ผมได้มีโอกาสฟังคำสัมภาษณ์ของพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี จากรายการ "พื้นที่ชีวิต ตอน วันที่ถอดตัวกู ของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล" ในคลิปที่ ๓ ซึ่งมีคำสอนเกี่ยวกับเรื่อง "ตัวกู ของกู นี่กูนะ" ที่อธิบายไว้ได้อย่างชัดเจน จนอยากให้หลาย ๆ ท่านได้มีโอกาสได้ชมไปพร้อม ๆ กันครับ
(http://www.youtube.com/watch?v=dxiqT48OkAw)
ซึ่งผมได้ลองถอดคำสัมภาษณ์แล้ว Short Note ไว้เล็ก ๆ แต่ความสมบูรณ์คงไม่เท่ากับการรับฟังจากท่านพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ด้วยหูของท่านเอง
ตรงจุดที่สำคัญต่อ "การแลกเปลี่ยนเรียนรู้" ในโลกยุคใหม่ก็คือ
การวิพากษ์คนอื่นอย่างไร้เหตุผล และด้วยความเป็น "ตัวกู ของกู นี่กูนะ" ก็มีการวิวาทะเอาคืนอย่างเผ็ดร้อน ดังนั้น "รู้จำ" "รู้แจ้ง" ยังไม่เพียงพอ ต้องมี "รู้จบ" ด้วย ที่สามารถจะใช้วิจารณญาณที่พร้อมจะรับฟังคำวิพากษ์นั้นด้วยใจที่สงบ
อยากให้ท่านที่เข้ามาชม เข้ามาอ่าน ลองตรองตนดูด้วยเถิดครับว่า เราเป็นหรือไม่ และคิดจะปรับตัวเองให้มีความสุขมากกว่าที่เป็นหรือไม่ หรือพร้อมที่จะวิวาทะกับเขาไปทั่ว เพราะคำว่า "ตัวกู ของกู นี่กูนะ" นี่แหละ
โลกแห่ง Social Network ที่พรั่งพร้อมด้วย Social Media มันพร้อมที่สร้างท่านให้เป็นเช่นนั้นได้จริง ๆ หากท่านไม่มีสิ่งใดประคองใจ
ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ครับ
(คืนนี้นั่งมอง "อนุทิน" พื้นที่สาธารณะแห่งใหม่ของโลก พบว่า "ตัวกู ของกู นี่กูนะ" แบบไม่เกรงใจใคร ด้วยความที่รู้อยู่แล้ว หรือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ตาม มันเบ่งบานอย่างหนัก)
คำดี ๆ จากรายการ "วีรชนคนถูกลืม (ตอนจบ)" ที่ผ่านไปนี้ บอกว่า "การทำความดี ไม่จำเป็นต้องฐานะดีหรือการศึกษาสูง คนจน คนไม่มีการศึกษาสูงก็ทำความดีได้ เพียงแค่ลงมือทำเท่านั้น"
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
สวัสดีค่ะ...
อ่านแล้ว..เข้าใจดีค่ะ..ตัวกู ของกู นี่กูนะ..ชัดเจน
ชีวิตนี้มีเกิด และดับสูญสิ้นไป
จงนึกเสมอว่า.."คนอื่นทุกคน" เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ขอบคุณสำหรับอีกบท ของวิชาตัวเบาคะ :-)
สังเกตการวิพากษ์วิจารณ์ ใน social network มาระยะหนึ่ง..
ปัญหาอาจน้อยลงหากเปลี่ยนทัศนะว่า argument เป็นการ "เชื้อเชิญ" ให้ผู้อื่นพิจารณาตามเหตุ ปัจจัย หาใช่การเอาตนเองไปตัดสินแล้ว "ชี้นำ" ให้คนอื่นเห็นตาม
น่าคิดคะ..รู้จำ รู้แจ้ง และรู้จบ ( จบลงที่ไม่มีอะไรเป็นของ Koo )
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ก่อนเริ่มงานเช้านี้ค่ะ **^_^**
ขอบคุณมากครับ คุณ ครูเล็ก ;)...
การวิพากษ์ที่ไม่ต้องอยู่ใกล้ ที่ไม่เห็นหน้า แต่ทรงไว้ด้วย "ตัวกู ของกู นี่กูนะ" เป็นพฤติกรรมใหม่ที่กำลังซึมซับพวกเราเหล่าคนทำงาน วัยรุ่น วัยเรียนก็เริ่มเป็นมากขึ้น โพสทิ้งไว้แล้วไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่เมื่อถูกวิพากษ์กลับ กิเลส ตัณหาก็จับขึ้นมา ทำให้เกิดการวิวาทะว่า ข้าถูก เอ็งผิด แบบนี้ก็เยอะมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกระดานแลกเปลี่ยนครับ คุณหมอบางเวลา CMUpal ;)...
หากคนไม่เข้าใจเรื่อง "ตัวกู ของกู นี่กูนะ" ก็คงจะทุกข์ไปตลอด และพร้อมที่จะเบียดเบียนคนอื่นไปเรื่อย ๆ โดยไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น แถมตามด้วยขาดความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมอีก สังคมจะแย่ลงและเสื่อมทรามลงครับ
ขอบคุณครับ ;)...
ยินดีและขอบคุณเช่นกันครับ นางฟ้า ชาดา ;)...