ไม่ว่าใคร ก็ต้องการความสำเร็จทั้งนั้น ทางหนึ่งที่นิยมทำกันก็คือการซื้อเจ้าหนังสือแนะนำหนทางสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นรวยอย่างบัพเฟท หรือพ่อรวยสอนลูก รวยด้วยหุ้น และอีกมากมายนะ
และที่อยากชวนคุยก็คือการปรับประยุกต์โมเดลหรือการกลับด้านหลักคิดก่อนการนำมาใช้
การเรียนรู้ วางแผน ลงมือปฏิบัติ ในจุดที่เป็นข้อจำกัดของผู้คนส่วนใหญ่
ตรงนี้คือจุดที่น่าจะลงมือทำต่อยอดนะ เพราะตรงประเด็นนำสู่หนทางสู่ความสำเร็จระยะสั้นกว่าแบบที่มีหนังสือแนะนำนะ
การสร้างตนเองด้วยการนำความถนัด ความโดดเด่นทุกจุดในกายตนเป็นฐานของการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จของชีวิต หรือเรียกในภาษาของผมว่า โอท็อปชีวิต หรือ การเป็นโมเดลสุดยอดหนึ่งเดียวในโลก ซึ่งสิ่งดังกล่าวเกิดจากความภูมิใจในความเป็นเรา
ถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วความสำเร็จของเราจะไปไม่ถึงเศษเสี่ยวของบิลเกทก็ตาม ซึ่งก็มีเหตุผลประกอบที่น่าสนใจคือเรากระแทกอุปสรรค์ความท้าทายไปได้น้อย ก็เท่านั้นน่ะครับ
ด้วยจุดของสังคมโดยรวมก็คือ เรามักจะศรัทธาและทำตามคนที่ประสบความสำเร็จ อย่างท่านคณิน เจ้าของซีพี ท่านเฉลียว เจ้าของกระทิงแดง ท่านบิลเกต ท่านแอปเปิล ฯลฯ
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะเค้ามีเรื่องราว ที่บอกถึงการฟันฝ่าสู่ความสำเร็จ มีความมั่งคั่ง ร่ำรวย
ตรงนี้นี่เองที่สร้างความหวัง บีบคั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนในยุคถัดมา เหตุผลก็คือเค้าปรับประยุกต์ใช้ประวัติศาสตร์ของท่านที่เป็นต้นแบบได้อย่างพอเหมาะพอดี
สำหรับคนที่ไปไม่ถึงฝัน ทำอะไรๆ ไปก็กินแห้วตลอด จนไม่กล้าจะคิดจะอ่าน หรือแม้กระทั่งข้าวก็ยังไม่มีกิน หมดเนื้อหมดตัวกันไป แต่ทั้งหมดทั้งปวง ก็มีทางออกนะ โดยยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวในหลวง เพื่อมาเริ่มต้นกันใหม่
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทำตามแบบอย่างของคนประสบความสำเร็จ ?
เมื่อเราทำตามเค้า เราก็สร้างก็อบปี้ธุรกิจขึ้นมาอีกอันหนึ่ง ทำไมโครซอฟท์ออฟฟิซมาอีกชุดหนึ่ง ก็กลายเป็นของเลียนแบบ ผิดลิขสิทธิ์ขายไม่ได้ และหากทำตามท่านอื่นๆ ไปอีกก็จะเกิดการทำซ้ำอีก
ก็ใช้ไม่ได้ ตรงนี้คุณคิดว่าเราควรหยุดคิดซักนิดไหม ?
ฉะนั้นการที่จะประสบความสำเร็จได้ก็ต้อง ทำสิ่งที่มีสิ่งเดียวในโลก เป็นสิ่งแปลกใหม่ยังไม่เคยมี โดนใจผู้คนส่วนใหญ่ จึงจะถูกต้องกว่า
ไม่มีความเห็น