ไม่สนใจดำเนินงานมากขึ้น
3.3 การประสานงานทางหนังสือราชการบางจังหวัดมีปัญหาในการตีความเรื่องหน่วยงานที่รับผิดชอบ บางจังหวัดส่งเรื่องไปท้องถิ่นจังหวัด แล้วส่งต่อไปสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา บางหน่วยงานเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องก็เก็บเรื่องไว้ กว่าที่ อบจ. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด จะได้รับเรื่องก็ล่าช้า เป็นต้น
4. การประชาสัมพันธ์
4.1 ทุกจังหวัดเน้นการประชาสัมพันธ์ในภาพกว้างด้วยช่องทางที่หลากหลายตามศักยภาพของแต่ละจังหวัดและหน่วยงานหรือบุคคลที่ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์สื่อสารมวลชนในระดับจังหวัด บางจังหวัดก็จัดทำสื่อต้นแบบหลากหลายกระจายให้แต่ละท้องถิ่นไปขยายผลประชาสัมพันธ์โดยจัดงบประมาณสนับสนุน ซึ่งเกิดผลดีในเชิงการรับรู้ข่าวสารในภาพกว้าง แต่ทุกจังหวัดยังขาดรูปแบบวิธีการที่ชัดเจนในการลงไปในท้องถิ่น เพื่อพูดคุย สนทนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเชิงลึกอย่างทั่วถึง จึงทำให้เกิดปัญหาที่สำคัญที่สุด คือ ท้องถิ่นหรือผู้ปฏิบัติขาดความเข้าใจและความตระหนักในแนวทางการดำเนินงาน
4.2 มีบางจังหวัดที่คณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด ไม่ค่อยเอาใจใส่ในการประสานงานและสร้างความเข้าใจกับท้องถิ่น แต่ท้องถิ่นกลับศึกษาเอกสารและกระตือรือร้นดำเนินการจนเกิดความก้าวหน้าด้วยตนเอง
5. กระบวนการสรรหาและคัดเลือก
5.1 การกำหนดโควต้าของคณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด ให้แต่ละท้องถิ่นไปสรรหาคัดเลือกนั้น มีความหลากหลายแตกต่างกันในแต่ละจังหวัด บางจังหวัดก็เปิดกว้างให้ท้องถิ่นสรรหา/คัดเลือกมา 5 – 20% บางจังหวัดก็กำหนดเฉพาะเพื่อไม่ให้เกิดความยากลำบากในการคัดเลือก เช่น 4% 5% 6% 8% เป็นต้น
5.2 การสรรหาและคัดเลือกครูส่วนใหญ่อยู่ในสถานศึกษา ที่อยู่นอกสถานศึกษาหรือครูสอนเด็กด้อยโอกาส หรือการศึกษาทางเลือก หรือครูภูมิปัญญาท้องถิ่น จะมีน้อยมาก บางท้องถิ่นไม่มีเลย รวมทั้งขาดข้อมูลสารสนเทศครูที่สอนนอกสถานศึกษาด้วย ดังนั้น การคัดเลือกครูสอนดีที่จะได้รับทุนครูสอนดี ส่วนใหญ่จะเป็นครูสอนเด็กด้อยโอกาสในสถานศึกษาเกือบทั้งสิ้น
5.3 มีแนวโน้มว่า มีหลายจังหวัดจะไม่สามารถคัดเลือกครูสอนดีและทุนครูสอนดีได้ครบตามโควต้าที่ สสค. กำหนด รวมทั้งบางท้องถิ่นไม่มีการสรรหาและคัดเลือกครูสอนดี ด้วย มีคำถามมาว่า ถ้าท้องถิ่นใดไม่มีการสรรหาและคัดเลือกครูสอนดีจะผิดไหม? มีคณะกรรมการระดับจังหวัดแห่งหนึ่งตอบไปว่า "คงไม่มีตำรวจจับ แต่ในเมื่อท้องถิ่นใกล้เคียงเขามีการประกาศยกย่องครูสอนดีกัน ท่านจะตอบครูในท้องถิ่นท่าน หรือประชาชนในท้องถิ่นท่านได้อย่างไรว่า ท้องถิ่นท่านไม่มีครูที่สอนดีหรืออย่างไร"
5.5 กระบวนการสรรหาครูในสถานศึกษา เกือบทุกจังหวัด ขาดการมีส่วนร่วมจากภาคี 4 ฝ่าย(ผู้ปกครอง เพือ่นครู นักเรียน ผู้บริหาร) อย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นปัญหาจากการสื่อสารสร้างความเข้าใจ
5.6 การกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือกครูสอนดี เกือบทุกจังหวัดยังเน้นการประเมินเอกสารเป็นสำคัญ แม้บางจังหวัดจะแจ้งว่าไม่ต้องส่งเอกสารมาก แต่ครูก็ยังเตรียมเอกสารมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นความตระหนกว่าจะไม่ผ่านการประเมิน โดยเป็นความเข้าใจตามวัฒนธรรมเดิมของการประเมิน บางจังหวัด บางท้องถิ่น เกรงจะถูกทักท้วง ได้กำหนดหลักเกณฑ์/เครื่องมือประเมินตนเอง ไปประเมินครู/ให้เสนอผลงาน/เชิญมาสัมภาษณ์ ฯลฯ และส่วนใหญ่ครูต้องทำเอกสารเสนอด้วยตนเอง
5.7 การคัดเลือกครูสอนดีในบางท้องถิ่นที่มีสถานศึกษาหลายสังกัด หลายโรงเรียน มีจำนวนครูเป็นจำนวนมาก เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เป็นต้น ซึงคณะกรรมการระดับท้องถิ่นขาดพื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์กับสถานศึกษา และขาดการสื่อสารสร้างความเข้าใจความตระหนักในเชิงลึก ทำให้ไม่มีการสรรหาครูสอนดีในบางโรงเรียน รวมทั้งสัดส่วนการเสนอชื่อครูสอนดีบางท้องถิ่นก็เสนอตามโควต้า/เกินโควต้า แต่บางท้องถิ่นไม่เสนอชื่อครูสอนดีเลย เป็นต้น
ถือเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงพัฒนาในปีต่อๆไปครับ
(ขออภัยที่ไม่ระบุจังหวัด แต่ใช้คำว่า"บางจังหวัด""บางท้องถิ่น"แทน)
ไม่มีความเห็น