คงไม่มีอีกแล้ว....
คงไม่มีอีกแล้ว....เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ถามว่าอยากฟังประวัติผมไหม
คงไม่มีอีกแล้ว....อาหารสุดวิเศษข้าวเหนียวจิ้มปลากระป๋อง
คงไม่มีอีกแล้ว....เสียงบ่นว่าหมวกไปไหน ขวดน้ำไปไหน บัตรไปไหน
คงไม่มีอีกแล้ว....เสียงร้องของกบไชโย ที่ดังระงมไปในค่าย
คงไม่มีอีกแล้ว....ไข่ไก่/ปลากระป๋อง ราคาสุดพิเศษ ตามแต่ดวง
คงไม่มีอีกแล้ว....กับคำทวงถามว่าบันทึก...นิราศ เสร็จรึยัง
คงไม่มีอีกแล้ว....สายตาของเพื่อนในกลุ่ม ที่ส่งความรู้สึกตรงกันว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร
คงไม่มีอีกแล้ว....กล้วยฉาบสุดแสนวิเศษ จากคนที่ดูเหมือนจะมีปัญหาที่สุดในอดีต
คงไม่มีอีกแล้ว....ขันโตก สันป่าตอง ที่พวกเราแสนจะประทับใจ
คงไม่มีอีกแล้ว.... สายตาแห่งความห่วงใยของพระอาจารย์ที่เมตตาต่อลูกศิษย์
คงไม่มีอีกแล้ว....เสียงเรียกให้มากินข้าว...เพื่อนรออยู่
คงไม่มีอีกแล้ว....ความระทึกใจที่แทบหยุดหัวใจของทุกคนในเวลาที่เห็นเพื่อนพลัดตกน้ำ
คงไม่มีอีกแล้ว....นักกลอนก่อนตาย ที่สื่อความหมายว่า “กล้าแผ่นดิน” จะอยู่ในหัวใจตลอดไป
คงไม่มีอีกแล้ว....เพื่อน ที่ยิ่งกว่าเพื่อน พี่ ที่ยิ่งกว่าพี่ พระอาจารย์ ที่ยิ่งกว่า คนในครอบครัว
คงไม่มีอีกแล้ว....ค่ายฯ ที่แสนจะยาวนาน สร้างตำนานการอยู่ค่ายที่นานกว่าใคร
คงไม่มีอีกแล้ว....เสียงเร่งว่าให้อาบน้ำเร็วๆเรารออยู่ (ยกเว้นที่ดอยอินทนนท์)
คงไม่มีอีกแล้ว....กิจกรรมเลื่อนมรณะ และ วิ่งสู้ฟัด ที่ธรรมชาติเตรียมไว้ให้พวกเรา
คงไม่มีอีกแล้ว....รถส้ม....บริการประทับใจ ถึงไหนถึงกัน นั่งได้ นอนได้
คงไม่มีอีกแล้ว....ยืนแปรงฟันบนสะพานลอย แบบไม่แคร์สื่อ
คงไม่มีอีกแล้ว....น้ำเขียว น้ำแดง ที่แสนกลมกล่อม
คงไม่มีอีกแล้ว....น้ำเงี้ยว ที่ได้ยินทีไรต้องอมยิ้มไปตามๆกัน
คงไม่มีอีกแล้ว....สุกี้น้ำ...ที่ตามหลอนเรา ตั้งแต่แรกยันวันสุดท้าย ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
อ่านแล้วเศร้า คะ พระอาจารย์
ขอบใจคุณกระติก
เป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์เด็กๆ ตอนอยู่ค่ายก็บ่นบ้าง ลำบากบ้าง ร้องไห้ หัวเราะ ซึม ระรื่น ปีติ หลากอารมณ์ (แกล้ง)ไล่กลับก็ไม่กลับ ก่อนมาถามว่า ทำไมค่ายนานจัง พอวันจะกลับ ถามว่าทำไมไวจัง......