ฟ้าฝนต้นปี 2554 ท่าทีดูเหมือนว่าดี หากช่วงนี้ท่านทั้งหลายพอมีโอกาส ลองพูดคุยกับคนรุ่นใหญ่วัยคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย หรือวัยใกล้เคียง จะได้คำตอบที่น่าสนใจ ผมเองมีจังหวะดีได้คุยกับรุ่นใหญ่วัยคุณปู่ หลายท่าน บทสรุปสำคัญลงเอยว่าฟ้าฝนสมัยใหม่ไว้ใจไม่ได้ ทำนองว่าอยากมาก็มา อยากไปก็ไป ออกอาการเอาแต่ใจแบบนี้มีหวังทั้งฟ้าทั้งฝนทั้งคนแบบเราเตรียมปวดหัวอย่างถ้วนทั่ว
หวนนึกถึงบทเพลงลูกทุ่ง ของครูเพลงรุ่นใหญ่ที่ว่าไว้ ฝนตกคนก็แช่ง ฝนแล้งคนก็ด่าในทัศนะผมเห็นว่าดูท่าจะจริง ด้วยลูกหลานไทยสมัยนี้มีหลากหลายอาชีพ บางอาชีพไม่อาศัยฟ้าฝน บางอาชีพพึ่งพาการใช้น้ำแต่ไม่ง้อฝน บางอาชีพต้องตั้งหน้าตั้งตารอฝนหากฝนไม่ตกต้องตามฤดู มีหวังเดือดร้อนถึงแมวที่ต้องลงแรงลงใจร่วมด้วยช่วยกัน
บนความหลากหลายของความเป็นท้องถิ่นไทย มีสิ่งดีงามซ่อนไว้มากมาย รอลูกหลานไทยขุดค้นนำมาใช้ให้ร่วมสมัย จังหวะชีวิตจะได้มีชีวา (บ้าง)
มาอ่านฟ้าฝนต้นปีครับ
จะได้มีชีวากับเขาบ้างนะครับ
พึ่งตามหาอาจารย์เจอวันนี้แหละ อาจจะเป็นเพราะสมัครไว้หลายที่มั่ง
ฝนตกหรือไม่ตกต้องตามฤดูกาลก็เพราะมนุษย์เป็นผู้สร้างและทำลายธรรมชาติ หากสร้างคือปลูกป่าให้อุดมสมบูรณ์ฝนฟ้าก็ตกต้องตามฤดูกาล หากทำลายธรรมชาติมากๆ ก็จะเป็นดั่งที่เราเห็นกัน มีซึนามิ แผ่นดินไหว น้ำแล้ง น้ำท่วม อีกจิปาฐะ เพราะมนุษย์นี่แหละครับ
ลองตรวจดูสภาพอากาศที่. http://www.sattmet.tmd.go.th/newversion/mergesat.html ชัวร์.....
จริงอย่างอาจารย์ว่า ผมพาชาวบ้านทำนารวมนาวัดมา ๕ ปี ปีนี้ทำนายากมากอาจารย์ ชาวบ้านหรือทางเกษรอำเภอเขาสรูปเป็นแนวเดียวกันว่า สาเหตุที่ก้าตายกันหมดมันเกิดจากจากเชื้อรา นายอำเภอประกาศเป็นภัยพิบัติของอำเภอศรีวิไล ให้ชาวบ้านรายงานมาจะจัดหายาไปให้ แต่ผมวิจัยด้วยประสบการณ์ของผมในฐานะที่บวชมาตั้งแต่อายุ ๑๒ ขวบ (ยังไม่เคยทำนากับเขาเลย) ว่ามันเกิดจาภาวะลกร้อน คิดดูสิอาจารย์ วันเดียวกันทั่วทั้งอำเภอก้ายุบหมด ถ้าเชื้อโรคทำไมมันยูบพร้อมเพรียงกัน ทำไมไม่รุกรามไปที่ละหมู่บ้าน ก่อนหน้าที่ก้าของวัดและของชาวบ้านจะยุบ มันตกติต่อกันมาหลายวัน มืดคลื่มตลอด พอวันที่ ๕ แดดเปรี้ยงมาก เป็นอันได้ผลเลย โยมพี่ผมไปดำนาช่วยโโยมแม่ กลับไปนาว่าจะเอาน้ำเข้าตาก้าเพื่อวางแผนจะถอนดำอีก ๕ วันได้เรื่องแทบร้องให้ ต้องมาตกก้าใหม่อีกที กว่าจะได้ดำ ต้องกลางพรรษาแน่ๆ