บันทึกภารกิจกล้าอาสา ครั้งที่ ๑๗
ประจำวันอังคารที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒
โดย ทีมงานกลุ่มสีฟ้า
โบกรถ...สุดระทึก
วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วของการเข้าค่าย ตื่นเช้ามาพวกเราต่างทำภารกิจส่วนตัว พระอาจารย์นัดเข้าประชุมหลัง จากนั้นพระอาจารย์ให้ส่งตัวแทนไปทำอาหารเช้า ๒ คน และได้จัดแบ่งเวรทำความสะอาด เมื่อทุกคนในค่ายทำภารกิจเสร็จก็มีการแสดงจากพี่ๆ โดยมีพี่จูมง พี่มังกร มาเล่นดนตรีให้ฟัง แล้วพระอาจารย์ก็เล่าให้ฟังว่าพระพุทธเจ้าเคยแต่งเพลงและเพลงนั้นพระพุทธเจ้าแต่งให้กับพ่อที่ถูกลูกทิ้งจนในที่สุดลูกก็ต้องละอายแก่ใจตนเองกับการกระทำของตนเอง
พระอาจารย์บรรยายเสร็จ พวกเราก็ไปสักการะหลวงพ่อเมตตาพอสักการะเสร็จก็เตรียมตัวจะขนสัมภาระขึ้นรถ ปรากฏว่ามีคนลืมของใช้ส่วนตัวเช่น ผ้าห่ม กางเกงใน เสื้อ ถุงเท้าแล้วที่สำคัญไปกว่านั้น มีบุคคลหนึ่งใส่รองเท้าของวัดออกมา จึงเป็นสาเหตุการลงโทษโดยพระอาจารย์ให้พวกเราทุกคนรวมทั้งพี่เลี้ยงล้อมวงเป็นวงกลมแล้วหลังจากนั้น พระอาจารย์ก็ให้ใช้ปากคาบของทุกชิ้นห้ามใช้มือในการช่วยถ้าหากคนใดใช้มือแตะ จะต้องเริ่มต้นคาบใหม่ตั้งแต่หัวแถว ตอนแรกคิดว่าต้องคาบกางเกงในแล้วแต่โชคดีพระอาจารย์ไม่ให้คาบ (แต่หารู้ไม่ว่า ถุงเท้าที่เราคาบมีกางเกงในอยู่ในนั้น)
เมื่อถูกลงโทษเสร็จพวกเราทุกสีก็ไปทำภารกิจคือ การโบกรถ พวกเราทุกสีเริ่มโบกรถเพื่อเดินทางไปที่วัดร่องขุ่น โดยให้ทุกสีถ่ายรูปรวมกับ อาจารย์ เฉลิมชัย พอออกมาจากวัดร่องขุ่นพวกเราทุกสีก็ต้องโบกรถตรงสามแยกวัดร่องขุ่นโดยทุกสีจะได้รถที่แตกต่างกันไป จุดเป้าหมายต่อไปทุกสีต้องถ่ายรูปกับป้ายโรงเรียนหลายโรงเรียนมี โรงเรียนพานพิเศษพิทยา , โรงเรียนแม่ใจวิทยาคม , โรงเรียนไชยพันธ์พงศ์ , วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีและถ่ายรูปกับประตูวิหารพระเจ้าตนหลวง ของวัดศรีโคมคำระหว่างการเดินทางไปที่ต่างๆ แต่ละที่ ทุกสีก็ขอรับเงินบริจาคเพื่อเป็นทุนพัฒนาโรงเรียนบ้านขุนวง ภารกิจสุดท้ายของการโบกรถ ครั้งนี้เหล่าต้นกล้า ๗๑๗ คือการเดินทางไปยังวัดราชคฤห์ ซึ่งพวกเราต้นกล้าใช้เป็นที่พักในค่ำคืนของวันนี้
จากนั้นพวกเราต้องรอให้ทุกสีมาครบก่อน สีแรกที่มาถึงคือสีม่วง สีที่ถึงสุดท้ายคือ สีเขียวหลังจากที่มาครบพวกเราทุกคนก็ไปทำความสะอาดบนศาลาและพระอาจารย์ก็ให้ทำภารกิจส่วนตัวแล้วจึงเดินทางไปกว๊านพะเยา ระหว่างทางพากเราก็ผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมืองของจังหวัดพะเยา เมื่อพวกเราเดินทางไปถึงกว๊านพะเยาพวกเราก็ไปได้สักการะพ่อขุนงำเมือง จากนั้นพระอาจารย์ก็เรียกรวมเพื่อให้พวกเราเตรียมตัวรับฟังการบรรยายประวัติจังหวัดพะเยาจาก นางอนุตรา สิทธิกุล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา โดยเล่าเรื่องย่อพอสังเขปว่า “กว๊านพะเยา” เดิมชื่อว่า “หนองเอี้ยง” เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ ๓ ของประเทศไทย สาเหตุที่ทำให้กว๊านพะเยามีชื่อว่าหนองเอี้ยงนั่นก็เป็นเพราะ ในสมัยพุทธกาล พระโพธิสัตว์ (พระพุทธเจ้า) ได้เสวยชาติเป็นนกเอี้ยงแล้วมาดื่มน้ำที่หนองแห่งนี้ จากนั้นมีเหยี่ยวตัวหนึ่งมาเห็นเข้า จึงไล่จับเพื่อเป็นอาหาร เมื่อเป็นเช่นนั้น พระพุทธเจ้าจึงหายตัวไปจนทำให้เกิดเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เมื่อก่อนแม่น้ำจังหวัดพะเยาจะมีปลาหลากหลายสายพันธุ์ เช่น ปลานิล ปลาหมอเทศ ฯลฯ พะเยาเป็นแหล่งเพาะพันธ์ปลาบึก พะเยาเป็นจังหวัดแรกที่ผสมเทียมได้สำเร็จปลาบางชนิดก็สูญพันธุ์ไปแล้ว
คำขวัญจังหวัดพะเยา
“ กว๊านพะเยาแหล่งชีวิต ศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตนหลวง
บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง งามลือเลื่องดอยบุษราคัม ”
หลังจากวิทยากรพูดจบ พระอาจารย์ให้เหล่าต้นกล้าออกมาพูดถึงความรู้สึก แล้วพวกเราก็กินข้าวแล้วยังมีไอศกรีมด้วย ชมรมจากพะเยาเลี้ยงข้าวเหนียวหมู ส่วนไอศกรีมหลวงพ่อเจ้าอาวาสเลี้ยง พอกินเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็ได้ปล่อยโคมทุกคนมีสีหน้าที่ตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ปล่อยโคมและทางเรายังรู้มาอีกว่าการปล่อยโคมครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกของใครหลาย ๆ คน จำนวนโคมที่ปล่อยคือ ๑๔ อัน เหล่าต้นกล้าร่วมถ่ายรูปกันตรงอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมืองถ่ายเสร็จก็เดินทางกลับวัด พวกเราก็ผ่านศาลเจ้าพ่อหลักเมืองอีกครั้ง ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองของจังหวัดพะเยา มีอาณาเขตบริเวณใหญ่มาก สวยงาม
เมื่อทุกสีกลับถึงวัด พระอาจารย์ก็เรียกประชุมแล้วให้ดู VDO โดยมีพี่เบสเป็นผู้บรรยายใน VDO พี่เบสได้พูดถึงว่า “เพื่อนคือสิ่งสำคัญสำหรับเราเวลาที่ทะเลาะกันก็อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไปเราควรที่จะปรับความเข้าใจกันไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจจะเกิดขึ้นได้เพราะฉะนั้นเราควรจะสนใจคนข้างๆตัว เพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง”
พระอาจารย์ให้พี่ต้อม ออกมาพูดเรื่องค่ายอาสารุ่นแรกพี่เขาบอกว่า กล้าอาสารุ่นแรกจะมีความลำบากมากกว่ารุ่นนี้ เพราะเวลาทำกิจกรรมก็มักจะมีฝนตกตลอด นอนก็นอนไม่ได้ฝนตกหนักมาก เมื่อพี่ต้อมบรรยายเสร็จทุกกลุ่มจะต้องมีคำถามกลุ่มละคำถาม เมื่อทุกสีถามเสร็จก็จบการประชุมประจำวันเพื่อให้ต้นกล้าทุกสีได้ประชุมกันภายในกลุ่ม และเข้านอนในเวลาต่อมา
gggggggggg
คำคมประจำวันนี้
“ทุกความพยายาม ย่อมมีจุดมุ่งหมาย”
ไม่มีความเห็น