ขจิต ฝอยทอง
อาจารย์มหาวิทยาลัย
คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
เป็นสมาชิกตั้งแต่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 23:39
เข้าระบบเมื่อ: 09 กรกฎาคม 2554 09:34
|
อาจารย์ขจิต เคยบอกผมให้เล่าถึงภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นในชีวิตบ้าง...?
เพราะจะได้มีแรงและพลังกำลังใจให้การเดินทางไปพร้อมกับโลกที่หมุนอยู่ตลอดเวลา
สิ่งที่พอมีและสัมผัสได้ของผมอย่างหนึ่งที่มีคำตอบเสมอ คือ
ผมรักแม่มากครับ แม้ผมจะย้ายออกจากบ้านมาเกือบ 10 ปี หรือไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันกับแม่
แต่บ้านผมและบ้านแม่ห่างกันไม่ถึงกิโลเมตร ผมจะไปหาแม่ ไหว้ กอด และพูดคุยเรื่องราวประจำวันให้แม่ได้ฟังเป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด จะมีบ้างเพียงที่ต้องเดินทางไกลจากบ้านเท่านั้น แต่ก็ต้องติดต่อหาแม่ทุกวัน เพราะแม่ผมแก่มาก และเดินไปเดินมาไม่ได้เลย
ถ้าสมมติสมองของผมเกิดสูญเสีย และถ้าฟื้นตัว เหตุการณ์แรกที่ผมน่าจะจดจำได้อันดับต้น ๆ คงจะไม่พ้นเรื่องราวของแม่...
เรื่องราวจากการเยี่ยมบ้านในบันทึกนี้เช่นกัน ทำให้ผมรับรู้ถึงความรักและความผูกพันที่มีแม่มีต่อลูกไม่เสื่อมคลาย
ซึ่งสืบเนื่องจากบันทึก "หนังสือ, ความอ่อนแอ, "รักแท้"...ไม่มีบทบรรยาย" http://www.gotoknow.org/blog/adirek12/443229 ที่ผมลงเฉพาะรูปภาพ และเขียนประโยคเด่นไว้ว่า...
"ไม่มีแม้บทสนทนา แต่ความรักก็หาภาษาของมันเองได้...แม้ชีวิตจะพบแต่ความพ่ายแพ้และมืดมิด แต่ความรักก็จะนำพาให้พบกับชัยชนะและแสงสว่างได้เสมอ (แล้วผมจะเขียนเรื่องราวความรักของคนทั้งสองท่านนี้ ...ที่ผมได้ไปพบเมื่อตอนไปเยี่ยมบ้านครับ)..."
การเยี่ยมบ้าน สำหรับ case นี้ ครั้งแรกของผม ....ทำให้ผมมีความสุข และตื้นตันจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดที่สวยงามและลึกซึ้งเปรียบเปรยได้
ผมได้กลิ่นกรุ่นหอมพิเศษต่อความรักของแม่ที่มีต่อลูกในทุกลมหายใจเข้า-ออก...
" ราชัน " หนุ่มวัยฉกรรจ์ อายุ 34 ปี ได้พลัดตกนั่งร้าน ซึ่งสูงจากพื้นเกือบ 2 เมตร ด้วยต้องขึ้นไปฉาบปูนอาคารภายในสถาบันราชภัฎเลย
ยามบ่าย ปลายเดือน มีนาคม 2554 เสียงหล่นจากที่สูง เสียงดังเหมือนลูกมะพร้าวตกพร้อมกันเป็นทลาย ทำให้ศีรษะและแผ่นหลังของราชันกระแทกพื้นอย่างจัง
นับแต่นั้นมา ราชันก็รักษาอยู่ในโรงพยาบาลทุกวันประมาณเดือนครึ่ง ซึ่งแม่ได้ไปเฝ้าดูแลทุกวันทุกคืน แม่ภาวนาทุกวันว่า ขอให้ราชันหาย จะหายกลับเป็นสภาพอย่างไรแม่ก็จะดูแลและรักเช่นเดิม
และแล้วราชัน ก็ได้กลับมาอยู่บ้านปลายเดือนเมษายน 2554 ผมได้ไปเยี่ยมบ้านครั้งแรก เพราะแม่ของราชันมาปรึกษา บอกว่า ตอนนี้แผลที่กลางหลังรอตัดไหม และยังมีสายสวนปัสสาวะให้หมอคอยไปเปลี่ยนให้ ส่วนเรื่องการกิน กินทางปากได้ปกติ และการพูดคุยคุยได้เพียงคำสั้น ๆ
ตอนนั้น ผมห่วงเรื่องเตียงนอนที่มันเตี้ย กลัวปัสสาวะจะย้อนคืน เกิดการติดเชื้อได้ ผมจึงให้ยืมเบาะสูง ๆ ของอนามัยไปรองให้สูงขึ้นอีก
พอตกตอนเย็น ๆ เลิกเวรบ่าย ผมจึงได้ไปที่บ้านครั้งแรก และมีครั้งที่สอง และสามตามมา จนบัดนี้น่าจะห้าครั้งแล้วครับ
ถึงแม้ราชัน จะพูดคุยได้สั้น ๆ แต่ภาษารักของแม่และราชันงดงามเสมอ แสดงถึงภาษาแห่งความรัก ซึ่งใครหรือสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องสัมผัสได้
ผมก็คอยให้คำแนะนำ ประสานงานในการรักษาให้ ให้กำลังใจ พาฝึกทำกายภาพ และสวนปัสสาวะ และบอกกับราชันว่า ให้ฟื้นตัวเร็ว ๆ จดจำเรื่องราวที่ผ่านให้ดี เพื่อเราจะดูแลคุณแม่ต่อไปในวันข้างหน้า
ตอนนี้ราชันเริ่มเคลื่อนไหวได้หลายส่วน พูดได้หลายคำ และไม่เอาแต่นอนอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน
ผมภาวนาว่า...ให้เขาหายโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณคุณแม่ที่มากล้นพรรณาเช่นนี้
ระหว่างผมพูดคุยกับราชัน เหมือนมีน้ำไหลที่หน้าอกของผม แต่ผมรู้สึกสุข และเข้าใจตนเอง ผู้อื่น และเข้าใจโลก
ผ่านภาษารักระหว่างแม่กับลูก...
ขอบคุณคุณแม่คุณทิมดาบ
กำเนิดลูกงดงาม
ดูแลด้วยหัวใจ
เยี่ยม คะ พลังความรักของแม่
ดูแลได้ดี ไม่มีแผลกดทับให้มาวุ่นวาย