ซ่อม


ซ่อมอนาคต

  ชื่อบล็อก "ซ่อมอนาคต" หลายคนคงสงสัยไปซ่อมอะไรอนาคตข้างหน้าสิ่งที่ยังไม่เกิดเลยขอมาขยายความกันให้เข้าใจกันสักเล็กน้อย คำว่า "ซ่อม" แน่นอนว่าสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ชำรุดผุผังเป็นแน่แท้ไม่ต้องสงสัย หาอะหรั่ยมาเปลี่ยนใหม่ ตรงไหนพอปะผุได้ พอแก้ได้ก็แก้กันไปพอใช้ได้

   ซึ่งสิ่งที่นำมาซ่อมมิใช่ของแต่เป็น " คน " นั้นคือสมาชิกที่ถูกส่งเข้ามารับการฟื้นฟูสมรรถภาพจากการที่พวกเขาเหล่านั้นหลงผิดไปใช้ยาเสพติดที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นผุพังไปบ้างตามแต่ผลของแต่ละคนต้องมาแยกแยะกันอีกที

  ตอนนี้ก็จะจำแนกให้เข้าใจกันอย่างง่ายๆก่อนว่าสมาชิกเหล่านั้นสิ่งที่ผุพังจะมีอยู่สองประการ

  ประการแรกมองอย่างง่ายๆ ร่างกาย ผลจากการใช้ยาเสพติดนั้นสภาพร่างกายของเขาเหล่านั้นต้องมีส่วนสึกหรอมากน้อยตามแต่การใช้ยาเสพติดว่าใช้มากี่ชนิดมากน้อยแต่ไหนระยะเวลาการใช้ต่อเนื่องมาระยะเวลายาวนานแค่ไหนส่งผลต่อร่างกายแค่ไหนและระบบการคิดแค่ไหนอันนี้ต้องอธิบายกันทางการแพทย์เราเองก็ไม่ค่อยรู้ถูกผิดยังงัยก็ค่อยว่ากันให้ความรู้เราได้ที่ว่ามานี้จากประสบการณ์อยู่กับ สมาชิกแสนป่วงพวกนี้(ป่วงเป็นภาษาอีสานที่แปลว่าไม่ค่อยปกติ)

  การซ่อมนั้นเราก็จัดให้มีกิจกรรมต่างๆที่ให้พวกเขาเหล่านั้นได้ฝึกทักษะทั้งความแข็งแรงของร่างกายและได้พัฒนาระบบการคิดประมาณเช่น ตื่นแต่เช้ามาออกกำลังทำความสะอาดวัดถูศาลาต่างๆ เดินตามพระไปบิณฑบาตร สวดมนต์ทำวัตร ยกอาหารจากครัว ถวายอาหารพระ ล้างถ้วย ทำความสะอาดครัวให้ชาวบ้าน ทำงานกลางวัน กวาดลานวัดตอนเย็น ทำอาหารทานเอง ทำสวนผัก เลี้ยงควาย เล่นกีฬา ทำวัตรเย็น อบรมความรู้ และมีการแบ่งเวรหน้าที่ต่างๆในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ ใครพัฒนาการดีหน่อยก็จะมีหน้าที่พิเศษให้

  ไอ้ที่เล่ามามันพัฒนาการแต่ร่างกายนี่หว่าสมองมันพัฒนายังงัยกันมั่วเปล่าวะคงสงสัย แต่ในความคิดเราเองหากว่าเขาสามารถพัฒนาร่างกายให้พร้อมพอสมควรแล้วสติปัญญาระบบสมองถึงจะมีการปรับสภาพความคิดกลับมา

   แล้วตัวเราเองค่อยเพิ่มการมีสติเข้าไปในแต่ละกิจกรรม กำหนดปัญหาในแต่ละกิจกรรมที่มันเกิดให้เขาได้คิดและแก้ปัญหานั้นเช่น ต้องตื่นแต่เช้าทำยังงัยละก็ต้องเข้านอนแต่หัววันมันจะได้ตื่นได้นี้เป็นการแก้ปัญหาอย่างง่ายๆ หรือ อย่างช่วงนี้ไม่มีงบประมาณก็จะบอกว่าอาหารทำไงจะมีกินได้มากที่สุด พวกเขาก็จะพยายามเก็บอาหารที่ทานเหลือตอนเช้าจากอาหารที่ชาวบ้านนำมา แต่ก็โชคดีที่ว่าชาวบ้านในตอนนี้มีความเอ็นดูเขาก็จะแบ่งไว้ให้ ตอนเทื่ยงหากอาหารมีน้อยพวกเขาจะเก็บมะละกอมาตำส้มตำบ้าง เอาปลาร้ามาตำแจ่วเสริมกับอาหารที่พอเหลือแต่ถ้ามันไม่เหลือจริงเขาจะมาเบิกปลากะป๋องกับไข่กับเรา ส่วนเย็นเราก็จะซื้ออาหารสดมาใส่ตู้เย็นไว้ให้เขาทำทานเองอย่างมีกำหนดในแต่ละสัปดาห์ว่า สมาชิกจำนวนเท่านี้จะมีอัตราส่วนของอาหารเท่าไรเขาจะต้องใช้ความคิดในการพิจารณาทำอาหาร ว่าจะทำอะไรมีวัตถุดิบในตู้เย็นมีเท่าไร ในสวนผักที่ปลูกมีอะไรบ้าง อาหารเหลือมาจากวัดไหม ให้เขาได้คิดเองหน้าที่ผู้ดูแลก็แค่คอยดูและเสริมความคิดในการทำให้พอดีอย่ามากจนเหลืออย่าน้อยจนไม่อิ่มจริงๆตรงนี้อยากมีคนทำแทนนะเราเองไม่ค่อยเหมาะแต่ไมมีใครก็ทำเองถือเป็นโอกาสด้วยว่าเวลาเขากินข้าวเราจะนั่งดูแถมบ่นให้ฟังด้วย

  นั่งดูได้อะไรแสดงให้เขาเห็นว่าเราต้องมีขันติความอดทนอาหารต่อหน้าแต่เราก็ไม่กินเพราะผิดศีลผิดวินัยเราก็อดต่อความอยากให้เขาเห็น ส่วนการบ่นการสอนในตอนกินข้าวก็คงเหมือนโบรานเราจะกินข้าวพร้อมกันปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่จะสอนลูกหลานตอนนี้แหละ เราก็แค่พูดให้แง่คิดในการพอเพียงรูจักพอไม่ฟุ่มเฟือย อดทน พูดคุยผ่อนคลายในตอนนี้ด้วย

  ส่วนว่าค่าอาหารสดในตู้เย็นและอาหารกระป๋องต่างในช่วงไม่มีงบประมาณก็เป็นปัจจัยเงินส่วนตัวที่นำมาซื้อใส่ตู้เย็น หรือได้รับบริจาคเข้ามา ซึ่งตรงนี้ก็เป็นหน้าที่ พ'ปุ๋ม เธอแหละแนะนำคนอื่นบ้างออกเองบ้างตามส่วนก็แล้วแต่เธอถึงแม้ที่ได้มาจะไม่มากแต่ก็สามารถช่วยอะไรได้พอสมควรเราเองก็ค่อยบริหารใช้จ่ายอย่างระวังไม่จำเป็นก็ไม่จ่าย บางอย่างทำเองได้ก็ทำ หาอะไรแทนได้ก็หา

 เกือบลืมอาหารกระป๋องบางทีหลวงปู่ไปกรุงเทพ ก็จะได้มาบ้างอยู่ก็เป็นความเมตตาของท่านอย่างเหลือล้น ทั้งให้โอกาสได้ทำ ให้อาหารบิณฑบาตรเช้าแล้วยังหาทางช่วยเหลืออยู่แต่ก็ทำได้ตามโอกาสเพราะท่านรับผิดชอบหลายอย่าง

  พอพูดเรื่องการกินนี่ยาวเลยไม่พูดได้อย่างไรหลวงปู่ยังบอกเลย "คนมีปากก็ต้องกิน"

  ซึ่งกิจกรรมบางส่วนที่เล่านี้เป็นการได้ฟื้นฟูทางร่างกายและระบบความคิดให้ได้มีสติสัมปชัญญะ คิดอย่างรอบคอบในทุกอย่าง จะพูดให้ฟังอีกเรื่องจริงอยากเล่าหลายเรื่องแต่มันจะยาว

   การทำงานกลางวันนี้ก็ได้เสริมทั้งร่างกายและสติปัญญา เช่น ตัดหญ้าเราจะให้ใช้กรรไกรตัดหญ้าทั้งที่มีเครื่องตัดหญ้า เขาก็สงสัยกันแต่เราก็จะเฉลยให้เขาฟังว่าต้องคิดหลายประการอยู่ในการเป็นคน ถ้าคิดง่ายก็แค่ว่าใช้เครื่องมันไวกว่ากรรไกร ลองคิดให้ลึก กิจกรรมที่เราทำไม่ต้องรีบร้อนเหมือนคนทำงานหรือต้องจัดงานต่าง ใช้เครื่องต้องซื้อน้ำมันมาใส่ ราคาเท่าไรละ ซื้อกับข้าวก็แย่แล้ว แล้วใช้เครื่องบ่อยๆถ้าไม่ระวังเครื่องก็ผังรับผิดชอบไหวหรือเปล่า ถ้าใช้กรรไกรอาจช้ากว่าแต่พวกเราได้ออกแรงได้กำลัง ได้ใช้เวลานั่งคิดว่าเป็นอะไรทำไมต้องมานั่งตรงนี้ ได้พูดคุยแรกเปลี่ยนกันกับเพื่อนที่ตัดด้วยกัน หากกรรไกรตัดไม่เข้าก็ได้หาวิธีการแก้ปัญหา กรรไกรอาจมีมุมในการตัดหรือเปล่า หรือต้องฝนกรรไกรใหม่ หรือต้องขันน๊อตให้กรรไกรแน่นและอีกหลายอย่างซึ่งการกำหนดกิจกรรมต่างมันมีเงื่อนไขทุกกิจกรรมถ้าคนไม่คิดหรือคิดง่ายตามปัญญาก็คิดแค่ว่าเราเอาคนมาใช้งาน 60 วันแล้วก็ปล่อยไปเหมือนขังคุก คิดแค่นั้นมันง่ายเกินไป

  มาซะยาวเลยซ่อมอย่างแรกก็ยาวเลยอยากต่ออีกนะแต่มันยาวแล้วอย่างที่สองที่เราต้องซ่อมเขาคือ "ใจ" คำเดียวเลยแต่ไอ้ตรงนี้แหละสำคัญพูดง่ายฉิบหายเลยคำเดียวแต่เวลาทำสุดแสนยาก

  สมาชิกเหล่านี้ที่มาอยู่กับเราใจพวกเขาผุพังกันพอสมควรตามแต่เหตุของแต่ละบุคคลที่เขาเป็นมา

  เหตุก็คือ สภาพครอบครัว สังคมชุมชนที่เขาอยู่ การถูกเลี้ยงดูมา การคบเพื่อน และประสบการณ์ในชีวิตเขาเหล่านั้น เวลาทำงานต้องมานั่งสังเกตุและวิเคราะห์ทีละคนเลย ถ้าเกิดจุดสังเกตุต้องลองถามลองให้เขาทำบางอย่างแล้วสังเกตุ และวิเคราะห์ตัวบุคคลทีละคนเลย

   แต่ละคนก็มีปัญหาไม่เหมือนกันอาจกล่าวให้ฟังบ้างว่าเขานะจะมีความคิดว่าการใช้สารเสพติดเป็นเรื่องธรรมดาเราก็ต้องมาหาวิธีการปรับความคิดเขาละทีนี้ ว่าทำไงเขาจะคิดว่าความคิดนี้เป็น มิจฉาทิฏฐิ ความคิดที่ผิด

   แล้วก็มีหลายรูปแบบมากบางคนไม่เคยเอื้อเฟื้อ บางคนเจ้าเล่ห์ บางคนไม่รู้บุญ - บาป ไม่รู้พระคุณพ่อแม่ บางคนติดเพื่อน บางคนคิดทางดีไม่เป็น บางคนชอบเอาเปรียบ กลโกงสารพัดเยอะแยะมากต้องมาอยู่พิจารณาดูให้เล่าก็เยอะมาก ส่วนเราเองก็พยายามรับกับความคิดเขาทั้งหมดแล้วมาเลือกวิธีการให้เขาได้แก้ไขตนเอง

   การซ่อมก็พอแค่นี้แล้วกันยาวจริงอยากเล่าต่ออีกแต่เดี๋ยวมันจะไม่ไปใหนมาใหนต่อกันอีกคำ " อนาคต " บอกเลยว่าเขาเหล่านี้ไม่ว่าจะอายุเท่าไรเมื่อเขาก้าวผ่านจากเราไปใช้ชีวิตของเขา

  เขาย่อมมีอนาคตที่ต้องใช้ชีวิตตนเองและครอบครัวของเขาและเขาเองเป็นผู้ชายแน่นอนวันหนึ่งต้องเป็นพ่อคนหรือเป็นอยู่แล้ว เขาต้องนำความรู้ในชีวิตที่เขานั้นผิดพลาดไปสอน ลูกๆที่จะเป็นอนาคตต่อไปอีกให้รู้ถูกรู้ผิดแน่นอนคนเป็นพ่อแม่ยังงัยก็อยากให้ลูกเป็นคนดีถึงแม้ตัวจะเป็นคนเลวแค่ไหน

  พวกเขาก็ต้องไปสร้างชีวิตตนเองให้เป็นคนปกติตามวิถีคนแบบที่ถูกวิธีการของความเป็นคนไม่ใช่แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ

  พวกเขานี้แหละหากว่าเขาปรับตัวแก้ไขตัวเองกันได้นี่แหละเขาจะเป็นดีของสังคมอย่างมีคุณค่าถึงแม้ว่า ตัวเขาจะถูกซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ชีวิตไปบ้างก็คงดีกว่าคนที่ว่าดีไม่เคยผิดพลาดแต่ก็มิได้หมายความว่าจะดีเสมอไป

  สมาชิกเหล่านี้ยังมีโอกาสของความเป็นคนดีกันอยู่และพวกเขาเองก็อยากเป็นคนดีที่คนอื่นยอมรับแต่บางทีการขาดการทำความรู้กันตั้งแต่การสอนในบ้านครอบครัวจนโรงเรียนตามปกติมิอาจสอนเข้าได้

  สมาชิกเหล่านี้จึงต้องมาเรียนกันตามครอบครัวชีวิต โรงเรียนชีวิต ที่ให้เขาได้เรียนรู้กันแบบจริงๆจากการทำเองรับผลเองและต้องแก้ไขตัวเองให้ได้

  เพราะถ้าแก้ไขตัวเองไม่ได้ก็ไม่มีใครแก้ไขเขาได้ เราเองก็เป็นแค่ลมที่ผ่านมาให้เขาได้รับความรู้สึกเย็นสบาย จนถึงหนาวบ้างแต่สุดท้ายเข้าจะดีจะเลวขึ้นอยู่กับเขา

  ตัวเขาเองนั้นแหละเป็นอนาคตของเขาเอง

หมายเลขบันทึก: 450138เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2011 23:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท