ในการพบกับผู้เรียนแต่ละกลุ่มครั้งแรกนั้น ผมจะถามผู้เรียนเสมอว่า
ใครบ้างที่ค้นพบและรู้จักตนเองเป็นอย่างดีแล้วยกมือขึ้น ?
เราส่วนใหญ่จะศึกษาแต่เรื่องนอกตัวเป็นหลัก หลายคนยังไม่เคยเรียนรู้ "กายและใจ" ของตนเองอย่างจริงจัง ทำให้ไม่รู้จักตนเองเพียงพอ แต่เข้าใจผิดคิดว่า รู้จักตนเองดีแล้ว ผมว่าอันตรายยิ่งนัก
สิ่งแรกที่มนุษย์เราควรค้นให้พบนั่นคือ "ค้นให้พบตนเอง" เรียนรู้กายและใจของตนเอง เรียนให้รู้ ขันธ์ ๕ กับ ไตรลักษณ์ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญก่อนให้ได้ เมื่อรู้แล้วก็เพียรปฏิบัติให้มีสติ+ปัญญา
เชื่อว่าการรู้ตัวเองสำคัญมากครับ อาจารย์สบายดีนะครับ
ÄÄÄÄ....คำถามๆหาตัวเองให้พบ...คงเป็นคำถาม..เฉพาะตัว..เหมือนกับคำถามที่ว่า..ไก่มาก่อนไข่..หรือ ไข่มาก่อนไก่...( คนที่ยกมือ..คงจะเป็น..คนแน่ๆเลย..อ้ะ..ยายธี(แอบคิด)...
ดร.ขจิตสบายดีนะครับ
กระผมจิตใจสบายดีครับแต่มือเป็นแผลเย็บ 9 เข็ม คุณหมอนัดตัดไหมวันพรุ่งนี้ครับ สู้ ๆ
สวัสดีครับ ยาย
ยายคิดถูกแล้วครับ ผู้เรียนจะเกิดอาการงง ๆ และสงสัยในคำถามนิดหนึ่ง ระหว่างนั้นผมก็จะตามด้วยคำถามประมาณว่า กายกับใจใครเป็นนายกันแน่? ผู้เรียนส่วนใหญ่จะพูดทำนองว่า ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว.. แต่ผมจะหักมุมความรู้เดิม ๆ ของผู้เรียน สมมติว่า กายหิว หรือ กายป่วย กายสั่งใจได้หรือไม่ ?
ต่อจากนั้นก็จะนำเข้าสู่ขันธ์ ๕ ต่อมาถามคำถามที่หักมุมนิด ๆ อีกครั้งหนึ่งว่า
กายเป็นเราหรือไม่ ?
ไม่นานผมก็เฉลยโดยอ้างว่า ผู้รู้ท่านว่า กายไม่ใช่เราเป็นการประชุมของดิน น้ำ ลม ไฟ ... พร้อมกับเชื่อมโยงมาที่ มะม่วงกินปุ๋ยและน้ำจากดิน เรากินมะม่วง และขับถ่ายกลับไปยังดินเป็นปุ๋ยให้มะม่วงต่อ ให้ผู้เรียนเห็นความสัมพันธ์แว็บ ๆ แบบงง ๆ
พร้อมกับปิดท้ายด้วยคำถามแบบช้า ๆ ท่าทีเอาจริงเอาจังว่า..
ใจเป็นเราหรือไม่ ? หยุดสักพักแล้วก็ถามต่อว่า ถ้าใครตอบว่า ใจไม่ใช่เรา แล้วเราเป็นใคร ?
คุณ เป็น ใคร ?
ผมใช้คำถามนี้เพื่อเชื่อมต่อเข้าหาภูมิธรรมของผู้เรียน บางครั้งก็ทำได้สำเร็จกล่าวคือ ทำให้ผู้รู้ในห้องเรียน (บางห้องมีหลายคนหลายรูป) เมตตาเผยแผ่แลกเปลี่ยนเคล็ดธรรมในห้องเรียนซึ่งผมเองก็ได้เรียนรู้จากท่านเหล่านั้นด้วย ถ้าจังหวะและบรรยากาศถึงผู้เรียนหลายคนโหวตขอให้คุยกันหรือแทรกธรรมะมาก ๆ ด้วยครับ