ปั้นน้ำเป็นตัว (นิตยสารสารคดี ฉบับ 313 มีนาคม 2554)


อ่ะ อ่ะ อย่าบอกนะว่าชั่วชีวิตนี้คุณไม่เคยปั้นน้ำเป็นตัว -แม้สักครั้ง

ตอนเด็กๆ คุณเคยบอกแม่หรือเปล่าว่า วันนี้ป่วย ไปโรงเรียนไม่ไหว (แต่ความจริงคือ ขี้เกียจ หรือทำการบ้านไม่เสร็จ ฯลฯ)

“ปั้นน้ำเป็นตัว” เป็นสำนวนที่น่าจะนิยามได้สั้นๆ ว่า คือการเล่าเรื่องหลอกๆ ที่ไม่มีเค้าความจริง จะเพื่อประโยชน์ใด หรือด้วยเหตุผลใด ก็แล้วแต่  (ต่างจาก “โกหก” ที่ส่อแง่ลบ)

ส่วนคนฟังจะเชื่อตามหรือไม่ ก็ย่อมขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัย

ลองอ่านเรื่องต่อไปนี้ แล้วช่วยพิจารณาว่าเรื่องนี้ “จริง” หรือ “ไม่จริง”

“เช้าวันหนึ่งในปี ค.ศ. ๑๙๗๖ นักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงของอังกฤษชื่อ แพทริก มัวร์ ประกาศทางสถานีวิทยุบีบีซีว่าในเวลาเช้า ๙ โมง ๔๗ นาที ดาวพลูโตจะโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกับดาวพฤหัสบดี และส่งแรงดึงดูดมาถึงโลก ทำให้แรงโน้มถ่วงบนโลกลดลงเล็กน้อย แต่คนบนโลกจะสามารถรู้สึกได้ หากกระโดดตัวลอยกลางอากาศในจังหวะเวลาดังกล่าวพอดี  หลังจากผ่านเวลาดังกล่าว สถานีวิทยุบีบีซีได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านหลายร้อยสายแจ้งว่าได้ลองกระโดดแล้วรู้สึกว่าตัวเบาจริงๆ”

ใจเย็นๆ เก็บคำตอบของคุณไว้...ขออนุญาตเฉลยในตอนหลัง

ต่อไปนี้จะชวนคิดหน่อยว่า

ถ้าจะปั้น “น้ำ” เป็น “ตัว” ขึ้นมาในโลกจริงๆ มันจะเกิดขึ้นในแบบไหน?

อย่างพื้นๆ ที่ทุกคนคิดถึงทันทีคือ “น้ำแข็ง”  และอาจขยายไปถึงเมฆ หิมะ ลูกเห็บ ซึ่งล้วนเกิดจากการรวมตัวของหยดน้ำ โดยเฉพาะเมฆอาจกลายร่างเป็นตัวสัตว์และรูปร่างสิ่งต่างๆ ได้เสียด้วย

แล้วอย่างสุดๆ ล่ะ  ถ้าผมจะบอกว่า น้ำเป็นตัวก็คือตัวเรานี่เอง  คุณจะเชื่อไหม

วิชาชีววิทยาเบื้องต้น : สิ่งมีชีวิตอย่างคนเรา ร่างกายประกอบขึ้นจากหน่วยพื้นฐานของชีวิตที่เล็กที่สุด เรียกว่า เซลล์  และในเซลล์ทุกเซลล์มีน้ำเป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ ๗๐ 

ตัวเราหรือร่างกายเรา จึงปั้นขึ้นมาจากน้ำถึงร้อยละ ๗๐ ด้วย  และหากจะเปรียบ ตัวเราก็คงคล้ายกับถุงใส่น้ำ เจาะปุ๊ไปตรงไหน น้ำ (เลือด) ก็ไหลหยดแน่นอน

และเหลือเชื่อแต่จริง คุณรู้หรือเปล่าว่า สมองของมนุษย์มีความสามารถ “ปั้นน้ำเป็นตัว” ได้เอง

ขอยกตัวอย่างที่หลายคนคงเคยประสบมาก่อน คือเราจะรู้สึกว่าพระจันทร์ (พระอาทิตย์) ที่เห็นใกล้ขอบฟ้า มีดวงใหญ่กว่าเมื่อพระจันทร์ (พระอาทิตย์) อยู่กลางท้องฟ้า

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น พระจันทร์และพระอาทิตย์จะเปลี่ยนขนาดไปจริงๆ ตามตำแหน่งที่เรามองเห็นละหรือ -ไม่น่าใช่

คำตอบอันน่าทึ่ง คือสมองของเราสั่งให้เราเห็นดวงจันทร์ใกล้ขอบฟ้าใหญ่กว่าที่ตาเห็นโดยอัติโนมัติ  (หากอยากรู้เพิ่ม ลองค้นคำว่า moon illusion ดูในอินเทอร์เน็ต)

ภาพที่ดวงตาเราเห็นจึง “ไม่ใช่” สิ่งเดียวกับที่สมองสั่งให้เรารับรู้  สมองทำงานตามโปรแกรมของมันเองโดยที่เรา -ผู้เป็นเจ้าของสมอง ไม่อาจสั่งมันให้เห็นเป็นอื่น  ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือจะพยายามเพ่งเท่าไร ดวงจันทร์ใกล้ขอบฟ้าจะดูใหญ่กว่าดวงจันทร์กลางฟ้าเสมอ (ยกเว้นจะวัดด้วยไม้บรรทัด ซึ่งแม้คุณวัดได้เท่ากัน แต่ก็ยังมองเห็นว่าไม่เท่ากัน)

น่าสงสัยว่า ใครเป็นเจ้าของร่างกายนี้กันแน่ ตัวเรา หรือโปรแกรมในสมอง?

อีกตัวอย่างที่จะสร้างความประหลาดใจให้คุณยิ่งขึ้น คือ “ยาหลอก” (placebo) 

ในการทดสอบประสิทธิภาพของยาชนิดใหม่ จะมีการทดลองเปรียบเทียบผลของยาจริงกับยาหลอก โดยคุณหมอจะบอกแก่คนไข้ทุกคนว่ากินยาแล้วอาการจะดีขึ้น แต่ความจริงมีบางคนได้รับยาหลอกซึ่งเป็นแค่แป้งหรือน้ำตาลในรูปเม็ดยาที่เหมือนกับยาจริง

ผลลัพธ์ปรากฏในหลายกรณีว่า คนไข้หายป่วยถึงแม้จะกินยาหลอก และไม่เคยกินยาจริงเลยสักเม็ดเดียว

เราจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร หากมิใช่เพราะสมองเราปั้นน้ำเป็นตัวว่าได้กินยารักษาโรคเข้าไปจริง ร่างกายจึงจัดการโรคเสียเลยตามที่สมองสั่ง

จะสรุปได้ไหมว่า คนเรา “ปั้นน้ำเป็นตัว” อยู่โดยธรรมชาติ :P

ย้อนกลับไปที่คำถามในตอนแรก

เมื่อคนอังกฤษฟังข่าววิทยุซึ่งประกาศโดยนักดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง และกระโดด...ผมเชื่อว่าวินาทีนั้นเขารู้สึกตัวเบาจริงๆ

เรื่องราวในปี ค.ศ. ๑๙๗๖ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่วันที่ประกาศข่าวคือวันที่ ๑ เมษายน ฝรั่งเรียกว่า April’s Fool Day ซึ่งมีธรรมเนียมว่าวันนี้ใครๆ ก็อาจเล่าเรื่องหลอกคนอื่นได้ โดยห้ามโกรธกัน และสถานีวิทยุบีบีซีอันน่าเชื่อถือจึงเล่นปั้นน้ำเป็นตัวกับผู้ฟังรายการ เพราะไม่มีดาวเคราะห์โคจรมาอยู่แนวเดียวกัน หรือถึงเกิดขึ้น แรงโน้มถ่วงของโลกก็ไม่มีวันลดลงจากเหตุนี้

แต่ทำไมคนที่กระโดดจึงรู้สึกตัวเบา เขาตัวเบาจริงๆ  บ้าไปเอง หรือสมองสั่ง – คุณล่ะ คิดว่าอย่างไรแน่

ปี ค.ศ. ๑๘๗๘ หนึ่งปีหลังจากที่ โทมัส อัลวา เอดิสัน มีชื่อเสียงขจรขจายจากการประดิษฐ์หีบเสียง หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่าเอดิสันได้ประดิษฐ์เครื่องผลิตอาหารซีเรียลจากดินโดยตรง และไวน์จากน้ำบริสุทธ์ได้สำเร็จ! ปรากฏว่าไม่มีชาวอเมริกันคนไหนปฏิเสธข่าวนี้เลย เพราะทุกคนเชื่อในอัจฉริยภาพของเอดิสันอย่างสุดๆ...แน่นอนครับ วันที่ลงข่าวคือวันเอพริลฟูล

นี่เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงว่า เราพร้อมจะเชื่อ “เรื่องเล่า” ว่าเป็น “เรื่องจริง” หากต้นกำเนิดข่าวมีความน่าเชื่อถือ

และเมื่อสมองเราเชื่อเสียแล้ว แม้ “เรื่องเล่า-ยาหลอก” ที่มาจากการปั้นน้ำเป็นตัว ก็กลายเป็น “เรื่องจริง-ยาจริง” ที่มีผลกระทบต่อร่างกายและอารมณ์จิตใจเราขึ้นมาได้เสียด้วย  

ทุกวันนี้มนุษย์โลกกำลังสับสนวุ่นวาย อาจเพราะเราอยู่ในสังคมแห่งการปั้นน้ำเป็นตัว จะโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม

ในสังคมบริโภค สินค้าทุกชนิดตั้งใจสร้าง “เรื่องเล่า” ให้คุณเชื่อ เมื่อเชื่อ คุณก็คิดว่ามันจริง มีประโยชน์จริง ใช้ได้ผลจริง

ในทางการเมืองและทุกวงการที่แตกฝ่าย แต่ละฝ่ายก็สร้าง “เรื่องเล่า” ในฝ่ายตน จนเชื่อว่าเป็นจริง ทุกข์ร้อนจริง และปิดพื้นที่การรับฟังข้อมูลของฝ่ายอื่น

“จริงหรือเปล่า” จึงไม่สำคัญเท่ากับว่า “คุณเชื่อหรือเปล่า”

ท้ายที่สุด แม้แต่นิตยสารสารคดีซึ่งผู้อ่านยอมรับหรือ “เชื่อ” ว่าเป็นสื่อที่มีความน่าเชื่อถือที่สุด ก็ไม่พ้นข้อละเว้น

ลองคิดให้ดีนะครับ ทั้งแหล่งข้อมูลที่สารคดีนำมาเล่าเรื่อง บก. นักเขียน ช่างภาพ ผู้อ่าน ฯลฯ  สมองของแต่ละคนอาจกำลังปั้นน้ำเป็นตัวอยู่โดยอัตโนมัติ และเราก็ไม่มีอำนาจบังคับหรือตรวจสอบสมองของเราหรือใครได้

หากเป็นจริงดังนั้น และด้วยสติสตังเท่าที่พอมีอยู่ ผมจึงขออนุญาตประกาศเแสดงความรับผิดชอบกับผู้อ่านไว้เสียหน่อยว่า

คำเตือน : โปรดอ่านทุกหน้าในสารคดีด้วยความใคร่ครวญ และอย่าเชื่อมั่นว่ามีแต่ความจริงอันเป็นที่สุด ไม่ว่าหน้านั้นจะมีคำว่า “พื้นที่ประชาสัมพันธ์” หรือไม่ก็ตาม J

ทั้งหมดที่เขียนมาเป็นการ “ปั้นน้ำเป็นตัว” แบบหนึ่ง – ว่าแต่ “คุณเชื่อหรือเปล่าล่ะครับ”

                                                                                                                บรรณาธิการบริหาร

                                                                                                                สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ

                                                                                                                [email protected]

                                                                                                                ก่อนวันที่ ๑ เมษายน

หมายเหตุ : บทบรรณาธิการฉบับนี้ได้แรงบันดาลใจจากสารคดีพิเศษประจำฉบับเรื่อง “รื่นรมย์ชมเมฆ” หนังสือน้ำ ของมูลนิธิโลกสีเขียว และเวบไซต์ http://www.museumofhoaxes.com/hoax/aprilfool/

หมายเลขบันทึก: 443633เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2011 11:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 11:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท