เช้าวันที่ ๑๑ มิ.ย. ๕๔ ผมไปถึงอุทัยธานีเวลา ๘.๓๐ น. ท่านรองอธิการบดี นพ. สมพงษ์ ยูงทอง บอกว่าเดินทางต่อไปห้วยขาแข้ง ไปถึง ๑๐ โมง นกกินอิ่มไปนอนพักผ่อนหมดแล้ว ไม่มีนกให้ดู ไปเดินชมเมืองอุทัยกันดีกว่า เพราะยังรักษาวัฒนธรรมเก่าๆ ไว้ได้ดี
หมอสมพงษ์ตามคุณวิไลวรรณ เอ็นจีโอใหญ่เมืองอุทัย ที่ทำงานวิจัยท้องถิ่นด้วยทุน สกว. ได้ผลดีเป็นที่เลื่องลือมาร่วมกิจกรรมดูนกและอธิบายเรื่องการอนุรักษ์ป่ารอยต่อกับเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งด้วย และได้โอกาสพาเดินชมตลาดเมืองอุทัย เดิมท่านเป็นนักเทคนิคการแพทย์ทำงานอยู่ที่ รพ. อุทัยธานี
เดินผ่านร้านโจ๊กลือชื่อของเมืองอุทัย ก็ต้องกินเสียหน่อย เป็นการกินเชิงวัฒนธรรม เมืองเก่ามีของกินเชิงวัฒนธรรมมาก ผมได้กินขนมปังใส้สังขยาเจ้าดั้งเดิม ขนมแคะเจ้าดั้งเดิมที่ทำขายมากว่า ๔๐ ปีแล้ว ได้เดินชมถนนโรงยา (หมายถึงโรงยาฝิ่น) และได้ฟังคุณนกเขา (ชื่อเล่นที่กลายเป็นชื่อที่เรียกกันทั่วไป) เล่าเรื่องเก่าของเมือง ที่เกิดไฟไหม้ราบทั้งเมืองเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๘ และสมเด็จพระ--- ซึ่งเป็นชาวอุทัยได้ไปขอเงินจากกรมการศาสนามาสร้างตลาดใหม่ ตลาดนี้จึงเป็นของกรมการศาสนามาจนบัดนี้
ผู้มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่งที่เกิดที่เมืองอุทัยคือหลวงวิจิตรวาทการ และผมมีเพื่อนเป็นคนอุทัยหลายคน เช่น ศ. ดร. อารันต์ พัฒโนทัย, ศ. ดร. ประเสริฐ โศภณ สองท่านนี้เป็นเมธีวิจัยอาวุโส สกว., นพ. สมเกียรติ ภิยโยทัย อดีตผู้อำนวยการ รพ. อุทัยธานีผู้ล่วงลับ เป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกันที่ศิริราช และเคยอยู่หอนายสง่าด้วยกัน
เมืองอุทัยฮวงจุ้ยดีมาก คือหันหน้าลงน้ำ คือแม่น้ำสะแกกรัง และหันหลังให้ภูเขา ซึ่งก็ชื่อเดียวกัน เราไปเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำ ที่เป็นสะพานคนเดินและรถจักรยานและจักรยานยนต์ก็ข้ามได้ ได้เห็นบ้านคุณแม่ของ อ. แก้วสรร – ขวัญสรวง อติโพธิ เรือนแพของคุณนิลฉวี ภรรยาของ อ. สุลักษณ์ ศิวรักษ์
ได้เห็นวัดโบสถ์ ที่ ร. ๕ เสด็จมาและสร้าง --- ถวายวัดไว้ หน้าวัดมีพลับพลาแพลอยน้ำ ที่สร้างเป็นที่ประทับของ ร. ๕ ตอนเสด็จประพาส และยังรักษาไว้ในสภาพดี เป็นสมบัติสาธารณะ ที่ไหนมีงานริมแม่น้ำ ก็ลากเรือนแพไปใช้จัดงาน ดีจริงๆ เราได้เห็นเรือนแพที่ยังมีคนอยู่จริงๆ จำนวนมาก บางหลังมีกระชังเลี้ยงปลาไว้ใต้บ้าน หรือติดกับบ้าน
วิจารณ์ พานิช
๑๗ มิ.ย. ๕๔
เขาสะแกกรัง และป้ายเมืองพระชนกจักรี พระชนกของ ร. ๑ เป็นคนเมืองนี้
|
ร้านไพพรรณ ขนมปังสังขยาต้นตำรับ มรว. ถนัดศรีชวนชิม
|
วงเวียนใจกลางเมืองอุทัย
|
วัดโบสถ์กับแพพลับพลา ร. ๕
|
สะพานคนเดิน ข้ามแม่น้ำสะแกกรัง
|
สะพาน วัดโบสถ์ และแพพลับพลา
|
สวนเทศบาลริมน้ำสะแกกรัง ถ่ายจากบนสะพาน
|
เรือนแพเรียงรายริมแม่น้ำ
|
บนสะพาน
|
เรือนแพ...สุขจริงอิงกระแสธารา
|
ภูเขา ตลาด แม่น้ำ และพลับพลาแพลอยน้ำ
|
ถนนตรอกโรงยา อาคารไม้เหล่านี้สร้างปี ๒๔๗๙ หลังไฟไหม้
|
ร้านหมอวิรัติ ผู้ผลิตยาหอมเลื่องชื่อ
|
บ้านนกเขา บ้านเก่าเล่าอดีต
|
คุณนกเขากำลังเล่าเรื่องเก่าด้วยความสุข ความภาคภูมิใจในเรื่องราวของเมืองอุทัย
|
เมืองอุทัย ถ่ายจากเขาสะแกกรัง
|
บ้านผมเองเลยล่ะ และก็ได้ความรู้จากบันทึกอาจารย์ว่า มีบุคคลสำคัญที่คนอุทัยธานี ควรภาคภูมิใจหลายท่าน ขอบคุณจริงๆ นะครับ
ผู้มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่งที่เกิดที่เมืองอุทัยคือหลวงวิจิตรวาทการ และผมมีเพื่อนเป็นคนอุทัยหลายคน เช่น ศ. ดร. อารันต์ พัฒโนทัย, ศ. ดร. ประเสริฐ โศภณ สองท่านนี้เป็นเมธีวิจัยอาวุโส สกว., นพ. สมเกียรติ ภิยโยทัย อดีตผู้อำนวยการ รพ. อุทัยธานีผู้ล่วงลับ เป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกันที่ศิริราช และเคยอยู่หอนายสง่าด้วยกัน เมืองอุทัยฮวงจุ้ยดีมาก คือหันหน้าลงน้ำ คือแม่น้ำสะแกกรัง และหันหลังให้ภูเขา ซึ่งก็ชื่อเดียวกัน เราไปเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำ ที่เป็นสะพานคนเดินและรถจักรยานและจักรยานยนต์ก็ข้ามได้ ได้เห็นบ้านคุณแม่ของ อ. แก้วสรร – ขวัญสรวง อติโพธิ เรือนแพของคุณนิลฉวี ภรรยาของ อ. สุลักษณ์ ศิวรักษ์
คิดว่าคนอุทัยอีกหลายคนก็ยังไม่ทราบเหมือนกันนะเนี่ย
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ ชมภาพแล้วทำให้ระลึกความทรงจำดีๆที่นี่ค่ะ