วันเบาๆ ก็คุยเรื่องเบาๆ แบบผมโดนคอมเมนต์แรงๆ นะครับ ก็ทำให้เกิดบันทึกนี้มา ดังนี้ครับ..
จริงๆ นั้นคำตินั้นสำคัญมาก ทุกคนโดยธรรมชาติเมื่อโดนด่า ก็จะนำคำเหล่านี้มาไตร่ตรอง และแก้ไขตนเองไปในทางที่ลดคำติลง
แต่เจ้าคำตินี่แหละที่เราเองจะต้องรับเข้าสู่ตนอย่างรู้ตัว และมีสติไม่เชื่อไปเลย
คล้อยตามไปเลยในทันที เพราะอะไร ก็เพราะว่า คนเราที่รายล้อมนั้นมีทั้งที่ชอบและไม่ชอบ แม้กระทั่งการที่เราไม่ได้เห็นตัวกันนี่ก็สามารถจะชอบและไม่ชอบกัน ก็ได้นะ
การตำหนิ การด่าทอ การผรุสวาทคำที่เลวร้ายนั้นเป็นของร้อน เป็นไฟที่สร้างความเสียหาย
ส่วนใหญ่จะมากซะด้วย เผากันเป็นจุลเลย อาจทำให้เราต้องเสียงานใหญ่ อาจทำให้ท้อแท้
ขาดความมั่นใจ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถ้าเกิดขึ้นกับเรา โดยที่ฝ่ายตรงข้ามเค้ากำหนดไว้ เขียนสคริปท์ไว้นี่จะเป็นอะไรที่ เสียทีเขาเลยทีเดียว และรู้สึกแย่สุดๆ
จริงๆ ก็เป็นหลักในการเตือนสติ จากคนรุ่นใหม่ที่น่าสนใจนะ เค้าบอกว่า เราน่ะไม่ต้องเชื่อความหวังดีของคนเราทั้งไกลและใกล้ตัวของเรา ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ หรือใครๆ ที่เราไว้ใจ
เค้ายกตัวอย่างว่า ในครอบครัวหากเราเป็นคนที่ช้า ทำอะไรก็ช้า
“ พ่อแม่ก็บอกเราว่าไม่เป็นไรหรอกก็เราเป็นคนช้านี่ “ แบบนี้จริงๆ หวังดีนะ ไม่ได้คิดอะไรนะ
แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ หากคุณเชื่อคุณพ่อคุณแม่ คุณก็จะไม่ได้ปรับปรุงตนเองในเรื่องราวของความช้า และเมื่อไหร่ที่ทำผิดไปเนื่องจากความช้า คุณก็จะหาเหตุผลมาสนับสนุนความแย่ของคุณ
ตัวคุณก็จะยอมรับความเป็นคนที่ด้อยกว่าคนอื่นไป
ทั้งๆ ที่จริงๆ หากคุณไม่เชื่อพ่อแม่นี่ ตัวคุณก็จะต้องไปมองหาล่ะว่า ตรงไหนน้าที่ทำให้เราช้า ทำงานไม่ทันเวลานะ เมื่อค้นหาก็ต้องพบ เ มื่อพบสาเหตุแล้วก็ค่อยๆ แก้ ค่อยๆ ปรับปรุงไป
การทำงานใดๆ ของคุณในระยะต่อมาก็จะดีขึ้น ดีขึ้น
ความภูมิใจก็เกิดขึ้น ก็มีกำลังใจ ทำให้การพัฒนาตนเองก็ดีวันดีคืน เพียงไม่นานก็กลายเป็นคนใหม่ หรืออาจจะก้าวขึ้นไปมีชื่อเสียงระดับโลกได้ เฉกเช่น คุณบัณฑิต อึ้งรังษี ก็ได้ ใครจะรู้ !
ผมเห็นด้วยครับ ขอบคุณ
สวัสดีครับและขอบคุณคุณชยันต์ เพชรศรีจันทร์ นะครับ
ขอบคุณครับ อาจารย์ขจิต ฝอยทอง ต้องลองทำดูครับ
คำด่าว่าไม่อาจทำให้คนดีหรือเลว
แต่ความท้อใจต่างหาที่ทำร้ายเราเอง
นะครับ
มาชม
ผมฟังท่านอาจารย์พุทธทาสบอกนะว่า...คนฉลาดคนมี( พุทธ )ปัญญาอยู่ที่ไหน ก็หาความสุขได้...อิ อิ อิ