ประวัติเนตรนารีไทย (ลูกเสือหญิง) | |
สว่าง
นิ่มสมบุญ
นายกสโมสรเนตรนารีเพชราวุธ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ที่จะรักษาเอกราชอธิปไตย ของประเทศสยามไว้เป็นอันดับแรก จึงทรงทำนุบำรุงทหารบก ทหารเรือ และทรงตั้งกองเสือป่าขึ้นใน พ.ศ. 2454 เมื่อทรงตั้งกองเสือป่าขึ้นแล้ว ในปีเดียวกันนั้นเอง พระองค์ท่านก็ได้ทรงคิดถึงเยาวชนของชาติโดยทันที จึงได้ทรงจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นเพื่ออบรมจิตใจเด็กชายแต่เยาว์ให้มีความกล้าหาญ อดทน เข้มแข็ง สมชาย รู้จักบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นและแก่ส่วนรวม กิจการลูกเสือได้แพร่หลายไปทั่วประเทศก่อนพระราชบัญญัติประถมศึกษาถึง 10 ปี จึงนับได้ว่าการลูกเสือเป็นอุปกรณ์การศึกษาที่ดีเลิศ นอกจากที่ทรงพระมหากรุณาแก่ชายไทยแล้ว ยังทรงพระราชคำนึงว่า สตรี และเด็กหญิง ก็อาจเป็นกำลังของชาติได้ จึงได้ทรงตั้งกลุ่มสตรีขึ้นเรียกว่า "สมาชิกแม่เสือ" โดยรับสมัครสตรีที่ส่วนมากเป็นภริยาและบุตรของเสือป่า สมาชิกแม่เสือมีหน้าที่จัดหาเสบียง และเวชภัณฑ์ส่งให้กองเสือป่าและต้องช่วยชำระค่าบำรุงสโมสรด้วย ผู้ใหญ่เสียค่าบำรุงปีละ 2 บาท เด็กเสียปีละ 50 สตางค์ สมาชิกแม่เสือมีสิทธิประดับเข็มเครื่องหมายเป็นรูปหน้าเสือทำด้วยเงินเชิญพระปรมาภิไธย ย่อว่า ว.ป.ร. ทองอุณาโลมมีโบว์ดำเป็นรูปดอกจันทร์สอดใต้เข็มเครื่องหมาย ติดไว้ที่อกเสื้อ ในขณะนั้นสมาชิกแม่เสือไม่มีเครื่องแบบและไม่มีระเบียบข้อบังคับ ส่วนเด็กหญิงนั้น พระองค์ได้มีพระราชดำริที่จะตั้งขึ้นเป็นกองลูกเสือหญิง และได้ทรงคิดนามพระราชทานไว้ว่า "เนตรนารี" ด้วยทรงเห็นว่าเด็กผู้หญิงย่อยมมีความสำคัญแก่ครอบครัว ถ้าได้รับการฝึกอบรมตามวิธีการของลูกเสือก็จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติได้เป็นอย่างมาก จึงทรงร่างข้อบังคับลักษณะปกครองคณะเนตรนารีมากล่าวไว้ ดังนี้ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานปรารถนาว่า ได้ทรงจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นเพื่อบำรุงเด็กชายให้ได้รับการฝึกฝนในทางที่จะเป็นผู้มีลักษณะสมกับที่เป็นพลเมืองอันพึงปรารถนา มีพระราชประสงค์ที่จะทำนุบำรุงเด็กหญิงด้วย เพราะเด็กหญิงเป็นผู้มีความเป็นเป็นอยู่ของชาติ ต้องอาศัยนับจำเดิมแต่ปฐมวัยมา คือ เด็กหญิงเป็นผู้ที่นำทางพี่น้อง แม้ที่สุดบางทีก็ถึงนำทางบิดา มารดา ด้วยเมื่อเติบโตเป็นพลเมืองในสมัยข้างหน้าไปตามที่ได้รับ การอบรมได้จึงมีพระราชดำริว่า ถึงเวลาที่ควรจะฝึกหัดให้หญิงเป็นผู้นำทางไปที่ชอบ คือ ฝึกฝนให้เด็กหญิงเหมาะที่จะเป็นพลเมืองดีในภายหน้าด้วยการอบรมนิสัยฝึกหัดให้รู้จักสังเกต รู้จักอยู่ในถ้อยคำของผู้ใหญ่ ตลอดจนอยู่ในพระราชกำหนดกฎหมาย มีความจงรักภักดีต่อผู้ใหญ่ของตน ตลอดจน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น ทำประโยชน์แก่มหาชนและในกิจการที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนที่ฝึกหัดร่างกายให้เจริญเต็มที่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราข้อบังคับลักษณะปกครองคณะเนตรนารี ขึ้นไว้"
ภายหลังเปลี่ยนการปกครองเมื่อ
พ.ศ. 2475 กิจการลูกเสือทรุดโทรมลง
กิจการเนตรนารีซึ่งมีสภาพเช่นเดียวกันก็พลอยทรุดโทรมลงไปด้วย
มีการตั้งหน่วยยุวชนและยุวนารีขึ้นแทน ในสมัยที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม
เรืองอำนาจ การลูกเสือก็ยิ่งซบเซามากขึ้น ใน พ.ศ. 2496
เมื่อกิจการลูกเสือได้ฟื้นฟูขึ้นแล้ว เรือเอกหลวงชัชวาล ชลธี
หัวหน้ากองลูกเสือ จึงได้นำร่างข้อบังคับลักษณะ
ปกครองคณะเนตรนารีของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
มาขอให้ท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสภาวัฒนาธรรมแห่งชาติและอุปนายกสโมสรวัฒนธรรมหญิง
เมื่อ พ.ศ. 2497 รื้อฟื้นกิจการเนตรนารีขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2499
ท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล จึงได้นำเยาวชน สมาชิกของสโมสรวัฒนธรรมหญิง
จำนวน 32 คน ไปฝึกการอยู่ค่ายพักแรมที่ ตำบลอ่างศิลา
จังหวัดชลบุรี |
ลดแล้ว และไปทำงานได้แล้ว แต่สงสารคน กทม.และน้องน้ำที่ถูกกีดกันจากคนใจร้ายยุน้องทราย และน้องดินมากั้นกลาง
รอบนอกกรุงเก่า นำเน่าค้าง น่าเป็นห่วง