พบ-พราก-จาก-เจอ (3)...รสนานา ณ ห้องครัวคุนหมิง


จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีเด็กๆทั้งชาวไทยและชาวจีนแวะเวียนเปลี่ยนผ่านเข้ามาให้ผมได้"เรียนรู้"ผ่านการทำอาหาร ณ ห้องครัวคุนหมิงมากมาย กล่าวเฉพาะเด็กไทยนั้น นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่มักมีจุดเริ่มต้นจากการแนะนำของคนต่างชาติ แต่ด้วยเพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ความสัมพันธ์จึงดำเนินต่อไปอย่างไม่ยากนัก ยิ่งมาอยู่ต่างบ้านแบบนี้แล้ว อาการโหยหา"รสชาติความเป็นไทย: น้ำพริก กะปิ น้ำปลา" ย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้... ผมเองต่อให้นึกย้อนสักกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่า "โชคดีเหลือเกินที่พูดภาษาจีนไม่ได้" เพราะไม่เช่นนั้นแล้วผมคงไม่ได้พบกับเด็กๆเหล่านี้... คงไม่ได้กินอาหารไทยหลากหลายเมนูที่ใครรู้คงไม่เชื่อว่าเราอยู่ที่คุนหมิง... คงไม่ได้รับการ "ช่วยเหลือ-ดูแล-ห่วงใย" อย่างที่คนมาอยู่ต่างเมืองจะได้รับ...
          เมื่อวันพุธที่ 22 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ห้องครัวของผมได้มีโอกาสต้อนรับน้องๆกลุ่มเด็กทุน สพฐ.อีกครั้ง พวกเขามาทำกับข้าวที่ห้องของผมอย่างที่เคยๆ ทำกันมากว่าแปดเดือน...เสียงมีดกระทบเขียง เสียงพูดคุยและการหยอกเอิน ยังคงดังลั่นห้องครัวของผมไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่บรรยากาศของการทานข้าวร่วมกันในวันนี้กลับแปลกไป... นั่นเพราะเราต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายและมื้อสุดท้ายที่จะได้ทานข้าวด้วยกัน...

          นึกย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน ผมให้นักศึกษาจีนไปตามสัมภาษณ์เพื่อนชาวไทยแล้วนำข้อมูลที่ได้ออกมาพูดหน้าชั้น...ผลจากการสั่งงาน นักศึกษาของผมคนหนึ่งได้พาเพื่อนชาวไทยให้มารู้จัก... เด็กไทยคนนี้ชื่อ "บูชา" และแม้ว่าชื่อของเขาจะบ่งบอกถึงความเป็นไทย(จ๋า)ขนาดนี้ แต่ครั้งแรกที่เจอกันนั้นผมกลับคิดว่าเขาเป็นนักศึกษาเกาหลี...เพราะทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ไหนจะเฮดโฟนอันใหญ่ที่คล้องคอมาด้วยอีกเล่า...ไม่น่าจะเป็นคนไทยไปได้ (ผมคงเลยวัยไปมากแล้วน่ะครับ ยอมรับว่าตามแฟชั่นเด็กๆสมัยนี้ไม่ทันจริงๆ... ฮ่าๆ) และหลังจากที่ได้คุยกันก็ทำให้รู้ว่า เขาเป็นชาวลำพูนได้รับทุนจาก สพฐ. มาเรียนหลักสูตรการสอนภาษาจีนที่ม.ยูนนานนอร์มอล เป็นเวลา 2 ภาคการศึกษา(เท่ากับที่ผมมาสอนพอดี) หลังจากนั้นก็จะกลับไปบรรจุเป็นครูเพื่อสอนภาษาจีนตามโรงเรียนต่างๆในสังกัดของสพฐ.

          บูชา เป็นเด็กที่มีน้ำใจ(มากๆ)และปรับตัวให้เข้ากับคนหรือสิ่งแวดล้อมใหม่ๆได้ง่าย ผมจึงไม่แปลกใจที่เขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักของนักศึกษาจีนและลามเรื่อยไปถึงพ่อค้า-แม่ค้า(ทั้งใน ม.-นอก ม.หรือกระทั่งในตลาดก็ยังรู้จัก) เรียกได้ว่าหากเดินไปไหนกับ"บูชา"จะมีคนทักหรือส่งยิ้มให้อย่างแน่นอน และหลังจากที่ผมได้รู้จักกับเด็กทุนคนนี้ได้ไม่นานผมก็ได้รู้จักเด็กทุนสพฐ.อีกหลายคน แต่ในจำนวนนั้นก็มีเพียง 4 คน ที่ผมสนิทมากกว่าคนอื่นๆ นั่นคือ "ฝน" (สาวลำปาง..."chef" มือ 1 แห่งห้องครัวคุนหมิง อยากกินอะไรฝนจัดให้ได้หมด), "อาร์ม" (สาวอุตรดิตถ์ที่หน้าตาละม้ายกับชาวตะวันตกมากจนใครๆต่างคิดว่าเธอเป็นลูกครึ่ง) "ดี๋" (สาวลำปางอีกคนที่มักทำให้หัวใจของหนุ่มจีนวุ่นวาย...โดยไม่รู้ตัว) และคนสุดท้ายคือ "มิ้น"  (สาวเชียงใหม่ที่แม้จะเป็นรุ่นพี่ร่วมสถาบันของนายบูถึงสามปีแต่ก็ดูเด็กกว่ามากๆ) ...ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะน้องๆกลุ่มนี้แวะมาทำกับข้าวที่ห้องผมบ่อยๆ แต่สาเหตุหลักผมว่าน่าจะมาจากลักษณะนิสัยและความมีน้ำใจที่น้องๆคอยช่วยเหลือผมมากกว่า...

          เล่าถึงตรงนี้แล้วจะไม่กล่าวถึงคนอื่นๆที่เวียนเข้ามาในห้องครัวของผม ก็ดูจะลำเอียงไปหน่อย มาเริ่มกันที่ขาประจำที่มักมาทำ"สุกี้"กินด้วยกันครับ กลุ่มนี้มีนายบูชา ตาเล้ง(หนุ่มกรุงเทพฯ) แล้วก็น้องฝ้าย (สาวนครสวรรค์) ทั้งสามเพิ่งสลายกลุ่มไปพร้อมกับการปิดเทอมในภาคเรียนที่ 1 ที่ผ่านมา เพราะน้องฝ้ายต้องกลับไปฝึกสอนที่ไทยครับ (แต่มิตรภาพทั้งหมดที่ผมได้รับนั้นยังอยู่ในใจเสมอ) กลุ่มต่อมาคือ กลุ่มขาจร (เด็กจีนที่ผมสอนนั่นเอง) กลุ่มนี้จะคอยถามว่าผมว่างไหม พวกเขาอยากให้ผมทำอาหารไทยให้ชิม ผมเองก็ไม่ได้ทำอาหารเก่งหรอกครับ อาหารที่ทำให้เด็กๆรับประทานจึงไม่พ้น ไข่เจียว ไข่ดาว ดีขึ้นมาหน่อยก็คือ ต้มยำไก่ (ฮ่าๆ) กลุ่มขาจรนี้ผมต้องระบุลิมิต(ไม่เกิน 5 คน)ให้เขารู้ก่อนที่จะอนุญาตให้มาที่ห้องได้ครับ เหตุเพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาจะมากันหมดยกห้อง (35 คน) โชคดีที่ผมโทรฯไปถามก่อน ไม่อย่างนั้นต้องยืนขี่คอกินข้าวกันแน่แท้...และกลุ่มล่าสุดคือ น้องๆกลุ่มเด็กทุนลุ่มน้ำโขงฯหรือทุน GMS ที่มาพร้อมกับบั้ดดี้ชาวจีน (ธนกฤตกับเมธัส) กลุ่มนี้มีเด็กไทย 2 คน คือ ปอนด์(สาวลพบุรี) และเพลิน (สาวละปูน) ผมรู้จักทั้งคู่เพราะ"เหตุการณ์เด็กไทยแอบเข้าชั้นเรียน"ของผมครับ

          จำได้ว่า มีอยู่วันหนึ่งหลังจากเปิดเรียนเทอมที่ 2 ไปได้สองสัปดาห์ จู่ๆห้องเรียนที่ผมสอนก็มีคนมานั่งเรียนเยอะมาก พอเช็กชื่อเสร็จถึงได้รู้ว่ามีคนไทยมาอยู่ในห้องถึง 8 คนด้วยกัน (เด็กทุนขงจื่อ 5 คน เด็กทุนGMS 3 คน) เด็กๆบอกผมว่า อยากเรียนรู้วิธีการสอนภาษาไทยให้กับคนจีน บางคนก็ว่าเรียนคณะมนุษย์ฯ ไม่ได้เรียนสายการสอนจึงอยากมาขอความรู้จากผม ฯลฯ ผมเห็นว่าพวกเขาตั้งใจกันขนาดนี้ (ก็บางคนถึงขั้นอำผมว่าเป็นคนจีน ให้เด็กจีนในห้องช่วยโกหกว่าเขาเพิ่งมาใหม่ ไม่พูดภาษาไทยเลยสักคำ เพราะกลัวว่าผมจะไม่ให้เข้าเรียนด้วย...บ้ามากๆครับน้อง) ก็เลยอนุญาตให้มาเรียนด้วยได้ครับ

          และเด็กๆกลุ่มสุดท้ายที่ผมจะลืมไม่ได้เลยก็คือ กลุ่มเด็กทุน พก. (ไม่ขอแปลนะครับ...ฮ่าๆ) กลุ่มนี้นอกจากสุกี้และกับข้าวไทยๆที่เราทำกินกันเป็นประจำแล้ว ยังมีของหวานอย่างแกงบวดฟักทองและกล้วยบวดชีอีกด้วย น้องๆมีอยู่ด้วยกัน 4 คนครับ คือ น้องซี(สาวกรุงเทพฯ) ตาหมง(หนุ่มโคราชฯ) ตาเล้ง และน้องฝ้าย แม้ในเทอมที่สองนี้ผมจะไม่ค่อยได้เจอเด็กๆทั้งสี่คนอย่างพร้อมหน้า แต่เราก็ยังติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์และเอ็มเอสเอ็นอยู่บ้าง (มีเพียงน้องหมงที่ผมได้เจอบ่อยที่สุดเพราะเราไปตีแบดฯด้วยกันทุกอาทิตย์) แต่เหตุที่นำพาให้พวกเราได้รู้จักกันนั้น เกิดขึ้นจากอาจารย์มิซซูโนะ เพื่อนชาวญี่ปุ่นผู้นำพาให้หลายชีวิตได้มาบรรจบกันครับ

          เรื่องราวเริ่มจากที่ผมได้พบกับอ.มิซซูโนะในงานเลี้ยงวันชาติจีน เราคุยกันหลายเรื่องครับ และในนั้นคือเรื่องที่ผมเป็นอาจารย์ภาษาไทยเพียงคนเดียว และที่สำคัญคือพูดภาษาจีนก็ไม่ได้แถมภาษาอังกฤษก็ยังไม่แข็งแรง...อาจารย์เขาคงเห็นใจผมน่ะครับ(เดาจากภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นที่มักลงท้ายด้วยคำว่า..ฮือ(หึ)..และอาการตาโตทุกครั้งที่ทราบว่าผมยังไม่รู้จักนั่น-นี่-โน่นที่ควรจะได้รู้จัก...ฮ่าๆ) ท่านก็เลยชวนผมให้ไปเล่นแบดมินตันด้วยกันในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์...อ.มิซซูโนะบอกผมว่า ในกลุ่มที่เล่นแบดฯนั้นมีเด็กไทยอยู่ด้วย จึงอยากจะแนะนำให้ผมได้รู้จักไว้ เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ...และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้สนิทกับเด็กๆทั้ง 4 คน

          จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีเด็กๆทั้งชาวไทยและชาวจีนแวะเวียนเปลี่ยนผ่านเข้ามาให้ผมได้"เรียนรู้"ผ่านการทำอาหาร ณ ห้องครัวคุนหมิงมากมาย กล่าวเฉพาะเด็กไทยนั้น นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่มักมีจุดเริ่มต้นจากการแนะนำของคนต่างชาติ แต่ด้วยเพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ความสัมพันธ์จึงดำเนินต่อไปได้อย่างไม่ยากนัก ยิ่งมาอยู่ต่างบ้านแบบนี้แล้ว อาการโหยหา"รสชาติความเป็นไทย: น้ำพริก กะปิ น้ำปลา" ย่อมเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้... ผมเองต่อให้นึกย้อนสักกี่ครั้งก็ยังรู้สึกว่า "โชคดีเหลือเกินที่พูดภาษาจีนไม่ได้" เพราะไม่เช่นนั้นแล้วผมคงไม่ได้พบกับเด็กๆเหล่านี้... คงไม่ได้กินอาหารไทยหลากหลายเมนูที่ใครรู้คงไม่เชื่อว่าเราอยู่ที่คุนหมิง... คงไม่ได้รับการ "ช่วยเหลือ-ดูแล-ห่วงใย" อย่างที่คนมาอยู่ต่างเมืองจะได้รับ...

          ณ เวลานี้ ผมไม่รู้ว่าพวกเด็กๆกำลังทำอะไร หลายคนกลับประเทศไทยไปแล้ว และอีกหลายคนอยู่ต่อที่คุนหมิง...ผมไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังจดจำเหตุการณ์ต่างๆ หรือนึกถึงอาหารไทยเครื่องไม่ครบอย่างที่เราได้ทำรับประทานกันในห้องครัวคุณหมิงหรือไม่...ตอนนี้ผมรู้เพียงว่า เมื่อเข้าครัวทีไร ก็ให้รู้สึกคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน...

 

 

พบเพื่อพราก...จากเพื่อเจอ

Kunming 11-06-25

 

ปล. บันทึกนี้เขียนไว้เพื่อ"ระลึก"ถึงทุกคน...และเพื่อ"ขอบคุณ"สำหรับทุกอย่าง

 

 

หมายเลขบันทึก: 445758เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2011 09:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (35)

สวัสดีค่ะอาจารย์หนานฯ

กิจกรรมส่งเสริมเอกลักษณ์ไทย ว้าว มีแต่เมนูของโปรด ทั้งนั้น หิวเลย

เดี๋ยวจะไปจกข้าวนึง กะน้ำพริกอ่อง ดีกว่า อิ่ม ๆ ลำๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ :)

ผมกะลังจะไปกิ๋นข้าว เหมือนกั๋นครับผม...เสียดายว่าข้าวนึ่งยามแม่ตอนนี้ หายากครับ อย่างใดกะฝากจกตวยคนเน้อครับ

สวัสดีค่ะ

คนไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหน  สายตาก็จะสอดส่ายหากันอยู่เสมอและมีพลังดึงดูดที่

จะดูดให้มารวมกลุ่มกันด้วยความอบอุ่นใจ  อาจจะเป็นเพราะคิดถึงบ้านแ้ล้ว

เมื่อมาเจอกันก็ช่วยให้พอคลายความคิดถึงบ้านลงได้นะคะ

ยิ่งได้ทานอาหารที่คุ้นลิ้นคุ้นปากมาก่อน....อบอุ่นใจจริงๆเลยค่ะ

ใช่แล้วครับท่านอ.ชุติมา เด็กๆพอรู้ว่าผมอยู่ห้องพักข้างนอก จะถามผมก่อนเลยว่า...มีห้องครัวไหม... หลังจากนั้นก็ตามด้วย อาจารย์เอาน้ำปลามาด้วยไหมคะ (ฮ่าๆ)

สวัสดีค่ะ

เป็นเวลาว่าง ๆ และเต็มใจที่จะเข้ามาหน้าจอจริง ๆค่ะ  บางเวลาเข้ามางั้นๆ รีบเข้ามาหน้าบล็อกของอาจารย์ก่อนอื่น

อ่านแล้วชอบคำโปรยมากค่ะ เสียงมีดกระทบเขียง เสียงพูดคุยและการหยอกเอิน ยังคงดังลั่นห้องครัวของผมไม่เปลี่ยนแปลง

นึกถึงความเป็นวัฒนธรรมไทยแบบพื้นบ้น เวลามีงานหรือกิจกรรมกันนะคะ  ทุกคนจะถือมีดถือเขียงมาช่วยงานกัน  แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปแบบ "เหมาจ่าย" ไปมากแล้วค่ะ

เด็กสมัยนี้โชคดีนะคะ ในด้านการได้รับสนับสนุนดูแลจากรัฐบาล  สมัยพี่คิมการเตรียมตัวสอบ AFS ต้องเตรียมกันตั้งแต่ มศ.๑ ท่องเอง อ่านเอง โรงเรียนปิดพ่อแม่พาไปทดสอบกับสถาบันที่ กทม.

ขอเป็นกำลังใจและชื่นชมยินดีอาจารย์และเด็ก ๆ เยาวชนคนดี คนเก่งค่ะ ประเทศชาติรอความฝันของพวกเขาอยู่นะคะ

ขออภัยค่ะตกหล่นวัฒนธรรมไทยแบบพื้นบ้น=วัฒนธรรมไทยพื้นบ้าน

สวัสดีครับครูคิม

ผมเห็นด้วยครับว่าเด็กๆสมัยนี้โชคดีกว่าตอนที่พวกเราเรียนอยู่เยอะเลย โดยเฉพาะทุนที่ให้มาเรียนต่างประเทศ...ตอนนี้มีอยู่หลาย

หน่วยงานที่ให้ทุนในลักษณะนี้ครับผม

ปล. คุณครูพี่คิมเคร่งครัดภาษาจนผมอายไปเลยครับ เพราะมีหลายบันทึกที่ผมรีบเขียนรีบโพส...มาดูอีกทีก็เจอคำผิดเยอะเลยครับ

ขอบคุณพี่มนัญญาที่เข้ามาทักทายครับผม... ชอบเมนูไหน ก็ลิ้มลองกันได้ตามอัธยาศัยครับ แต่นี่อาจจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารบันทึกสุดท้ายแล้วนะครับ เพราะรู้สึกว่าเขียนเรื่องแนวนี้ทีไร...น้ำหนักผมขึ้นทุกที...ฮ่าๆ

ผมขอ ปล. ด้วยคนนะครับ

ปล. ขอร่วมแสดงความเห็นในหน้านี้

ไว้เพื่อ"ระลึก" ถึง อาจารย์หนานวัฒน์...และเพื่อ"ขอบคุณ"

สำหรับทุกอย่าง...

เป็นบันทึก ที่ได้ยินทั้งเสียง...

ได้เห็นด้วยภาพ

ได้สัมผัสด้วยใจครับ

ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านนะครับ

สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก

ขอบคุณครับผมที่คอยติดตามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเสมอมา ไว้ผมจะตามไปเยี่ยมบันทึกจาก"บุรีรัมย์"ที่บล็อกคุณหมอนะครับ

สวัสดีค่ะ

ดีใจด้วยนะคะที่ไปไหนคนไทยเรายังรักกัน อาหารไทยเราอร่อยที่สุดในโลก...

คนที่ปรับตัวเก่งๆ ไปไหนก็ไม่ลำบากใจ...ดีใจแทนน้องบูชานะคะที่ทำตัวได้กลมกลืน

และดีใจกับคนที่ได้ทุนมาเรียน...

 

สายัณสวัสดิ์ครับพี่แดง

เรื่องอาหารนี่ต้องยอมรับครับว่าอาหารบ้านเราถูกปากที่สุด(ในโลก)แล้ว...อาหารคุนหมิงแม้จะมีรสเผ็ดพอสูสีกับบ้านเรา แต่เรื่องความมันผมขอยอมแพ้จริงๆครับ (อาจเพราะที่นี่อากาศเย็น เขาเลยเน้นมันๆไว้ก่อน)...ส่วนน้องๆที่ผมรู้จักนี้ ผมเองก็มั่นใจและดีใจนะครับที่เขาได้ทุนมาเรียนเพราะหลายคนมีความเป็นครูอยู่ในตัวอย่างเพียบพร้อมทีเดียวครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • อาหารไทยเครื่องไม่ครบแต่อาหารใจเต็มร้อย
  • ไว้ทานอาหารเครื่องครบที่เมืองไทยนะคะ ^^

สวัสดีครับท่านอ.พิชชา

ยินดีมากครับที่แวะมาเยือน อีกอาทิตย์เดียวผมก็จะได้กลับลำปางเสียที...หวังว่าคงจะได้พบกันนะครับ

สวัสดีค่ะ

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ  วันนี้ฝนตกแทบทุกภาคทั่วประเทศไทยค่ะ ข่าวบอกอย่างนั้นนะคะ  ที่พิษณุโลกอากาศเย็นสบายมากค่ะ

คนไทยอยู่ที่ไหนก็รักกันได้นะครับ ขอให้มีความสุขกับการทำงานครับ...

สวัสดียามบ่ายครับ ครูพี่คิม

ตอนนี้ผมกำลังหารูปพวกอาจารย์กับน้องๆกลุ่มตีแบดด้วยกันครับ คิดว่าจะเขียนให้เสร็จก่อนกลับบ้านครับผม

ปล. ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม

ขอบคุณท่านอาจารย์ขจิตครับ เห็นอาจารย์ไปโน่นนี่ไม่ว่างเว้นเลย รักษาสุขภาพและมีความสุขเช่นกันครับผม

สวัสดีค่ะ อ.ต๋อม

น้องนัทสาวงามแนะนำเวบให้พี่เข้ามาเยี่ยมชม อ่านแล้วก็ให้อมยิ้มกับภาษาน่ารัก ๆ และข้อความที่อุดมไปด้วยอุ่นไอแห่งมิตรภาพ ดีใจที่อยู่ที่ไหน คนไทยก็รักกันเสมอ ^ _ ^

ณ ต่างแดน แสนไกล และไร้ญาติ
คนต่างชาติ เต็มเมือง เรื่องสับสน
พบคนไทย ดีใจ ซะเหลือทน
ไทยทุกคน รักกันไว้..ไม่ทิ้งกัน

กลุ่มนี้คือเด็กไทยที่อยู่ปักกิ่งค่ะ

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์

  • สนุกมากค่ะ  รูป  รส  กลิ่น  เสียง  สัมผัสครบ....ทะลุใจ
  • อาจารย์ใช้ใจเก็บรายละเอียดได้ดีเหลือเกิน
  • อ่านเฉย ๆ น้ำหนักยังขึ้น  1  กิโล....มีความสุขไปด้วย
  • คลายความคิดถึงเด็ก ๆ ได้บ้างใช่ไหมคะ ?

ยินดีต้อนรับและขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาเยือนครับผม

  • สวัสดีครับพี่ตาล อยากให้พี่ได้มาสอนที่นี่ครับ ...ได้เรียนรู้ตัวเราที่มีต่อโลกภายนอกและโลกภายในได้ดีจริงๆครับผม
  • หลานคุณครูนงค์เยาว์ไปอยู่ที่ปักกิ่งใช่ไหมครับ...ถ้าเป็นที่นั่นอากาศหนาวมากจริงๆครับผม (ฟังจากที่เด็กๆไปเที่ยวช่วงปิดเทอมก.พ.-มี.ค.) และขอขอบพระคุณสำหรับรูปเด็กๆครับผม..แต่ละคนแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นจริงๆครับ
  • ยินดีครับคุณหมอที่เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น...ส่วนเรื่องความคิดถึง หลังจากเขียนบันทึกนี้เสร็จ ก็ค่อยคลายลงแล้วล่ะครับ

รากเหง้า..รากคิด..รากจิตวิญญาณ

คนไทย หัวใจไทย อยู่ใกล้ไกล ก็เป็นไทยเสมอ
ทุกครั้งที่ผมเดินทาง ผมจะต้องแวะกินข้าวเหนียวเสมอ
นั่นคือพลังชีวิตของผม
นั่นคือรากเหง้าของผม ...

ขึ้นเวทีบรรยาย
ผมก็ใส่เสื้อพื้นเมือง
สิ่งเหล่านี้บางคนมองว่า "พื้นถิ่น" เกินไป
ผมไม่โต้แย้งสงบฟัง และยิ้มชื่นชมกับเสื้อผ้าของตัวเองอย่างไม่เขินอาย


...

ชื่นชมและเป็นกำลังใจนะครับ

เพิ่งเคลียร์คะแนนและข้อสอบทั้งหมดเสร็จครับ... ตอนนี้เหลือแค่เก็บกระเป๋า ก็ปิ๊กบ้านเฮาได้แล้ว (ฮ่าๆ)

  • ขอขอบคุณดอกไม้ให้กำลังใจจากพี่อรพรรณ และคุณยูสเอเบิลแล็บมากครับ... แม้ไม่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกัน แต่เพียงแวะมาเยี่ยมเยือนก็ทำให้คนเขียนมีพลังจะเล่าเรื่องได้ต่อไปครับผม...ขอบคุณมากครับ
  • อีกท่านที่ทำให้ผมได้ความคิดดีๆหลายๆอย่างกลับไปพัฒนางานและกิจกรรมนักศึกษา คือ คุณแผ่นดิน ...ขอบคุณมากครับผมที่แวะมาแลกเปลี่ยนทัศนะในประเด็นต่างๆที่ผมได้เขียนไว้ในบันทึก... ผมอ่านข้อคิดเห็นของอาจารย์แล้ว ก็เห็นจริงดังว่าครับ "รากเหง้าของแต่ละถิ่นล้วนสำคัญ"... แต่หลายคราที่หลายคนเอาความงดงามของรากเหง้ามาเป็นข้ออ้าง...สร้างหมู่มวลที่เหมือนกันไว้ข่มคนอื่น...หลายครั้งที่ได้เจอเหตุการณ์"จำต้องเป็น"ก็ให้รู้สึกขัดใจ...ป่างามได้ ก็เพราะความหลากหลายของพืชพรรณ และเพราะอย่างนั้นจึงทำให้หลากหลายชีวิตได้งอกงามตามไปด้วย... หากทุกคนมุ่งประสงค์แต่เป็นไม้ใหญ่...ก็คงไม่ต่างอะไรกับสวนสัก สวนยาง...รอวันให้เขาโค่น หรือกรีดเนื้อเถือหนัง...ให้ค่อยๆตายไปเท่านั้นเอง 

ปล. รู้สึกจะเอาเรื่องราวหลายเหตุการณ์มาปะปนกันมั่ว...อ่านแล้วถ้า..งง...ก็อย่าได้ถือสาผมเลยครับ อ้อ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบใส่เสื้อเมืองไปสอน-ไปขึ้นเวที เช่นกันครับ

มาอีกรอบ เห็นแล้วอยากกินบ้าง หิวๆๆ

ช่วงนี้งานเข้าเหลือเกินครับท่านอ.ขจิต อยากเขียนแต่กลัวจัดการงานที่นี่ไม่ทัน (บันทึกหนึ่งๆของผมใช้เวลาเกือบครึ่งวัน...เพราะเป็นคนเขียนช้า และต้องอาศัย"การดำดิ่งสู่ห้วงคะนึง"อยู่นาน) ยิ่งเห็นอาจารย์และคุณหมอลงบันทึกใหม่ๆ แบบวันต่อวัน(ผมทึ่งมากครับ)ผมก็อยากทำให้ได้แบบนั้นบ้าง....แต่ของผมคงต้องเป็นแบบ อาทิตย์ละบันทึกแล้วล่ะครับ (ฮ่าๆ)

ปล. ขอบคุณท่านอาจารย์ที่แวะมาเยี่ยมอยู่เสมอครับผม

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • อ่านบันทึกของอาจารย์แล้วชอบจัง มีวิธีการนำเสนอแบบนักเขียนมืออาชีพเลยนะคะ
  • วันนี้มาวันแรก  สารภาพว่าอ่านเพียงคร่าว ๆ ด้วยเข้ามาผิดเวลาไปหน่อย
  • เพราะชั่วโมงนี้เป็นชั่วโมงเร่งรีบสำหรับการจัดการตัวเอง และ ลูก ๆ ไปโรงเรียน
  • จะไม่ทิ้งร่องรอยไว้เลยก็กระไรอยู่  เพราะความถูกใจมีมากมาย
  • สัญญาค่ะว่า "เย็นนี้หลังเลิกงานประจำ  งานเสริม" แล้ว จะแวะมาเก็บรายละเอียดจากบันทึกของอาจารย์ให้ได้มากที่สุด
  • และก็คงต้องย้อนไปอ่านบันทึกก่อน ๆ ของอาจารย์ด้วยหล่ะค่ะ
  • ขอบพระคุณอาจารย์อย่างมากค่ะที่แวะไปทักทายอิงจันทร์  เพราะนั่นคือการเชื้อเชิญให้อิงจันทร์ได้มาอ่านงานเขียนที่งดงามของอาจารย์ค่ะ

สวัสดียามเช้าครับคุณครู.รัชดาวัลย์

ขอบคุณคุณครูมากครับผมที่แวะมาให้กำลังใจ และเขียนร่องรอยไว้ให้ได้"สุขใจ" ... ข้อความของคุณครู เป็นกำลังใจให้ผมรีบจัดการงานประจำเพื่อจะมาเขียนเล่าได้มากเชียวครับ...ขอบคุณอีกครั้งครับผม

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • แวะมาเก็บรายละเอียดอีกรอบค่ะ
  • ทำให้นึกอยากมีวาสนาได้ไปลิ้มรสอาหารที่ห้องครัวคุนหมิงบ้างจัง
  • ดูภาพอาหารแล้วทำให้ น้ำยายหยัย...55555+

คิดถึงครับ

รออ่านบันทึกใหม่อยู่ครับ

งานคงยุ่งนะครับ

และเห็นบอกไว้ว่าเขียนช้า

อย่าช้าไปทุกเรื่องก็แล้วกันนะครับ

หรือกำลังเตรียมตัวครับ

วันนี้...

มาให้กำลังใจอาจารย์

สางงานแล้วกลับมาเขียนต่อนะครับ

พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ ขอให้เป็นเกลอ ร่วมพัฒนา ครับ

ใกล้กลับบ้านเราแล้วนะครับ เย้ๆๆๆ

คาดว่าอาจารย์กับลูกศิษย์อายุคงไม่ห่างกันมากนัก

เด็กสมัยนี้เก่งหลายอย่างนะคะ เรียนเก่งแล้วยังทำอาหารเก่งด้วย

ถ้าอยู่แต่ในบ้านเราคงมีแต่คนทำให้กิน

พอไปอยูต่างแดนแล้วแต่ละคนได้แสดงความสามารถเต็มที่เลย...ได้ประทับใจกับอาหารอร่อยด้วยฝีมือเด็กรุ่นใหม่

ขอแสดงความชื่นชม ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ค่ะ

  • ลูกศิษย์น่ารัก  
  • อาหารน่าทาน
  • ความรู้สึกของ  "ความเป็นครู" น่าชื่นชมมากค่ะ  
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท