ลุงบุญชู......นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่
“ ลุงบุญชูจะได้กลับบ้านแล้วนี่คะ ดีใจไหม ” พยาบาลเดินเข้าไปพูดคุยกับลุงบุญชูที่เตียงผู้ป่วยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแสดงความยินกับความสำเร็จจากฉายรังสีรักษาที่รพ.มหาราชครั้งสุดท้ายในช่วงบ่ายวันนี้ของลุงบุญชู เมื่อมีคำสั่งการรักษาของแพทย์ประจำตัวได้สั่ง Discharge เมื่อพร้อม
“ ไม่ใช่ดีใจธรรมดาๆนะหมอแต่ดีใจสุดสุดต่างหาก แต่ก็คงไม่เท่ายายที่รออยู่ที่บ้านหรอกรายนั้นนะบอกว่าจะรอโทรศัพท์ว่าเมื่อไหร่จะให้ไปรับสักที แต่ผมอยู่ที่นี่ยายก็สบายใจไม่ต้องกังวลใจจนต้องมานอนเฝ้าแล้วไม่ได้ทำมาหากิน ผมบอกแฟนผมว่าอยู่ที่นี่หมอดูแลดีไม่ต้องเป็นห่วง ” ลุงบุญชูพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
“ แล้ววันนี้ยายจะมารับหรือเปล่าคะลุง ” พยาบาลคนเดิมได้ถามขึ้น
“ มาครับ ผมโทรไปบอกแล้วให้มาพร้อมกับรถของเทศบาลผไทรินทร์ที่จะมารับผมกลับบ้าน นี่ยังพูดย้ำยายว่าอย่าลืมเตรียมต้นโบตั๋นมาให้พวกหมอด้วยนะที่บ้านผมมีเยอะแต่มันเริ่มหายากแล้วผมเลยอยากให้หมอได้ปลูกกัน ดอกมันสวยมากเลยนะหมอ ” ลุงบุญชูพูดถึงสิ่งที่จะเตรียมมาให้เจ้าหน้าที่ทุกคนด้วยความภูมิใจ
ลุงบุญชูเป็นผู้ป่วยมะเร็งทวารหนักระยะสุดท้ายที่ผ่านการรักษาด้วยการผ่าตัดเปิดรูทวารทางหน้าท้อง มีสายสวนคาเพื่อระบายปัสสาวะบริเวณท้องน้อยและอยู่ระหว่างการฉายรังสีรักษาจากรพ.มหาราช แต่ที่สำคัญที่สุดลุงบุญชูเป็นผู้ป่วยหัวใจนักสู้คนนึงในบรรดาผู้ป่วยมะเร็งที่มานอนพักอยู่ที่รพ.หัวทะเลเพื่อรอการฉายรังสีรักษาจากรพ.มหาราชพร้อมกับผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกหลายคนเพราะลุงบุญชูเป็นผู้ป่วยที่มีขา 2 ข้างลีบเล็กจากโรคในวัยเด็กจนไม่สามารถเดินได้เหมือนผู้ป่วยคนอื่นและด้วยข้อจำกัดนี้เองจึงต้องใช้แขนแข็งแรงทั้ง 2 ข้างที่มีอยู่สร้างสรรค์งานเพื่อเลี้ยงชีพให้ได้มากที่สุด ภาพการนั่งถักแหสีขาวด้วยความตั้งใจและใส่ใจในรายละเอียดของชิ้นงานบนเตียงผู้ป่วยของลุงบุญชูเป็นภาพที่ชินตาของเจ้าหน้าที่ตลอดจนผู้ป่วยทุกคนในขณะนั้น แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นภาพของวิถีชีวิตท้องถิ่นดั้งเดิมของคนไทยที่หาดูได้ยากยิ่งในปัจจุบันนี้
การที่ถูกส่งตัวจากจ.บุรีรัมย์มารับการรักษาต่อที่รพ.มหาราชนครราชสีมาแล้วได้ย้ายมานอนพักรอการส่งไปฉายรังสีรักษาจนครบที่ รพ.หัวทะเลนั้น ลุงได้เล่าให้ฟังพร้อมน้ำตาแห่งความอัดอั้นตันใจว่าตลอดระยะเวลาที่มานอน รพ.ลูกๆทั้ง 3 คนของลุงไม่เคยได้รู้หรอกว่าพ่อของตนเป็นโรคร้ายรักษาไม่หายรอวันตายเท่านั้นเพราะลุงไม่เคยเล่าให้ฟังเพียงเพราะไม่ต้องการให้ลูกทุกคนเป็นห่วงพ่อ เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ลุงก็ยังต้องการจากลูกๆทุกคนอยู่ก็คือการมาเยี่ยมเยียนของลูกที่รพ.เหมือนคนอื่นๆ แต่สิ่งพ่อคนนี้ที่ได้รับมากที่สุดจากลูกก็เป็นเพียงเสียงผ่านโทรศัพท์เท่านั้นเองดังนั้นลุงจึงต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ในสภาพร่างกายที่มีข้อจำกัดเพื่อดูแลตัวเองและภรรยาตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่ในตอนนี้ ลุงบอกว่าลุงไม่เคยท้อแม้ว่าจะมีร่างกายที่พิการและรู้ว่าท้ายที่สุดตัวเองต้องตายในเวลาอันใกล้นี้ก็ตาม
และนี่คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามสิ่งต่างๆรอบตัวอาจจะร้ายแรงจนเกินที่เราเองจะยับยั้งหรือแก้ไขได้ แต่ในทางกลับกันถ้าเราพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยใช้สติ ก็จะรู้ว่าสิ่งที่ว่าร้ายแรงนั้นก็ยังมิอาจต้านทานจิตใจที่เข้มแข็งของเราที่จะเผชิญให้ผ่านไปได้
ตลอดระยะเวลาของการนอนรักษาตัวที่รพ.หัวทะเลลุงบุญชูได้แต้มสีสันแห่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสร้างบรรยากาศภายในหอผู้ป่วยที่ตกอยู่ในความทุกข์จากการเจ็บป่วยของผู้ป่วยและญาติคนอื่นๆให้คลายลงได้ไม่มากก็น้อย
“ ขอบคุณนะครับหมอที่ดูแลผมเป็นอย่างดี ถึงผมจะเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและต้องตายแน่ๆแต่ผมก็พร้อมจะสู้ ผมไม่เคยท้อเลยเพราะคิดเสมอว่าไม่ช้าหรือเร็วทุกคนต้องตายเหมือนกันทั้งนั้นแต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือยาย เคยอยู่ดูแลกันสองคนตายายมาตลอดถึงผมจะเป็นแบบนี้ยายก็ไม่เคยทิ้งผมไปไหนถ้าผมตายไปยายคงจะลำบากที่ต้องอยู่คนเดียว ลูกๆเขาก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวและทำมาหากินคงไม่มาสนใจแม่สักเท่าไร ” ลุงบุญชูพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ ลุงค่ะเมื่อถึงเวลานั้นลูกๆอาจจะไม่เป็นอย่างที่ลุงคิดก็ได้ อย่ากังวลไปก่อนเลยนะคะทำใจให้สบาย ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไปอย่างเต็มที่และอยู่กับปัจจุบันคะลุง ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวโบราณว่าไว้ยังใช้ได้อยู่นะลุง เจ้าหน้าที่ทุกคนเป็นกำลังใจให้คะ ” พยาบาลให้กำลังใจพร้อมสัมผัสเบาๆที่มือของลุงบุญชู
“ หมอเป็นคนอื่นแท้ๆยังมายืนพูดให้กำลังใจผม ขอบคุณมากครับ ” ลุงบุญชูพูดพร้อมยกมือปาดน้ำตา
“ ถ้ามีอะไรให้ทางเจ้าหน้าที่เราช่วยเหลือก็บอกนะคะ ” พยาบาลพูดทิ้งท้ายก่อนส่งลุงบุญชูขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับบ้านที่บริเวณหน้ารพ.
“ ถ้าผมแข็งแรงตอนอยู่ที่บ้านผมจะถักแหแล้วอยากให้หมอช่วยอุดหนุนผมหน่อยครับ ”
“ ยินดีเลยค่ะลุงเราจะหาลูกค้าให้ ” พยาบาลรับปากด้วยความกระตือรือร้นและภาพที่ได้เห็นก่อนเดินทางของลุงบุญชูคือรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวังและมีความสุข
ลุงบุญชูเป็นอีกหนึ่งบทของบทเรียนในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งแบบประคับประคองของเราชาวโรงพยาบาลหัวทะเลที่ทำให้เรารู้ว่าเวลาในชีวิตแต่ละคนนั้นมีเท่ากันแต่สิ่งที่จะทำให้แต่ละคนเหลือเวลาไม่เท่ากันก็คือ การใช้ชีวิตในปัจุบันอย่างไร้คุณค่าและขาดสติ
ลุงบุญชูเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ขาพิการ เดินไม่ได้ ใส่สายยางปัสสาวะออกทางหน้าท้อง
ขณะนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทำงานหัตกรรมบำบัดโดยการสานแหเป็นการผ่อนคลายและยังสร้างรายได้อีกด้วย มีพยาบาลและ รปภ. ยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ
ปัจจุบันคุณลุงกลับไปพักอยู่ที่บ้าน สานแหแล้วฝากมาขายที่โรงพยาบาลหัวทะเล พร้อมทั้งฝากขนมฝีมือของคุณลุง-คุณป้าคู่ชีวิตมาให้เจ้าหน้าที่รับประทานอยู่เรื่อยๆ วันปีใหม่ก็ยังโทรมาอวยพรปีใหม่ เท่านั้นไม่พอ..คุณลุงยังส่ง sms และ mms มาอวยพรอีกด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่เราพลอยมีความสุขไปด้วย ....ขอบคุณค่ะคุณลุง ที่เป็นตัวอย่างแห่งความสุขและความกล้าหาญให้กับพวกเรา คุณลุงบุญชู......นักสู้ชีวิตผู้ยิ่งใหญ่
ไม่มีความเห็น