NHSO-PCN
เครือข่าย Palliative Care สปสช. NHSO-PCN

เรื่องเล่าประทับใจของรพ.หัวทะเล เครือข่าย รพ.มหาราชนครราชสีมา (ตอนที่ 2 ป้าแหมว)


แม้ยังไม่ถึงเวลาที่ชีวิตหลายชีวิตจะถูกแลกให้เป็นตัวเงินเพื่อมาจุนเจือผู้เป็นเจ้าของ แต่เวลาที่ผ่านไปแต่ละวินาทีก็ไม่อาจจะบอกได้ว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของป้าแหมวจะถูกแลกกับการจากโลกนี้ไปเมื่อใด นี่คงเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่ผู้ชายคนหนึ่งเลือกที่จะแลกกับชีวิตหลายชีวิต เพียงเพื่อได้ดูแลอีกหนึ่งชีวิตในเวลาที่เหลืออยู่ก็เท่านั้นเอง.

แลกชีวิต.......เพื่ออีกชีวิต.......ในเวลาที่เหลืออยู่

ป้าแหมว  คืออีกหนึ่งผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ถูกส่งต่อจากโรงพยาบาลมหาราชฯเพื่อมารอรับการฉายรังสีรักษาและดูแลแบบประคับประคองที่โรงพยาบาลหัวทะเล   ป้าแหมวเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดแพร่กระจายไปที่สมอง    ผลจากโรคทำให้ป้าแหมวของเรามีอาการเวียนศีรษะ  กล้ามเนื้อไม่ค่อยมีแรง  พูดสื่อสารได้ช้ากว่าปกติ   อาการต่างๆเหล่านี้ทำเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่กังวลใจว่าอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับป้าสักวันเพราะตั้งแต่ป้าแหมวมานอนรักษาตัวที่นี่ป้าแหมวของเราไม่มีญาติมาเยี่ยมและเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนเช่นผู้ป่วยคนอื่นๆ   เราจึงต้องเฝ้าระวังและคอยช่วยเหลือป้าแหมวอยู่ตลอดเวลาและเฝ้าคอยว่าเมื่อไหร่จะมีใครสักคนมาคอยดูแลหรืออย่างน้อยมาคอยให้กำลังใจแก่ป้าแหมวของเราก็พอ

“  คุณรัตน์  ลูกชายป้าแหมวต้องการย้ายแกไปนอนที่โรงพยาบาลมหาราชฯ  เขาถามว่าทำไมแม่เขาอาการแย่ลง  ”  เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลส่งผู้ป่วยไปฉายรังสีรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชฯกลับมาแจ้งพยาบาลใน Ward  ด้วยสีหน้าเป็นกังวลใจในคำพูดของผู้เป็นญาติ

“  ใจเย็นๆนะคะพี่กร   เดี๋ยวรัตน์คุยกับญาติของป้าแหมวเองค่ะ  แต่ว่าตอนนี้เรามาช่วยกันนำป้าแหมวลงเตียงเดิมก่อนดีกว่าป้าจะได้พัก  คงจะเพลียมากหลังฉายแสง  ”   พยาบาลกล่าวอย่างเข้าใจในสถานการณ์และเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เจ้าหน้าที่ว่าจะสามารถแก้ไขสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้

หลังจากเคลื่อนย้ายนำป้าแหมวลงเตียงเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พยาบาลได้สอบถามอาการของป้าแหมวและวัดสัญญาณชีพก็พอที่จะประเมินอาการของป้าได้ว่าป้าคงจะเพลียจากการฉายรังสีรักษามากเท่านั้นเอง

 “  ผมจะขอย้ายแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชฯเหมือนเดิมวันนี้   เพราะผมสังเกตว่าแม่อาการแย่ลงจากเดิม  ขาก็ไม่มีแรง  ปวดท้องกินอะไรก็อาเจียน”   ลูกชายกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรนพร้อมแววตาที่กังวลกับอาการของแม่

“  คุณเป็นลูกชายของป้าแหมวหรือคะ  ป้าแหมวมีลูกกี่คนคะ ”   พยาบาลเอ่ยถามหลังจากฟังคำบอกกล่าวของลูกชายอย่างไม่ละเลย

“  2  คนครับ ”  ลูกชายตอบโดยไม่ละสายตาจากแม่ของตน

“  เพิ่งเคยมาเยี่ยมอาการของป้าแหมวครั้งแรกใช่ไหมคะ ”  พยาบาลซักถามด้วยไม่เคยพบหน้าญาติของป้าแหมวมาก่อน

“  ผมมาส่งแม่มานอนที่นี่ในครั้งแรก   แม่ยังมีอาการดีกว่านี้ ”   ลูกชายป้าแหมวชี้แจง

“  ตั้งแต่ป้ามานอนรักษาตัวที่นี่คุณได้คุยอาการของป้ากับคุณหมอบ้างไหมคะ ”   พยาบาลซักถามการได้รับข้อมูลของป้าแหมวจากลูกชาย

“  ก็พอจะรู้บ้างว่าแม่เป็นอะไร ”   ลูกชายให้ข้อมูลแก่พยาบาล

“  ไม่เป็นไรค่ะ  ถ้าอย่างนั้นกรุณารอตรงนี้สักครู่เดี๋ยวจะให้แพทย์ประจำที่นี่มาคุยรายละเอียดให้ฟังและถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวอาการ  การรักษาต่างๆของป้าแหมวให้สอบถามกับคุณหมอได้เลยนะคะจะได้เข้าใจ  ”   พยาบาลเกริ่นให้ข้อมูลในเบื้องต้นแก่ญาติเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนได้พูดคุยจริงกับคุณหมอและเดินจากมาเพื่อเตรียมข้อมูลในการปรึกษาแพทย์

“  อาจารย์สายลักษณ์คะ  มีCase  Palliative Care  ญาติยังไม่ทราบรายละเอียดโรคและอาการ  วันนี้หลังกลับจากฉายรังสีรักษาญาติจะขอย้ายผู้ป่วยกลับไปที่โรงพยาบาลมหาราชฯคะ ”   พยาบาลให้ข้อมูลกับ  Disease  Manager ประจำโรงพยาบาล

“  เดี๋ยวผมของดูข้อมูลของผู้ป่วยทั้งหมดก่อนแล้วค่อยเชิญญาติมาคุยกัน ”   นายแพทย์สายลักษณ์กล่าวพร้อมทบทวนข้อมูลการรักษาจากประวัติการตรวจร่างกายและผลการวินิจฉัยต่างๆที่ส่งมาพร้อมกับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลมหาราชฯ  

                เมื่อทบทวนข้อมูลเรียบร้อยแล้วคุณหมอได้เดินไปตรวจเยี่ยมอาการของผู้ป่วยที่เตียงและได้รับข้อมูลของผู้ป่วยจากญาติเพิ่มเติมอีกครั้ง

                “   หมอตรวจร่างกายแล้วนะครับ   อาการปวดท้องของคุณป้าคงจะมาจากการรับประทานอาหารได้น้อยลงก็เลยแสบท้องเดี๋ยวหมอจะสั่งยาบรรเทาอาการไว้ให้และเดี๋ยวหมอขอคุยกับลูกชายสักครู่นะครับ  ”   หลังพูดจบคุณหมอก็เดินนำหน้าออกมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล

                “   จากการดูประวัติต่างๆของป้าแหมวแล้ว    ทำให้รู้ว่าป้าเป็นมะเร็งปอดที่แพร่กระจายไปที่สมองและสมองของคนเราควบคุมเคลื่อนไหวของแขนขา  การพูดฯก็เลยทำให้ป้ามีอาการต่างๆอย่างที่ลูกเห็นนั่นแหละครับและการไปฉายรังสีรักษาก็เป็นการไประงับอาการที่ผิดปกติดังกล่าวแต่ก็ไม่ใช่การรักษาให้หาย  หมอก็เลยอยากให้ญาติทำใจเกี่ยวกับแม่เผื่อเอาไว้บ้างนะครับ  หมออธิบายมาพอจะเข้าใจบ้างไหมครับและถ้าสังสัยอะไรก็ถามได้และสิ่งที่หมอพูดไปนี้ให้ช่วยไปเล่าให้ญาติคนอื่นๆได้เข้าใจด้วยนะครับ  ”  คุณหมอได้ทำหน้าที่  Disease  Managerอย่างตั้งใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นลูกชายเป็นอย่างดี

                “  ผมเข้าใจแล้วครับและผมก็จะให้แม่นอนรักษาต่อที่นี่  ขอบคุณมากครับหมอ ”

ลูกชายป้าแหมวกล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้แล้วเดินจากไปดูแลแม่ต่อที่เตียง

                วันต่อมาป้าแหมวก็ไร้ญาติมาเฝ้าดูแลเช่นเดิมเป็นเพราะอะไรเมื่อทุกคนน่าจะรู้แล้วว่าป้าเป็นโรคร้ายและรอคอยวันจากโลกนี้ไปทำไมยังไม่มีญาติมาอยู่ใกล้ชิดในเวลาที่เหลืออยู่อีกไม่นานนี้แล้วของป้าแหมว  

                “  หมอครับ  แฟนผมถ่ายเปื้อนเต็มเตียงไปหมดเลยครับ  ผมขอผ้าเปลี่ยนหน่อยครับ  ”   เสียงแหบพร่าของผู้ชายรูปร่างสูงผอมบาง  ผิวคล้ำเข้ามาขอความช่วยเหลือจากพยาบาลคนเดิมในเวรเช้าวันใหม่ด้วยแววตาซื่อ

                “  ลุงเป็นญาติของเตียงไหนคะ  เดี๋ยวหมอจะไปช่วยเปลี่ยนผ้าให้ค่ะ ”  พยาบาลสอบถามกลับเนื่องจากไม่คุ้นหน้าตาญาติคนนี้เลย

                “  ผมเป็นแฟนนางแหมวครับ ”   ญาติตอบพร้อมชี้ไปที่เตียงผู้ป่วย

                หลังจากทำความสะอาดเปลี่ยนผ้าของป้าแหมวเรียบร้อยแล้ว   พยาบาลคนเดิมก็ได้เชิญสามีของป้าแหมวมานั่งพูดคุยที่หน้าเคอน์เตอร์

                “  ลุงยังไม่เคยมาเฝ้าป้าแหมวที่นี่เลย  แล้วพอจะทราบอาการของป้าจากลูกชายของลุงบ้างไหมคะ  ”   พยาบาลซักถามเพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นของการเริ่มสนทนา

                “  เมื่อวันก่อนลูกชายคนเล็กผมมาเยี่ยมแม่เขา  แล้วกลับไปเล่าให้ฟังว่าหมอคุยให้ฟังว่าแม่เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายและแม่ก็อาการไม่ดีเลย  ผมก็ไม่เคยมาเยี่ยมแฟนผมสักทีเคยแต่พาไปรักษาที่คลีนิคในอำเภอพิมายตอนนั้นก็เริ่มมีปวดหัว  หมอก็บอกว่าเป็นความดันสูงให้น้ำเกลือแล้วก็กลับบ้าน  แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น  ก็เลยพามารักษาที่โรงพยาบาลพิมายพอหมอตรวจน้ำไขสันหลังแล้วก็เลยส่งตัวมาที่โรงพยาบาลมหาราชฯ  แล้วหลังจากนั้นลูกชายสองคนเขาก็มาเฝ้าดูแลแม่เขาเองและช่วงที่แม่เขาไปฉายแสงลูกชายคนเล็กจะไปรออยู่ที่โน่นเพื่อคอยดูแลแม่เขา  ลูกชายคนโตก็เพิ่งลางานครบกลับไปทำงานแล้ว  ส่วนผมก็เป็นห่วงแฟนเหมือนกันแต่ที่บ้านมีวัวอยู่  8  ตัวที่ผมต้องเลี้ยงเองและก็ต้องดูแลบ้าน  แต่พอเมื่อวานลูกชายคนเล็กไปเล่าให้ฟัง  ผมก็ยิ่งเป็นห่วงแฟนก็เลยตัดสินใจขายวัวที่เลี้ยงไป  7  ตัวเพื่อหาเงินค่ารถและค่าอยู่กินช่วงที่มาอยู่เฝ้าเขา   เหลือเอาไว้เวลาเงินขาดมือจริงๆแค่ตัวเดียว  ตัดภาระที่บ้านก็จะได้มาอยู่เฝ้าดูแลและเป็นกำลังใจให้เขาใกล้ๆ  และยิ่งพอมาเห็นสภาพเขาแล้วผมก็สงสาร เขาไม่หลับไม่นอน  ดึงอะไรๆไปทั่วพลอยทำให้ผมต้องคอยลุกขึ้นมาถามอยู่ตลอดว่าต้องการอะไรแต่ก็คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง  ”   ลุงพูดคุยพร้อมน้ำตาคลอๆเสียงสั่นเครือเมื่อพูดถึงภรรยาและสภาพชีวิตที่ดำเนินอยู่

                “  แล้วลุงจะทำอย่างไรต่อไปคะเมื่อเห็นอาการของป้าด้วยตาตัวเองแบบนี้แล้ว ”  พยาบาลถามกลับด้วยความซึ้งใจในความรักและเป็นห่วงของลุงที่มีต่อป้าแหมว

                “  ผมก็คงต้องดูแลแฟนผมต่อไปให้ดีที่สุด  แต่ผมก็ทำใจกับลูกไว้บ้างแล้วเพราะยังไงทุกคนก็ต้องตายเหมือนกัน  แต่ก็ไม่อยากให้เขาทรมานมาก  ”   ลุงพูดด้วยแววตาเศร้า

                “  ก็ขอเป็นกำลังใจให้ลุงนะคะ   และถ้าลุงต้องการให้เราช่วยเหลือในเรื่องเกี่ยวกับการดูแลป้าก็ให้บอกถ้าเราทำได้เราก็ยินดี   แต่ตอนนี้ลุงเตรียมตัวไปส่งป้าไปฉายแสงที่โรงพยาบาลมหาราชก่อนนะคะรถที่จะไปส่งพร้อมแล้วค่ะ ”   พยาบาลเอ่ยให้กำลังใจและสร้างความเชื่อมั่นในการให้การช่วยเหลือที่พร้อมจะให้เมื่อลุงต้องการ

หมายเลขบันทึก: 457195เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2011 12:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2012 21:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท