เคยถามตัวเองว่าเกิดมา แล้วเคยทำประโยชน์อะไรให้แผ่นดินผืนนี้หรือยัง ก็ตอบตัวเองว่าเคยทำแล้ว แต่ที่ทำนั่นนะพอหรือยัง คิดในใจว่าตัวเรานี้หนอ เกิดมาเกือบครึ่งชีวิตแล้ว ยังทำประโยชน์ให้แผ่นดินเกิดได้เพียงแค่น้อยนิด อยากจะทำให้มากกว่านี้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะเขียนบันทึกนี้ ชีวิตมันช่างมีเงื่อนไขเยอะแยะมากมาย เราคิดว่าต้องหาเงินเลี้ยงชีวิต เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ต้องดูแลคนที่เรารัก ต้องใช้หนี้ และเหตุผลอีกร้อยแปด ที่ทำให้เราไม่กล้าที่จะออกไปทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ จนถึงวันนี้ในชีวิตไม่มีอะไรมาเป็นเงื่อนไข ที่จะเป็นข้ออ้างในการไม่ีทำตามความฝันของตัวเอง คุณเคยคิดมั้ยว่า การตอบแทนแผ่นดินนั้นไม่ต้อง ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่และยุ่งยากเลย การตอบแทนคุณของแผ่นดินนั้น มีให้ทำได้อยู่รอบตัวเรานี่เอง เรามักมองข้ามไป เช่น การช่วยกันประหยัดไฟฟ้า น้ำ น้ำมัน ก็เป็นการช่วยแล้ว การดูแลบุตรหลานอย่างเอาใจใส่ไม่ตามใจปล่อยปะละเลยให้เสียคน การทิ้งขยะให้ถูกที่ตรงตามถังแยกขยะ การรวมพลังกันในชุมชนเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น หรือร่วมช่วยกันทำในสิ่งที่พัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิดของตนเอง การร่วมกันบริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนที่ความประพฤติดีเรียนดีแต่ ยากจน ต่อไปคงเป็นกำลังสำคัญของชาติได้ การไม่เห็นดีเห็นงามกับการคิดหรือกระทำที่ผิดของคนอื่นเพราะคิดว่าไม่เป็นไร หรอกมันเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น การเล่นพนันบอล การเล่นหวยใต้ดิน หรือแม้กระทั่งหวยบนดิน ซึ่งเป็นหนทางที่ทำให้ชาติของเราเสื่อมถอย มองดูแล้วทุกวันนี้ คนในบ้านในเมืองของเราหลงคิดผิดๆ กันมากมาย หลงคิดว่าการตัดต้นไม้เพื่อขยายถนนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง หลงคิดว่าการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจะช่วยให้อุตสาหกรรมขยายตัว หลงคิดว่าการสร้างโรงงานถลุงเหล็กตรงนั้นตรงนี้จะทำให้ชาติพัฒนา แต่คนเหล่านี้ลืมมองรากเหง้าของคนไทยว่าคนไทยนั้นอยู่กับวิถีธรรมชาติมาแต่ อดีตกาล ทำเกษตรกรรม เพาะปลูกเพราะบ้านเรามีทรัพยากร ที่เหมาะสมหากเราคนในชาติช่วยกันทำไมเราจะเป็นมหาอำนาจทางการเกษตรไม่ได้ การอยู่กับวิถีธรรมชาติเราต้องรักษาธรรมชาติ ไม่ทำลาย แต่การสร้างโรงงานส่วนใหญ่จะทำลายระบบนิเวศที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมีระบบความรับผิดชอบทางสังคมของธุรกิจ หรือ Corporate Social Responsibility (CSR) หากเราทุกคนทำความเข้าใจกับระบบนี้และพยายามทำให้เจ้าของกิจการต่างๆ หันมาให้ความสำคัญ บ้านเมืองและระบนิเวศของเราก็จะกลับคืนมาดีดังเดิม ในความคิดของผู้เขียนคิดว่าประเทศไทยควรเอาเกษตรกรรมนำอุตสาหกรรม เพราะบ้านเรามีความเหมาะสมในการทำเกษตรมากกว่าเรามีดินมีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ แต่เรามีเหมืองโลหะ หรือน้ำมันไม่มากนัก จากตรงนี้เราก็ตัดสินใจได้แล้วว่าประเทศควรเดินไปทางใด การพูดแบบนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐแต่ที่พูดเพื่อเตือนสติคนในชาติ ว่ามีมหาบุรุษ ได้ดำเนินนโยบายนี้มาเป็นเวลา 60 กว่าปีแล้ว และประสบผลสำเร็จ ตามพื้นที่ต่างของประเทศแต่คนในชาติหลายๆ ส่วนยังแค่คิดว่าดี แต่ไม่ให้ความร่วมมือและคิดจะทำอย่างเป็นจริงเป็นจัง ผู้เขียนคิดว่าพวกเราคนไทยควรมาร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาระบบเกษตรกรรม ระบบนิเวศและอุตสาหกรรม ไปพร้อมกัน เพื่อเป็นการพัฒนาชาติอย่างยั่งยืน คิดถึงลูกหลานที่จะอยู่ต่อไปในอนาคตบ้างว่าเขาจะอยู่ในสภาพอากาศที่แปรปรวน มีมลพิษ แห้งแร้ง ได้อย่างไรถ้าเราไม่ช่วยกันเสียตั้งแต่วันนี้
ไม่มีความเห็น