เช้านี้ ทีมเยือน สสส. มาสนทนาร่วมกับ สคส. เรื่องการจัด panel review ผลงาน สคส.
ทีมเยือน คือ นพ.มานิตย์ ประพันธ์ศิลป์, คุณเบญจมาภรณ์ จันทรพัฒน์, คุณเพ็ญศรี สงวนสิงห์ และ คุณมนชยา พลอยเลื่อมแสง
วัตถุประสงค์ของการประเมินผลงาน (ผลสำเร็จ) ของ สคส. โดยใช้วิธี panel review มี 2 ข้อคือ
1. เพื่อทบทวนผลงาน/ผลสำเร็จของการดำเนินงาน ตลอดจนประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริงต่อการสร้างเสริมสุขภาพของคนไทย
2. เพื่อเป็นการเรียนรู้และใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานทั้งในส่วนของผู้รับผิดชอบโครงการ และคณะกรรมการบริหารแผนของ สสส.
จากการศึกษาตัวอย่างจากออสเตรเลีย คุณหมอมานิตย์ เล่าให้ฟังว่า ทีมประเมินไม่น่าจะมีเกิน 5 คน จากสหสาขาคือ social, medical, km, general education, organization management
ทีมผู้ทรงคุณวุฒิที่ สสส.จะทาบทามมี 6 ท่าน ได้แก่ 1) ศาสตราภิชานไกรฤทธิ์ บุณยเกียรติ 2) ศ.ดร. ทวีทอง หงษ์วิวัฒน์ 3) ดร.วรภัทร ภู่เจริญ 4) นายแพทย์วิพุธ พูลเจริญ 5) นพ.มงคล ณ สงขลา และ 6) รศ. นิโลบล นิ่มกิ่งรัตน์
ทีมประเมินศึกษาการดำเนินงานและผลงานของ สคส. โดยการทบทวนเอกสาร วิเคราะห์ ประเมิน จัดประชุมพบปะกัน 2 ครั้ง ครั้งหลังเป็นการสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการภายใน 2-3 เดือน (ภายใน ต.ค. 49) ซึ่ง สคส. เสนอว่า สถานที่จัดประชุมน่าจะเป็นสถานที่ที่ได้บรรยากาศของการเรียนรู้ร่วมกัน สามารถจัดเวลาเพื่อแลกเปลี่ยนความในใจลึกๆ ได้ เพราะงานขับเคลื่อนของ สคส. ไม่ใช่งาน โฉบ หรือ ฉาบฉวย รีบมาแล้วรีบกลับ ซึ่งเป็นการแตะเพียงผิวๆ
ในส่วนของ สคส. เอง ก็คาดหวังจากผลการประเมินครั้งนี้ว่า ทีมประเมินจะช่วยชี้จุดบอดที่ สคส. เองมองไม่เห็น หรือ ไม่ทันได้มอง เพื่อนำมาปรับแผนการขับเคลื่อนงานอย่างเป็นพลวัต.
และหลังจากที่ สคส. ดำเนินงานครบ 5 ปี ในเดือน ก.พ. 51 ก็ต้องคิดต่อว่าจะทำอะไรต่อ เพราะเดินมาถึงจุดหมายปลายทางของระยะเวลาโครงการแล้ว ที่สำคัญ "ผลผลิต หรือ assets" ที่ สคส. ก่อการไว้ด้วย KM ควรจะสามารถดำเนินการต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ เพราะภาคีมากมายผูกใจสมัครรักใคร่กับ สคส. ในสัมพันธภาพแบบหลวมๆ เป็นอิสระ มาร่วมมือกันด้วย "น้ำใจ" และยินดีพร้อมที่จะขยายส่งต่อความดีไปยังภาคีเครือข่ายแห่งตน
เป็นดั่งเช่นที่ สคส. ส่งคลื่น km ออกไป เกิดเป็นวงกระเพื่อมต่อๆ กันไป และเกิดการรับลูกต่อกันไปเป็นช่วงๆ ต่อเนื่องกันไป (impact)
คุณธวัช ให้ความเห็นว่า วิธีการทำงานแบบ สคส. ดูออกจะสวนทางกับวิถีการทำงานแบบเดิมๆ แบบ command & control, แบบ top-down, แบบทำตามๆ กันไป ตกร่องเดิม
คุณหมอมานิตย์ ได้โอกาสเสริมต่อว่า อยากรู้ว่า ในขณะที่ สคส. มีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งซึ่งแตกต่างออกไป จะสามารถถ่ายทอดวัฒนธรรมนี้ไปสู่ผู้ที่เข้ามาสัมผัสได้อย่างไร และจะเกิดผลกระทบอย่างไร
สคส. จะรวบรวมข้อมูล ทำ mapping ภาคี ให้ สสส. เห็นภาพ "แห KM" ซึ่งเข้าใจว่า น่าจะนำไปทาบซ้อนกับภาพภาคีของ สสส. ให้เห็นเป็นภาพใหญ่ได้ดียิ่งขึ้น
อ่านแล้วเห็นมิติใหม่ของการประเมิน คงจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งกับทั้งหน่วยงานผู้ประเมินและผู้ถูกประเมินนะครับ อยากเห็นวิธีการประเมินที่ว่าเป็นคลื่น KM อีกคลื่นหนึ่งที่กระเพื่อมแรงๆในวงการประเมินเมืองไทย...........คุณแกบครั้งเสื้อสามารถรางวัลสุดคะนึงผมได้รับแล้วครับ ขอบคุณมากครับ