แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการคุณภาพเริ่มต้นจากแนวคิดเกี่ยวกับอะไร
หลักการและแนวทางปฏิบัติของการบริหารคุณภาพ ( Quality Management) ได้วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องโดยเริ่มจากการตรวจสอบคุณภาพ (Inspection) และการควบคุมคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Total Quality Control) ในทศวรรษ 1970 และได้วิวัฒนาการไปสู่การประกันคุณภาพ (Quality Assurance) และการบริหารคุณภาพ (Quality Management) ทศวรรษ 1980 และ 1990 ตามลำดับ รวมทั้ง TQM (Total Quality Management) และ Six Sigma ที่เพิ่งจะเริ่มมีขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมานี่เอง
2.ให้สรุปวิวัฒนาการเกี่ยวกับการบริหารคุณภาพแบบมุ่งทั้งองค์กรมาพอสังเขป
การบริหารคุณภาพมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ซึ่งเริ่มวิวัฒนาการในช่วงการปฎิวัติอุตสาหกรรมโดยเริ่มจากบทบาทของการตรวจสอบคุณภาพแบบเดิม ( Inspection) การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ และ TQM ในหนังสือเรื่อง “The Wealth of the Nation” เขียนโดย Adam Smith ในปี 1776 โดยได้นำแนวคิดเกี่ยวกับการจำแนกแรงงาน ซึ่งเป็นแรงผลักดันหนึ่งที่ทำให้เกิดการปฎิวัติอุตสาหกรรมต่อมาในปี 1914 การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้กระตุ้นให้เกิดการผลิตแบบ Mass Production ในช่วงเวลาดังกล่าว การตรวจสอบทางด้านอุตสาหกรรมกลายเป็นสิ่งจำเป็น แนวทางใหม่ในการบริหารที่พัฒนาขึ้นโดย Frederick W. Taylor ในปี 1919 หรือที่เรียกว่า “การบริหารโดยอาศัยหลักวิทยาศาสตร์” ( Scientific Management ) นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มผมผลิต โดยไม่มีการเพิ่มจำนวนช่างฝีมือ ต่อมาในปี 1924 Dr. Walter A. Shewhart วิศวกรจากบริษัท Western Electric ได้นำแนวคิดเกี่ยวกับ Control Chart มาใช้ในการควบคุมความผันแปรของคุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการควบคุมคุณภาพโดยใช้สถิติที่เรียกว่า Statistical Quality Control ( SQC ) ในปี 1931 ในขณะเดียวกันที่ประเทศอังกฤษก็ได้พัฒนามาตรฐาน British Standards นอกจากนี้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ( 1941 – 1945 ) สหรัฐได้พัฒนาวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบใหม่โดยใช้แนวคิด Acceptable Quality Levels ( AQLs ) ดังนั้น การตรวจสอบโดยวิธีสุ่มตัวอย่างจึงใช้เวลาลดน้อยลง ภายหลังจากที่ Dr. Deming และ Dr. Juran ได้ไปญี่ปุ่นในปี 1950 การพัฒนาคุณภาพของญี่ปุ่นได้เจริญอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาถึง 2 ทศวรรษ โดยแนวคิดในเรื่องคุณภาพเทคนิค และปรัชญาหลายอย่าง เช่น Fool Proof, QCC, CWQC, ผังก้างปลา รวมทั้งวิธีการของ Taguchi ก็ได้ถูกนำมาใช้ในการบริหารคุณภาพ
ต่อมาในปี 1946 American Society For Quality Control ( ASQC ) ได้ถูกจัดตั้งขึ้นนับตั้งแต่ปี 1950 -1960 สหรัฐให้การยอมรับในคุณค่าของทฤษฏีต่าง ๆ ของ Dr. Deming และ Dr.Shewhart และแล้วศักราชใหม่ของการประกันคุณภาพ ( QA ) ก็ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่อุตสาหกรรมได้มุ่งเน้น นั่นคือการเปลี่ยนจากการตรวจสอบคุณภาพ ( Inspection ) เพื่อหาของเสียไปเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดของเสีย ( Prevention ) ในช่วงเวลาดังกล่าว ปรัชญาทางด้านคุณภาพมากมายได้เกิดขึ้น เช่น เรื่อง Cost of Quality ( CQQ ) , Total Quality Control ( TQC ) , Reliability Engineering , Zero Defeets, Management by Objective เป็นต้น ในระหว่างปี 1980 -1990 ความต้องการของลูกค้า ผลการดำเนินงานของคู่แข่งขัน และการลดต้นทุนคุณภาพเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ซึ่งนำไปสู่การดำเนินการในเรื่องการบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร ( TQM )
3.รางวัล Malcolm Baldring Nation Quality Award หมายถึงอะไร
รางวัลคุณภาพแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา
4.หลักการสำคัญของการของระบบการบริหารเกี่ยวกับการบริหารคุณภาพทั้งองค์การมีอะไรบ้าง
หลัก 14 ประการของ Deming สำหรับการปรับปรุงคุณภาพ
1. การสร้างเป้าหมายที่สอดคล้องกัน
2. นำไปสู่การสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง
3. สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หยุดการควบคุมคุณภาพโดยอาศัยการ
ตรวจสอบเพื่อให้พบปัญหา
4. เสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวบนพื้นฐานทางด้านศักยภาพ แทนการ
ให้รางวัลจากการใช้ราคา
5. ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ คุณภาพ และระบบการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
6. ทำการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ
7. เน้นภาวะผู้นำให้เกิดขึ้น
8. กำจัดข้อวิตกกังวล หรือความหวาดกลัวให้หมดไป
9. กำจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคของการร่วมมือระหว่างหน่วยงานในองค์การ
10. หยุดการกระตุ้นโดยใช้คำขวัญสำหรับพนักงาน
11. สนับสนุน ช่วยเหลือ และปรับปรุง
12. กำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางความภาคภูมิใจในการทำงานของพนักงาน
13. จัดตั้งแผนการศึกษาและการฝึกอบรม เพื่อให้เกิดการปรับปรุงตนเอง
14. ทำให้ทุกคนในองค์การลงมือปฏิบัติ เพื่อมุ่งสู่การเปลี่ยนแปลง
การจัดการคุณภาพหมายถึงอะไร
การนำนโยบาย คุณภาพมากำหนดเป็นเป้าหมายคุณภาพ จากนั้นจะต้องมีการกำหนดเป็นแผนคุณภาพ สำหรับดำเนินการต่อไป หรือการจัดการคุณภาพหมายถึง กิจกรรมหรือกระบวนการปรับปรุงการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องทุกขั้นตอนของการทำงาน
การบริหารคุณภาพแบบมุ่งเน้นทั้งองค์กร (TQM) มีหลักการที่สำคัญอะไรบ้าง
1.มุ่งเน้นความสำคัญให้กับลูกค้า
2.การปรับปรุงกระบวนการทำงาน
3.การให้ทุกคนมีส่วรร่วม
จงสรุปว่าระบบริหารแบบ (TQM) มีองค์ประกอบอะไรบ้าง
1.วัตถุประสงค์ (Objective) เพื่อให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุกๆส่วนขององค์กร
2. หลักการพื้นฐานของรูปแบบ (Fundamanttal Principles) การมุ่ให้ความสำคัญกับลูกค้า หรือผู้รับบริการ การปรับปรุงกระบวนการทำงาน และการมีส่วนร่วมของทุกคนในองค์กร
3. องค์ประกอบ(Elements) ภาวะผู้นำการศึกษา และการฝึกอบรม โครงสร้างสนับสนุน การติดต่อสื่อสาร การพิจารณาความชอบ แลฃะการวัดผล
แนวคิดการจัดการคุณภาพ การศึกษา สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารสถานศึกษาได้อย่าไรบ้าง
1.ศึกษาหลักการบริหารแบบคุณภาพ
2.กำหนดนโยบายด้านบริหารคุณภาพให้ชัดเจน
3.จัดตั้งองค์กรหรือคณะบุคลดำเนินการตามนโยบายคุณภาพ
4.วางแผนและออกแบระบบงานมาตรฐานและวิธีทำงาน และการจัดการทรัพยากร
5.จัดทำคู่มือระบบคุณภาพโดยอผธิบายวิธีปฏิบัติงานแต่ละด้าน
6.สร้างทีมงาน ละจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อดำเนินงานแต่ละด้าน
7.จัดฝึกอบรม และพัฒนาบุคลากรทุกระดับ
8.จัดระบบประเมินผลงานอย่างโปร่งใส และทุกฝ่ายยอมรับการนำสู่การปฏิบัติ
นโยบายคุณภาพ(Quality policy) ของเดมมิ่ง 14 ประการ (Deming 14 point) สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสถานศึกษาอย่าไรบ้าง
นโยบายคุณภาพ(Quality policy) ของเดมมิ่ง 14 ประการ (Deming 14 point) สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสถานศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการบริหารได้ โดยเริ่มตั้งแต่การ วางแผน การจัดองค์กร การจัดการบุคล การอำนวยการ และการควบคุม ให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
ประเด็นอภิปราย
1) การบริหารการศึกษาโดยใช้วงจร P D C A ทำอย่างไร
วงจรเดมมิ่ง เป็นวงจรเพื่อการบริหาร และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องแบบอเนกประสงค์ ครอบจักรวาล คือสามารถนำไปใช้กับระบบบริหารใดๆ ก็ได้ ทั้ง ISO9001:2000, ISO14001, 5ส, QCC etc. รวมไปถึงการบริหารการศึกษา ใช้ได้หมดแล้วแต่ว่าจะนำไปใช้
P -Plan หมายถึงการวางแผน
D -Do หมายถึงการปฏิบัติ ตามแผนที่ได้วางไว้
C -Check หมายถึงตรวจสอบ
A -Action หมายถึงการแก้ไขข้อบกพร่องจากการตรวจสอบ และนำผลจากการแก้ไขไปถือปฏิบัติ (เป็นมาตรฐาน) ต่อไป ถ้าวงจร P-D-C-A หมุนไปอย่างต่อเนื่อง จะเกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
การประยุกต์ใช้ในการบริหารการศึกษา เช่น จัดการคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการศึกษาทุกฝ่าย กล่าวคือการจัดการคุณภาพการศึกษา ต้องยึดหลักการกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของครูผู้สอน บิดา มารดา ผู้ปกครองชุมชน หรือหน่วยงานที่กำกับดูแล ให้เข้ามามีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย วางแผน(P -Plan หมายถึงการวางแผน) ติดตามประเมินผล (C -Check หมายถึงตรวจสอบ) พัฒนาปรับปรุง(A -Action หมายถึงการแก้ไขข้อบกพร่องจากการตรวจสอบ และนำผลจากการแก้ไขไปถือปฏิบัติ) ช่วยกันคิดช่วยกันทำ (D -Do หมายถึงการปฏิบัติ ตามแผนที่ได้วางไว้) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
2) จากคำกล่าวที่ว่า การป้องกันดีกว่าการแก้ปัญหา” ท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงยกตัวอย่าง
ประกอบ
จากคำกล่าวที่ว่า การป้องกันดีกว่าการแก้ปัญหา” ข้าพเจ้าเห็นด้วย เนื่องจาก การบริหารแบบคุณภาพมีแนวคิดอยู่บนพื้นฐานของการป้องกันความผิดพลาดต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นมากกว่าการแก้ไขภายหลังความผิดพลาด หรือความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้ว
ตัวอย่างจากคำกล่าวที่ว่า การป้องกันดีกว่าการแก้ปัญหา คือการให้มีระบบประกันคุณภาพทางการศึกษา กล่าวคือ เป็นการควบคุมคุณภาพโดยการกำหนดมาตรฐานด้วยตนเอง การตรวจสอบคุณภาพเป็นการตรวจสอบผลการดำเนินงานด้วยตนเอง และการประเมินคุณภาพด้วยตนเอง และบุคลภายนอก
3) การบริหารโดยใช้ข้อมูลจริงมีประโยชน์ในการแก้ปัญหา และการตัดสินใจหรือไม่ อย่างไร
การบริหารโดยใช้ข้อมูลจริงมีประโยชน์ในการแก้ปัญหา และการตัดสินใจ คือในการจัดทำแผนงานเพื่อพัฒนาคุณภาพ การกำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ การดำเนินงาน เกณฑ์มาตรฐาน ฯลฯ ขั้นตอนดังกล่าวล้วนต้องอาศัยข้อมูลพื้นฐานทั้งสิ้น หากข้อมูลพื้นฐานไม่เพียงพอ ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่สามารถเชื่อถือได้ ย่อมหวังความสำเร็จได้ยาก ดังนั้นทุกหน่วยงานจึงจำเป็นที่จะต้องมีระบบข้อมูลสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพเพื่อใช้ในหน่วยงานของตน
4)บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการจัดการคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วยใครบ้าง และควรมีบทบาทอย่างไร
บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาในการจัดการคุณภาพการศึกษา ประกอบด้วย ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการศึกษาทุกฝ่าย กล่าวคือการจัดการคุณภาพการศึกษา ต้องยึดหลักการกระจายอำนาจ และการมีส่วนร่วมของครูผู้สอน บิดา มารดา ผู้ปกครองชุมชน หรือหน่วยงานที่กำกับดูแล ให้เข้ามามีส่วนร่วมกำหนดนโยบาย วางแผน ติดตามประเมินผล พัฒนาปรับปรุง ช่วยกันคิดช่วยกันทำให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
………………………………………………………………………………………………..
ไม่มีความเห็น