ถึงฤดูผู้ใหญ่เล่น(เป็นเด็ก)


บางช่วง บางเวลา ผู้ใหญ่ก็อยากจะเล่นแบบเด็กๆเหมือนกัน

หลังการประกาศยุบสภา ไม่ว่าจะเพราะยึดสปริตจริงๆหรือเพราะหลบไปไหนไม่รอดแล้ว ปรากฏการณ์นักเลือกตั้งออกเพ่นพ่านขอความเห็นใจชาวบ้านร้านประชาให้ช่วยประคองเข้าสภาอีกครั้งก็เข้มข้นขวักไขว่ขึ้นทันที ถึงขนาดที่หากไม่รักไม่สงสารช่วยอุ้มสม ก็ขอให้ช่วยถีบส่งผ่านนักการเมืองกลุ่มซุ่มซ่อนตามใต้ถุนพรรคที่เรียกว่าปาร์ตี้ลิสต์บ้างก็ยังดี

จะว่าไปแล้วเมื่อได้แว่วสำเนียงความเป็นไปได้ของการยุบสภา ทุกพรรคการเมืองก็ล่วงหน้าออกเก็บคะแนนไปกันมากแล้ว บ้างก็อาศัยเครือข่ายหัวคะแนนของตัวเอง เครือข่ายกลุ่มการเมืองนอกสภาทั้งที่เป็นสีเดี่ยวๆ สีโน้น สีนี้ หรือพวกที่อ้างว่าตัวเองมีสีได้หลากหลายมากมายจนดูเลอะเทอะไปทั้งตัว(ตกลงหาอุดมการณ์ประจำตัวเจอหรือยัง?) ไปจนถึงการเอาเครื่องไม้เครื่องมือของรัฐจากการได้เปรียบของสถานภาพของตัวเองมาเป็นตัวช่วยก็มีเสียงซุบซิบจนแสบแก้วหูว่ามีจริง

แถมยังมีบางกลุ่มงัวเงียคิดว่าเขาจะเลือกเอาคนในบ้านตัวเองเข้าสภา ต้องออกมาโวยวายไม่ให้เลือกกันวุ่นวายไปหมด
ประชาธิปไตยของคนกลุ่มนี้ก็แปลกดีเหมือนกัน ให้เลือกความว่างเปล่าเข้าไปบริหารประเทศ ฟังดูโรแมนติกชะมัด !

ก็อยากจะมองในแง่ดีนะครับ ในระบอบประชาธิปไตยเมื่อต้องมีตัวแทนของประชาชนเข้าไปบริหารบ้านเมือง มันก็หนีไม่พ้นการเลือกตั้งจากเสียงของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่เขียนกฎหมายให้คนหกเจ็ดคนทำหน้าที่เลือกสมาชิกรัฐสภา(บางส่วนในตอนนี้ จริงๆก็คงอยากเอาทั้งหมดนั่นแหละ)แทนคนหกสิบเจ็ดล้านคน เป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างที่เป็นอยู่ เพราะผู้ที่อาสาเข้ามาโดยการรวมกลุ่มความคิดและอุดมการณ์(ตามทฤษฎี)เป็นพรรคการเมือง ก็จะต้องมีนโยบายที่เป็นรูปธรรมที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติเพื่อการบริหารประเทศได้ แม้ว่าจากพรรคการเมืองสี่สิบกว่าพรรคในเวลานี้หากกรองเอาสาระของนโยบายของทุกพรรคว่าสามารถนำมาใช้บริหารและพัฒนาประเทศได้ ที่สำคัญต้องสามารถนำมาปฏิบัติได้จริงๆไม่ใช่เพ้อฝันไร้สาระ พูดได้จ๋อยๆแต่ไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างไร เช่นให้โน่น ให้นี่ ประกันราคาตัวนั้นตัวนี้ ลดภาษีเท่านั้นเท่านี้ บางที่ก็กำหนดนโยบายเป็นตัวเลขมงคล(ของพวกตัวเอง)ทำนอง ค่าแรงต้อง 999 บาท ให้คนมีงานทำอีก 9,999 คน มีโครงการเพิ่ม 999 โครงการ(ตกลงถ้ามีคนตกงาน 10,002 คน ไอ้ 3 คนที่เหลือก็จงตกงานต่อไปอีกหรือไง?) ก็ยังคงมีนโยบายที่เป็นประโยชน์และสามารถนำมาใชได้จริงๆหลงเหลืออยู่บ้าง และก็น่าจะครอบคลุมในทุกด้านของการบริหารประเทศ โดยเฉพาะตัวนโยบายของพรรคใหญ่ที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลหากตั้งใจลงมือทำไม่จริงๆไม่ใช่เอาแต่พูดให้ดูเท่ห์ไปวันๆเท่านั้น

เรื่องเลือกตั้ง เรื่องนโยบายก็ว่ากันไป แต่สิ่งที่ผมอยากจะเขียนวันนี้เป็นเรื่องของสีสันการหาเสียงของนักการเมือง หรือที่บางคน(รวมทั้งผู้เขียน)ดัดจริตเรียกในบางครั้งว่านักเลือกตั้ง เพราะหากเปรียบเทียบกับหลายๆประเทศที่เขาทำกัน ของเราดูมีสีสันและเอกลักษณ์เป็นของตัวเองไม่ซ้ำใครเหมือนกัน เพราะต่างก็พยายามช่วงชิงทั้งความสนใจของประชาชนและพื้นที่สื่อกันอย่างเต็มที่ทุกรูปแบบ อาจจะเรียกได้ว่า"เอาเป็นเอาตาย"กันเลยทีเดียว อะไรที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ อะไรที่ไม่เคยประพฤติปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติ

ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งเรื่องแผลงๆ เรื่องเสิ่ยงๆ(พอมีคนเยอะๆยกยอกันมากๆอะไรที่ทำแล้วอาจเกิดอันตรายได้ก็มองข้ามไป)
เอาตัวอย่างบางเรื่องที่พอจะเห็นกันบ่อยๆก็เช่น การยืนโบกมือบนสารพัดรถ ทั้งรถไถนา รถอีแต๊ก อีแต๋น สกายแล็บ ฯลฯ
ไปจนถึงโชว์ลีลาขับมันเสียด้วยตัวเอง เหมือนอย่างที่เราเห็นในทีวีที่หัวหน้าพรรคการเมืองบางคนทำตัวเป็นไอ้หนุ่มรถไถ หรือไอ้หนุ่มวินมอ-ไซค์เสียเอง

เวลาดูก็ดีหรอกครับมีสีสันดีแต่อยากจะบอกว่ามันอันตราย อย่างรถไถนานี่ผมค่อนข้างคุ้นเคยดีเพราะน้องชายมีอยู่หลายคัน
เห็นมันไปช้าๆ แต่แรงมันเยอะนะครับ ถ้าขับไม่เป็นไม่คุ้นเคย ไม่ใช่ว่าเจอคันนาแล้วมันจะหยุดเองเมื่อไหร่..โน่นปีนไปจนหงายท้องลงมาเอาล้อชี้ฟ้านั่นแหละมันถึงจะหยุดให้
ถ้าต้องไปหมกขี้โคลนมีรถไถนาทั้งคันคาอยู่คงไม่ต้องบอกนะครับว่าจะเป็นอย่างไร
แล้วคนที่จะหัวเราะจนสะดือปลิ้นไปปลิ้นมาก็คงไม่พ้นคู่แข่งนั่นแหละครับ !

อีกเรื่องก็คือเวลาไปหาเสียงในย่ายการค้าตามตลาดแล้วต้องทำตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้าด้วยการเข้าไปแย่งทำกับข้าวเอง ชงกาแฟเอง
ดูเหมือนดีอีกเช่นกันเพราะถ้านักการเมืองคนนั้นเคยมีกิจกรรมอยู่ในแวดวงแบบนั้น อย่างเช่นท่านอดีตนายกฯสมัคร(ผู้ล่วงลับ)กับการทำกับข้าวเป็นต้น
แต่ถ้าไม่เคยทำแล้วต้องมาแสดงอาการเก้กังๆ นอกจากเจ้าของร้านเขาจะรำคาญแล้ว ใช่ว่าภาพมันจะดี
ลองปิดหูเลิกฟังพวกสอพลอรอบๆตัวแล้วกลับไปนั่งเปิดวิดีโอดูตัวเองที่บ้านคนเดียวดูบ้างเถอะครับ

..เพราะถ้าไม่หลงตัวเองจนเป็นปกติ บางทีท่านอาจจะเข็ดการเดินตลาดไปจนตายเลยก็ได้..


..เล่นอะไรกันเป็นเด็กเลย..?


..เน๊าะๆ ..

ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ เราโชคดีแล้วที่มีการเลือกตั้ง ก็ขออย่าให้มีปรากฏการณ์งี่เง่าอะไรเพื่อไม่ให้ประชาธิปไตยเดินไปได้ด้วยดีอีกเลยครับ
ประเภทผู้ใหญ่บางคนที่เคยบอกว่า "หน้าเหล้า หน้าข้าว นักเลงเขาไม่ทำกัน".."ไม่สวย..นักเลงไม่ทำ" วันนี้มาอีกแบบไม่รู้ว่าอยากเล่นเป็นเด็กอะไร

..ที่แน่ๆ วันนี้มีนักเลงหายไปอีกคนหนึ่งแล้วมั้ง..!!!

 

ขอบคุณภาพจาก Internet

หมายเลขบันทึก: 442832เขียนเมื่อ 7 มิถุนายน 2011 12:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ตอนนี้ชอบเล่นเป็นเด็ก..กลัวเลือกตั้งแล้ว ไม่ได้เล่นเป็นเด็กอย่างเดียว กลัวความคิดจะเป็นเด็กไปด้วย

  • ขอปรึกษาหมอท่านใดก็ได้ครับ ช่วยหน่อย
  • ผมเบื่อนักการเมือง เห็นตามทีวี ตามไหนก็ตาม
  • เซ็ง กว่าดูหนัง ละเม็ง ละคร รู้เช่นเห็นชาติ
  • มองพวกคนเหล่านี้เป็นตัวปัญหาของชาติ
  • ที่ประชาชนไม่มีสิทธิจะทำอะไรได้เลย
  • อึดอัดครับ ผมเป็นโรคอะไรครับ

ขอโทษยังกล่าวไม่จบ

ทั้งๆ ที่เขาก็ดีกันทุกคนนะครับ

...ผู้ใหญ่..ชอบเล่นละคร(หลอกเด็ก)..ตอน.นี้..อาจมีชื่อเรียกว่า..."เดินตามผู้ใหญ่...หมา..เลีย..ตูดไม่ถึง"....อ้ะะะๆๆๆๆๆ.....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท